The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 136
บทที่ 136 สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน ทุกอย่างกำลังจะพังทลายลง
เฉินตงที่เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ นอนหลับไปอย่างสนิท
จนกระทั่งถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่แม่ยกอาหารเช้าเข้ามาให้เขาที่เตียง ถึงได้ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา
เมื่อเห็นอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้า เฉินตงก็ยิ้ม : “แม่ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ทำไมยังยกอาหารมาให้ผมถึงมืออีก ?”
หลี่หลานยิ้มแล้วพูดว่า : “ในสายตาของแม่ ลูกยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ”
เฉินตงยิ้ม จากนั้นจึงหยิบอาหารเช้าขึ้นมารับประทาน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เข้าก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง
ในห้องรับแขก ท่านหลงและคุนหลุนกำลังนั่งดูข่าวช่วงเช้าอยู่
เมื่อเห็นเฉินตง ท่านหลงก็โบกมือ และพูดพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ : “คุณชาย รีบมาดูข่าวนี้เร็วเข้า น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ”
เฉินตงเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นข่าว เขาก็ผงะไป : “โจวเย่นชิวเองก็ซื้อที่ในภาคตะวันตกแปลงหนึ่งด้วย ?”
“น่าสนใจใช่ไหมล่ะครับ ?” ท่านหลงยิ้มด้วยความประหลาดใจ
เฉินตงส่ายหัว : “จิ้งจอกเฒ่ามีแผนสำรอง”
คุนหลุนถามด้วยความสงสัย : “คุณชาย ท่านหลง นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?”
ท่านหลงอธิบายอย่างอดทน : “ครั้งก่อนโจวเย่นชิวเลือกมที่จะเข้าข้างเฉินเทียนเซิง ก็เท่ากับว่ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณชาย ต่อมาเขาล้มเลิกการคว่ำบาตรวัสดุ เท่ากับว่าตนเองกำลังเหยียบเรือสองแคมอยู่
ขณะที่กำลังพูด ท่านหลงก็ชี้ไปยังข่าวโทรทัศน์ : “ครั้งนี้ การที่เขารีบซื้อที่ดินตามบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงในทันที เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาตั้งใจที่สนับสนุนทางฝั่งไท่ติ่งของคุณชายด้วยหนึ่งทาง เพราะตอนนี้เขาเองก็ยังมองสถานการณ์ภายในตระกูลเฉินไม่ออก ดังนั้นจึงจงใจที่จะซื้อที่ดินแปลงนี้”
“ประการแรกเพื่อที่จะแสดงให้คุณชายเห็นว่า เขาเต็มใจที่จะสนับสนุนคุณชาย ประการที่สอง ที่ดินเพียงแค่ผืนเดียวไม่อาจชี้นำทิศทางของสถานการณ์ได้ หากทางฝั่งเฉินเทียนเซิงคิดที่จะสอบสวนขึ้นมา ก็คงไม่สามารถสอบสวนอะไรได้มากนัก”
คุนหลุนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ : “เจ้าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ ถือว่าฉลาดหลักแหลมจริงๆ”
“ฉันจะไปบริษัทก่อน”
เฉินตงพูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วเดินออกไปด้านนอก
คุนหลุนรีบตามไปติดๆ เมื่อวานเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ช่วงนี้เขาจึงจำเป็นต้องตามติดเฉินตงทุกฝีก้าว
ท่านหลงดูข่าวในโทรทัศน์ จากนั้นจึงหรี่ตาแล้วยแสยะยิ้มออกมา : “จับปลาสองมือ เกรงว่าสุดท้ายจะหลุดมือไปทั้งคู่นะสิ คนเราช่างไม่รู้จัดพอเสียจริงๆ !”
หลังจากโจวเย่นชิวซื้อที่ทางภาคตะวันตกของเมือง ข่าวก็แพร่สะพัดขึ้นอีกครั้ง
เดิมที การรายงานข่าวเมื่อคืนเรื่องที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงซื้อที่ดิน ก็สร้างความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อยแล้ว
มาตอนนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองของเมืองต่างก็ยื่นมือเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คนฉลาด แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่า ต้องการที่จะสนับสนุนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของเฉินตง ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
เหล่าบรรดาผู้ซื้อที่แต่เดิมตั้งใจที่จะคืนบ้าน มาตอนนี้มีบางคนเริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมาแล้ว
บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองเข้าซื้อที่ดินพร้อมกัน แสดงให้เห็นว่าภาคตะวันตกของเมืองยังมีโอกาสที่จะพัฒนาได้ บ้านของตนเองก็มีโอกาสที่จะทำเงินได้
แต่แน่นอนว่ายังมีคนอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดที่จะคืนบ้าน
น่าขำจริงๆ !
ต่อให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองจะยื่นมือเข้ามา ก็ยังเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปไม่ได้อยู่ดี
ยี่เคอ กรุ๊ปเป็นยักษ์ใหญ่ของธุรกิจนี้ทั้งหมด !
ยี่เคอ กรุ๊ประงับโครงการแล้ว ในความคิดของคนที่แน่วแน่ในการคืนบ้านนั้น ก็ยังคงรู้สึกว่ายังไงเสียราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกของเมืองจะต้องลดฮวบลงอย่างแน่นอน ถึงขนาดลดลงไปเท่าราคาเฉลี่ยเดิม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนี้ ไม่มีบริษัทไหนที่สามารถช่วยเมืองนี้เอาไว้ได้
อีกทั้งยังไม่สามารถค้ำจุนไท่ติ่งเอาไว้ได้อีกด้วย !
เหตุการณ์ในครั้งนี้อาจถึงขึ้นที่ทุกอย่างต้องพังทลายลง ไท่ติ่งอาจต้องล้มละลายจนปิดกิจการ ส่วนบ้านของพวกเขาเองก็ต้องพินาศไปด้วย หากไม่ให้ถอยตอนนี้แล้วจะให้ถอยตอนไหน ?
มีความคิดเห็นมากมายเกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระลอกๆ ต่อเนื่องกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงมีคนสงสัยเรื่องที่ไท่ติ่งรับปากที่จะให้คืนบ้าน ว่าอาจเป็นการพยายามถ่วงเวลาเพื่อเตรียมหาทางหนีทีไล่ !
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกสับสน ทำให้เกิดการปิดล้อมตึกใหญ่ของไท่ติ่งอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ เฉินตงไม่รู้สึกสับสนอีกต่อไปแล้ว เข้าแจ้งกับผู้ที่หน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ว่าให้ไปตักเตือนผู้หวังดี ว่าการที่เขารับปากที่จะให้คืนบ้านอย่างง่ายดายนั้น
ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นอ่อนแอ ถึงขั้นถูกบีบคั้นและกดดันในภาวะวิกฤตได้ง่ายๆ !
พริบตาเดียว วันที่เฉินตงนัดแนะกับเหล่าผู้ซื้อก็มาถึง
ศูนย์กลางที่ทำการซื้อขายตึกทั้งสี่แห่ง ภายในเวลาสามวัน ก็ได้รับการฟื้นฟูแล้วเสร็จ
เช้าตรู่ ด้านหน้าของศูนย์กลางที่ทำการซื้อขายทุกแห่ง มีการต่อแถวยาวเหยียด
เรียกได้ว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ !
คึกคักยิ่งกว่าการเปิดขายตึกทั้งสามตึกล่วงหน้า ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียอีก !
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากเช่นนี้ แน่นอนว่ามีสื่อนำไปรายงานข่าวมากมาย
“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายท่านนี้ เลือกที่จะคืนบ้านจริงๆ หรือคะ ?”
นักข่าวสาวคนหนึ่งเข้าไปสัมภาษณ์หนึ่งในคนที่กำลังต่อคิวเพื่อคืนบ้านอยู่
“ถ้าไม่คืนจะให้เก็บเอาไว้ฉลองปีใหม่หรือยังไง ?”
นักข่าวสาวยิ้มแล้วถามต่อว่า : “อะไรที่ทำให้คุณแน่ใจว่าต้องการจะคืนบ้านคะ ? มีรายงานว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ทั้งสองแห่งของเมืองนี้ได้เข้าไปซื้อที่ดินทางภาคตะวันตกของเมืองเอาไว้แล้ว ราคาอสังหาริมทรัพย์……”
ยังไม่ทันที่นักข่าวสาวจะพูดจบ ผู้ชายที่ถูกสัมภาษณ์ก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า : “บริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่งนั้น นำมาเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปได้หรือ ? คุณกำลังพูดเรื่องตลกระดับชาติอยู่หรือยังไง ? ถ้าไม่มียี่เคอ กรุ๊ป ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกจะต้องดิ่งลงเหวอย่างแน่นอน ในเมื่อเจ้าของไท่ติ่งยินดีจะรับคืน แล้วทำไมพวกเราจะไม่คืนล่ะ ?”
นักข่าวสารรู้สึกเขินอายเล็กน้อย จากนั้นจึงถามต่อว่า : “นี่ถือเป็นการคืนบ้านครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเมืองนี้ นี่พอจะบ่งชี้ได้ว่าไท่ติ่งอาจจะมีโอกาสล้มละลายจนต้องปิดกิจการ ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้คะ ?”
ชายผู้นี้แสยะยิ้มออกมา : “ไท่ติ่งล้มละลายแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย ? เขาเจ๊งของเขา ส่วนผมก็รอดของผม ขอแค่เงินของผมยังอยู่ครบก็พอแล้ว !”
ทันใดนั้น
บริเวณหัวแถวมีเสียงตะโกนดังขึ้นว่า : “ศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์เปิดแล้ว !”
ทันใดนั้นเอง แถวที่ต่อกันอย่าเป็นระเบียบ จู่ๆ ก็กระจัดกระจาย เหมือนกับฝูงผึ้งแตกรังที่กรูกันเข้าไปยังศูนย์กลางที่ทำการขาย
นักข่าวสาวดึงตัวชายคนนั้นเอาไว้เพราะต้องการจะสัมภาษณ์ต่อ แต่ชายคนนั้นกลับสะบัดนักข่าวสาวออกทันที
“พวกคุณนี่มันน่ารำคาญไหม ? ผมจะรีบไปคืนบ้าน อย่ามาขวางทาง !”
นักข่าวหญิงคนนั้นเดินโซเซแล้วล้มลงกับพื้น แขนของเธอมีแผลถลอกจนเลือดไหล
ส่วนคนที่ต้องการคืนบ้านที่อยู่โดยรอบ พยายามเบียดเสียดกันเข้าไปยังศูนย์กลางที่ทำการขายพลาง ต่อว่านักข่าวสาวคนนี้ไปพลาง
“สาวน้อย ทำไมเธอถึงได้น่ารำคาญอย่างนี้นะ ? รีบออกไปเร็ว อย่ามาขวางทาง !”
“จะสัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์ไปสิ แต่อย่ามาทำให้เสียเรื่อง สมควรแล้วที่ล้มลงไป”
……
เช้าตรู่ สื่อทุกแขนงของเมืองนี้ ต่างก็ไปประจำการอยู่ด้านหน้าที่ทำการขายทั้งสี่แห่งของไท่ติ่งด้วยอุปการณ์ครบมือ เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่หลงถิงฮัวหยวนเปิดขายล่วงหน้าเสียอีก !
หากนำเหตุการณ์ก่อนหน้าและตอนนี้มาเปรียบเทียบกัน ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกว่าเหตุการณ์ดูจะเลวร้ายลงทุกวัน และกำลังที่จะพังทลายลง
ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังพูดถึงไท่ติ่ง
ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่คนปากเสียคอยพูดจาเสียดสี เยาะเย้ย กร่นด่า
ในเหตุการณ์วิกฤติเช่นนี้ ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก็ดิ่งลงทันที 20% !
แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติง ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเฉินตง กลับยังคงคืนเงินให้กับผู้ซื้อทั้งหมดต็มจำนวน ถึงขั้นที่แม้แต่ภาษีจากการซื้อบ้าน ไท่ติ่งก็รับผิดชอบแบกรับภาระเอาไว้ทั้งหมด !
การกระทำเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่โง่มากในสายตาของทุกคน !
แม้แต่โจวจุนหลงและโจวเย่นชิวเอง เมื่อรู้เรื่องนี้เข้าต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เฉินตง……บ้าไปแล้วจริงๆ หรือ ?
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
เสี่ยวหม่ามองดูข้อมูลที่ส่งมาจากที่ทำการขายทั้งสี่แห่ง ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก มือของเขาสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือด : “พี่ตง เงินในบัญชีของบริษัทเรากำลังไหลออกสู่ข้างนอกอย่างรวดเร็วแล้ว”
“อืม ไม่เป็นไร ฉันจะโอนเงินเข้าบริษัทให้”
แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างใจลอย จากนั้นจึงโอนเงินจำนวนหนึ่งพันล้านออกจากบัตรธนาคารชงโค เข้าไปสู่บัญชีของบริษัท
ต่อให้ขาดทุน เขาก็ต้องอดืทนเอาไว้ !
เงินแค่พันล้าน เขายอมขาดทุนได้ !
แต่เวลาต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ !
การคืนบ้านยังคงดำเนินต่อไปตนถึงเวลาสองทุ่ม
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งจึงเงียบสงบลง
พนักงานทุกคนต่างดูไร้ชีวิตชีวาและเศร้าหมอง
เวลานี้ ฟ้าถล่มลงมาแล้วจริงๆ !
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงแรก บวกกับการคืนบ้านครั้งมหาศาลนี้ หากไม่ใช่เพราะเฉินตงโอนเงินจำนวนพันล้านมาค้ำจุนบริษัทเอาไว้ ไท่ติ่งคงล้มลงนานแล้ว !
ในห้องทำงาน
ในดวงตาของเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขาพูดว่า : “พี่ พี่ตง ภายในวันเดียว บ้านที่เปิดขายไปล่วงหน้า ถูก……ถูกขายคืนกลับมา 70 % แล้ว !”
“ไม่เป็นไร !”
เฉินตงบิดเอวของเขาด้วยความเมื่อยล้า : “ถ้าหากพรุ่งนี้ยังมีคนต้องการขายบ้านคืนอีก ก็ให้รับคืนต่อ ยังไงเสียฉันก็ยังพอมีเงินอีกหลายร้อยล้าน”
เสี่ยวหม่ารู้สึกลังเลที่จะพูดออกมา เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
นี่เป็นเพียงแค่การคืนเงินเท่านั้นหรือ ?
นี่มันคือผ่านผลักไท่ติ่งให้ไปตายอย่างรวดเร็วต่างหากล่ะ !
และค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ ยังหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการที่ไท่ติ่งเลือกที่จะล้มละลายตอนที่เซ็นสัญญาราคาสูงเสียดฟ้าเมื่อครั้งก่อนเสียอีก !
“ทุกคนยุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบกลับบ้านไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
เฉินตงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง : “เสี่ยวหม่า ช่วยไปบอกทุกคนแทนฉันทีว่า ไท่ติ่งอาจล้มละลาย แต่ฉัน เฉินตง จะไม่มีวันทอดทิ้งทุกคนเด็ดขาด”
……
คลับสี่ยิ่น
กู้ชิงหยิ่งนั่งดูคลิปวิดีโอด้วยความหดหู่ ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวเกี่ยวกับการคืนบ้านของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งทั้งสิ้น
การพูดคุยของคนในโลกออนไลน์ เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
เธอดูจนรู้สึกโกรธ ดวงตาของเธอแดงก่ำ ทำให้เธออยากที่จะติดต่อกับเฉินตง
แต่สองสามวันนี้ เธอรู้ดีว่าเฉินตงเองคงร้อนใจและวิตกกังวลกว่าเธอแน่นอน เวลาเช่นนี้ การคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ คงจะเป็นการปลอบใจที่ดีที่สุดสำหรับเฉินตง หากตนเองถามมากไป ก็ยิ่งจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้แก่เฉินตง
คลิปวิดีโอที่เธอกำลังดู หนึ่งในนั้นมีคลิปที่นักข่าวสารถูกผลักจนล้มลงขณะทำการสัมภาษณ์ และด้านล่างของคลิป ยังมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า ภายในวันเดียวมีคนไปขายบ้านคืนกับบริษัทไท่ติ่งเกินกว่า 70 % แล้ว
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย คนโง่เฉินตง ไม่คิดที่จะคำนึงถึงตัวเองสักนิดเลยหรืออย่างไร ?
ก๊อก ก๊อก !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เสี่ยวหยิ่ง พ่อขอเข้าไปหน่อยได้ไหม ?” เสียงของกู้โก๋ฮั๋วดังขึ้น
“ค่ะ” กู้ชิงหยิ่งพยายามกลั้นน้ำตา แล้วขานรับ
กู้โก๋ฮั๋วเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม : “เสี่ยวหยิ่ง อยากฟังข่าวดีไหม ?”