The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 12
บทที่ 12 นัดบอด
การเจอหวางเห้าโดยบังเอิญเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไร เลยเฉินตงก็ไม่สนใจเลยสักนิด
ความสนใจของเขาทั้งหมดในตอนนี้ ล้วนอยู่ที่โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง
นี่เป็นกระดาษคำตอบที่เขาต้องส่งให้คุณพ่อที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน
และเป็นโอกาสที่เขาได้แสดงผลงานได้อย่างเต็มที่
สัญญาราคาสูงที่ขาดทุนไป 30 ล้าน สำหรับไท่ติ่งแล้ว มันเป็นภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่มาก
และความเสียหายแบบนี้ พนักงานในบริษัททุกคนล้วนทราบถึงผลกระทบที่ตามมาเป็นอย่างดี
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตอนที่เฉินตงมาบริษัทนี้ รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เคร่งขรึมเป็นพิเศษของบริษัทในทุกวัน
พนักงานทุกคนล้วนก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่กลับไม่มีบรรยากาศที่ดูสบายๆเหมือนที่ผ่านมา ทั้งบริษัทดูเงียบกริบอย่างน่ากลัวมาก
เฉินตงทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เดินตรงเข้าไปยังออฟฟิศ
เขารู้ดีว่า พนักงานรู้เรื่องสัญญาราคาสูงนั้น แต่ก็ยังอยู่ทำงานเหมือนเดิม แสดงว่ามีความเชื่อมั่นในตัวเขามาก
แต่ความเชื่อมั่นนี้ ก็ไม่สามารถระงับความรู้สึกตื่นตระหนกและร้อนใจของพวกเขาได้
จะขอให้พนักงานทุกคนทำตัวสบายๆเหมือนเขาก็คงไม่ได้
“มะรืนนี้ พวกคุณคงจะยิ้มได้อย่างสบายใจแล้วสินะ?”เฉินตงถูจมูก แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เพียงแค่ท่านหลงช่วยเขาจัดการเรื่องนั้นได้ เขาก็มั่นใจได้ว่าจะสามารถพลิกแพลงสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี ไม่เพียงแต่ทำให้โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองไม่ขาดทุน ยังทำให้ได้กำไรสูงมากอีกด้วย!
หยิบมือถือออกมา เฉินตงเปิดดูวีแชท
เมื่อคืนหลังจากที่ตอบข้อความของหลินเสว่เอ๋อแล้ว เขาก็ไม่ดูวีแชทอีกเลย
ปกติแล้วเขาจะสื่อสารกับลูกค้าในวีแชทตลอด
แต่เมื่อเขาเห็นข้อความของเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานส่งมา เขาก็หลุดสติอีกครั้ง
ข้อความส่งมาเมื่อคืนนี้ เป็นข้อความประโยคธรรมดา: คุณสบายดีไหม?
ประโยคธรรมดาธรรมดานี้ กลับทำให้เฉินตงเฉยชาไปเลย ในสมองมีภาพเธอผุดขึ้นมา
ผ่านไปสักพัก เขาถูจมูกด้วยความขมขื่น ตอบกลับไปว่า:“ยังดีครับ”
ฟังตอบข้อความกลับมาในไม่กี่วินาที:“ฉันจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว จัดการเรื่องทางนี้เสร็จ ก็จะกลับประเทศในเดือนหน้าแล้ว เราไม่เจอกัน 3 ปีแล้วสินะ”
สายตาของเฉินตงยิ่งดูใจลอย ราวกับว่าได้ไขเปิดประตูแห่งความทรงจำแล้ว พูดพึมพำเบาๆว่า:“กู้ชิงหยิ่ง……”
เมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ ในงานแต่งงานของเขากับหวางหนันหนัน หลังจากจบงานแต่งเธอก็บินไปประเทศอื่น 3 ปีมานี้ ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย
แค่ช่วง3ปีสั้นๆ ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว เพื่อนสมัยก่อนกลับมาติดต่อกันอีกครั้ง เธอจะกลับมาแล้ว แต่เขากับหวางหนันหนันกลับหย่าร้างกันแล้ว
ยิ้มขำตัวเองทีนึง เฉินตงตอบกลับไปว่า“อืม” ก็วางโทรศัพท์ลงเริ่มทำงาน
อีกฝั่งของมหาสมุทรอันไกลโพ้น
เวลานี้เป็นช่วงตอนกลางคืนพอดี
ภายในห้องที่กว้างใหญ่ มีเสียงเปียโนที่ผ่อนคลายดังอยู่
บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ
ด้านหน้าหน้าต่างยาวบานใหญ่ มีเงาคนกำลังนั่งอยู่ วางโทรศัพท์ลง ปริรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา มองไปทางไกล
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เสียงใหญ่ส่งมายังห้อง:“ชิงหยิ่ง ลูกตัดสินใจกลับประเทศเดือนหน้าจริงๆเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”กู้ชิงหยิ่งพยักหน้ายิ้ม“คุณพ่อ ฉันไม่ได้กลับไปตั้ง3ปีแล้ว อยากกลับไปดู”
“แต่ว่าเดือนหน้ามีงานเลี้ยงอาหารค่ำ พ่ออยากให้ลูกไปร่วมงานด้วยกัน จะได้แนะนำหนุ่มๆให้ลูกได้รู้จักด้วยไง ลูกก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ให้เยอะๆหน่อย”
คิ้วกู้ชิงหยิ่งขมวดขึ้น พูดอย่างไม่ค่อยพอใจน้อย:“ คุณพ่อ ครั้งนี้เป็นคนRothschild?หรือว่าเจ้าชายแห่งผู้ประกอบการน้ำมัน?”
“มีหมดเลย!”เสียงใหญ่กล่าวตอบ
“ไม่ชอบ”กู้ชิงหยิ่งปฏิเสธ
……
ในขณะเดียวกัน ภายในบ้าน กำลังมีปากเสียงกันอย่างดุเดือด
“แม่ ฉันไม่ไป ยังไงฉันก็ไม่มีทางไปหรอก!”หวางหนันหนันกล่าวพร้อมกับร้องไห้จนตาแดง
บนพื้น เต็มไปด้วยของที่ขว้างปาจนแตกกระจุยไปหมด
ปั้ง!
จางซิ่วจือปาแจกันดอกไม้ลงบนพื้น มือเท้าสะเอวด่าว่า:“คุณบ้าไปแล้วหรอ!เมื่อก่อนตอนที่ลูกแต่งงานกับไอ้คนขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถอย่างเฉินตง ฉันก็ไม่ได้ห้ามลูกไว้ ตอนนี้ก็เลยมาวุ่นวายจนถึงขั้นหย่าร้างกัน ”
“ฉันผู้เป็นแม่ อุตส่าห์ทุ่มเทอย่างสุดจิตสุดใจเพื่อแนะนำหนุ่มให้ลูกไปดูตัว ลูกกลับไม่ไป?ลูกรู้ไหมว่าคำว่าเสียหน้าคืออะไร?”
ด้านข้าง หวางเต๋อนั่งอยู่บนโซฟา ว่าได้เห็นภาพเหล่านี้ ถึงกับถอนหายใจยังไม่หยุด
“คุณพ่อ!”
หวางหนันหนันมองหวางเต๋อด้วยแววตาที่สิ้นหวัง:“พ่อช่วยฉันขอร้องคุณแม่ด้วยสิคะ?”
“เขากล้าเหรอ!”
คิ้วจางซิ่วจือขมวดเข้าหากันกลายเป็นเส้นตรง ติเตียนด้วยเสียงแหลม
หวางเต๋อไม่อาจที่จะทนนิ่งเฉยได้ จึงเอ่ยปากพูดไปว่า:“ผมก็รู้สึกว่าคนที่คุณหามาให้พวกนั้นมันไม่เหมาะสม อายุก็ตั้ง 40 กว่าแล้ว อายุไล่เลี่ยกับเราสองคนด้วยซ้ำไป”
“40 กว่าแล้วไง?”
จางซิ่วจือสีหน้าดุร้าย:“ชายอายุ 40ก็เหมือนดอกไม้ที่กำลังผลิบานดูดีจะตายไป คนเขามีเงิน ถือได้ว่าเป็นเศรษฐีชายโสดมีหน้ามีตา หนันหนันเคยหย่ามาแล้วเป็นแค่ของมือสอง คุณยังจะอยากหาหนุ่มรูปร่างสูงหล่องานดีมีฐานะอีกหรอ? หนุ่มรูปร่างสูงหล่องานดีมีฐานะเขาจะมาเหลียวแลเธอเหรอ?”
หวางหนันหนันตะลึงจนพูดไม่ออก มองจางซิ่วจือด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
เธอนึกไม่ถึงเลยว่า แม่แท้ๆของตนจะใช้คำว่า”ของมือสอง”มาเปรียบเทียบตัวเธอ
“แม่……”หวางหนันหนันเรียกเสียงสะอื้นร้องไห้ น้ำตาคลอ
“หุบปาก!”
จางซิ่วจือด่าไปคำนึง:“ถ้าเมื่อก่อนแกไม่แต่งงานกับคนขี้ขลาดไร้ความสามารถอย่างเฉินตง น้องชายแกจะแต่งงานตอนนี้ แกจะถึงกับช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
“มีแม่คนไหนบ้างที่ไม่รักลูกตัวเอง?ที่สำคัญคือเงินเดือนของฉันกับพ่อแกมันไม่พอจ่ายค่าสินสอดในงานแต่งของเสี่ยวเห้า คนเป็นพี่ยังแกยังไงก็ควรจะช่วยสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?แกจะบีบให้ฉันกับพ่อแกไปตาย ให้ตระกูลหวางไม่มีลูกหลานสำหรับสืบสกุลหรือไง?”
หวางหนันหนันมึนงงไปหมด ฟันกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินคำว่า”ไม่มีลูกหลานสืบสกุล ตัวอ่อนไปเลย พูดโน้มน้าวใจด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริง:“หนันหนัน ฟังแม่พูดเถอะ ลูกเป็นพี่สาว หลังจากแต่งงานกับเฉินตง ยังมีครอบครัวอยู่ในใจไหม?เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายแท้ๆของลูกนะ”
“คนคนนั้นเป็นถึงประธานบริษัทที่เฉินตงทำงานอยู่นะ เขาเป็นถึงหัวหน้างานของเฉินตงด้วย!”หวางหนันหนันพึ่งความหวังสุดท้ายนี้ดู
เธอเพิ่งจะ 20 กว่า จะยอมคบกับชายแก่อายุ40กว่าได้ยังไง?
อีกอย่าง ตอนนี้เธอเพิ่งจะหย่ามาเอง
“แล้วไง?”จางซิ่วจือมือข้างนึงเท้าเอว กล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า :“ไอ้คนขี้ขลาดตาขาวที่ไร้ประโยชน์อย่างเขามาแต่งกับคนตระกูลหวางที่สูงเกินเอื้อม ยังกล้าหย่ากับแก งั้นก็ดี แกก็ไปเป็นภรรยาเจ้านายบริษัทที่เขาอยู่เลย ให้เขารู้ว่า เขาขี้ขลาดตาขาวและไร้ประโยชน์ขนาดไหน ”
คำพูดที่จะถึง รอยยิ้มเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“แม่ แม่ทำเกินไปแล้วนะ!”หวางหนันหนันโมโหจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
ทันใดนั้นเอง หวางเห้ากลับมาแล้ว
ถูกหลินเสว่เอ๋อตำหนิติเตียนเป็นชุดต่อหน้าเฉินตง ถึงขนาดโดนตบไปทีนึง หวางเห้ายังหงุดหงิดไม่หายเลย
เมื่อเห็นบรรยากาศภายในบ้าน เขาก็ตะลึง:“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เสี่ยวเห้ากลับมาแล้วหรอ?”จางซิ่วจือเรื่องสีหน้าไปเลย ยิ้มต้อนรับหวางเห้า:“ไม่มีอะไร พวกเรากับพี่สาวลูกกำลังเจรจาเรื่องช่วยเตรียมเงินค่าสินสอดให้ลูก”
เมื่อได้ยินคำว่าสินสอด หวางเห้าก็เดินเข้าไปหาหวางหนันหนันอย่างรีบร้อน จับมือหวางหนันหนันแล้วพูดเหมือนดูน่าสงสารมาก :“พี่ พี่ช่วยผมด้วยนะ ผมไม่มีวิธีอะไรแล้ว นี่เป็นเรื่องในทั้งชีวิตของผมเลยนะ ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องเสว่เอ๋อกับผมคงต้องจบกันแน่ๆ”
ได้เห็นหวางเห้าที่ดูน่าสงสาร จู่ๆหวางหนันหนันก็ใจอ่อน
ลังเลอยู่สักพัก เขาพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง:“ฉันไปก็ได้”
“ดีมาก!เสี่ยวเห้า คืนนี้ลูกขับรถออดี้A4พาพี่สาวไป อีกฝ่ายเขาเป็นถึงคนมีฐานะร่ำรวย ขับรถของลูกจะได้ดูดีมีราคา ถ้าสำเร็จ เราจะได้ขอค่าสินสอดให้มันเยอะๆหน่อย”
จางซิ่วจือกล่าวอย่างปลาบปลื้มดีใจ