The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 160
บทที่ 160 ปลายเดือนแล้ว……
แสงแดดจ้า
ต่อให้เป็นฤดูร้อนที่มีแสงแดดแผดเผา แต่เขตวิลล่าเขาเทียนซานก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยผืนป่า ทำให้รู้สึกสดชื่นและร่มเย็น
ท่านหลงนั่งไกวตัวเบาๆ อยู่บนชิงช้าในสวนดอกไม้อย่างสบายใจ
ส่วนคุนหลุนยังอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้เขาจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอีกสักระยะถึงจะออกจากโรพยาบาลได้
ฟ่านลู่ยังคงอยู่ดูแลในโรงพยาบาลเป็นอย่างดี
หลังจากหลี่หลานรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จก็ออกจากบ้านไป
ท่าหลงรู้ดีว่าหลี่หลานไปที่ไหน แต่เพราะเป็นเพียงคนรับใช้ เขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปขัดขวาง และไม่กล้านำเรื่องนี้ไปบอกเฉินตง เพราะเขารู้ดีว่าหลี่หลานจะใช้ความตายในการขู่บังคับเขา
วิลล่าที่ใหญ่โต กลับเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว
ทำให้รู้สึกอ้างว้างเล็กน้อย
แต่ว่าท่านหลงเองกลับไม่ได้สนใจ เขายังคงใช้ชีวิตอย่างสบายใจ
ท่านหลงวางกาน้ำชาที่ถืออยู่ในมือ จากนั้นก็เอนตัวลงบนชิงช้าอย่างผ่อนคลาย
แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามา ทำให้ความสบายใจของเขาต้องสิ้นสุดลง
ชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์คือ “นายท่าน” ท่านหลงมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นในทันที
“นายท่าน มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับ ?”
“นายบอกว่า ปลายเดือนนี้เฉินตงจะขอผู้หญิงแต่งงานอย่างนั้นหรือ ?”
เรื่องนี้ ตอนแรกหลังจากที่เฉินตงตัดสินใจแล้ว ท่านหลงก็รีบรายงานให้เฉินเต้าหลินรู้ในทันที
ตอนนี้ลองนับดูแล้ว ก็ห่างจากปลายเดือนอีกเพียงไม่กี่วัน
“นายท่าน การขอแต่งงานจะมีขึ้นในวันสุดท้ายของเดือนครับ” ท่านหลงพูด
“อืม ฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของเฉินตง ควรจะทำอะไรสักหน่อย”
ในสายโทรศัพท์ เสียงของเฉินเต้าหลินแสดงออกถึงความรู้สึกผิดไม่น้อย : “ในฐานะที่เป็นพ่อ ฉันไม่ได้อยู่ดูเขาเติบโตขึ้นมา ไม่ได้อยู่ร่วมในการแต่งงานครั้งแรกของเขา ตอนนี้เป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ดูเหมือนว่าจะยังทันอยู่ จึงควรชดเชยอะไรให้กับเขาบ้าง”
“นายท่าน เรื่องนี้กระผมจะจัดการให้เรียบร้อย ขอให้ท่านอยู่ในตระกูลเฉินอย่างสบายใจ ถ้าหากเข้ามาใกล้ชิดกับคุณชายมากเกินไปแล้วล่ะก็ เกรงว่าคุณหญิงใหญ่……” ท่านหลงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
แต่ ยังไม่ทันจะพูดจบ
ในสายโทรศัพท์ก็มีเสียงโมโหของเฉินเต้าหลินดังขึ้น
ท่านหลงเคร่งขรึมขึ้นทันที
หลังจากนั้น เฉินเต้าหลินก็พูดขึ้นมาด้วยความโมโหว่า : “พวกเขาคิดว่าฉันยังเป็นเฉินเต้าหลินคนเก่าอยู่ แต่กลับมองไม่เห็นเลยว่าที่ตระกูลเฉินมีทุกวันนี้ได้เพราะใคร ! ถ้าหญิงชราคนนั้นยังกล้าก่อเรื่องอีกล่ะก็ ฉันจะใช้อำนาจของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน เชิญให้เธอเข้าไปอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษ ให้ลูกหลานตระกูลเฉินกราบไหว้บูชา !”
เป็นการแสดงออกถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงและน่ากลัว
แม้แต่ท่านหลงเองก็ยังรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง
“นายไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว เรื่องการขอแต่งงานของเฉินตง ขอให้นายตั้งใจจัดการอย่างเต็มที่ ส่วนการเตรียมการของฉัน นายเองก็ไม่ต้องเป็นกังวล”
ตู๊ดๆ
ปลายสายวางโทรศัพท์ไป
ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโหยหา : “แม้แต่นายท่านก็เตรียมที่จะช่วยคุณชายขอแต่งงานแล้ว วันสุดท้ายของเดือนวันนั้น การขอแต่งงานจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ ?”
ท่านหลงเอามือลูบคาง มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของเขาอย่างชัดเจนขึ้น : “กู้โก๋ฮั๋วปรารถนาที่จะก้าวเข้าไปในตระกูลเฉิน เพื่อที่จะขอร้องให้ตระกูลเฉินช่วยเหลือเขาในการขยายอาณาจักรธุรกิจอีกครั้ง ถ้าหากเขาล่วงรู้ว่า ความปรารถนาอันแรงกล้าที่เขามีมากว่าครึ่งชีวิต สำเร็จได้เพียงเพราะการรอคอยเป็นเวลาสามปีของลูกสาว ทำให้ได้แต่งงานกับผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ชายชราคนนั้นจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกันนะ ?”
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ท่านหลงถึงขนาดจินตนาการไปถึงท่าทางของกู้โก๋ฮั๋วขณะที่ล่วงรู้ความจริง
รอบยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งดูแปลกประหลาด เขาเอนตัวลงบนชิงช้าอย่างสบายใจ จากนั้นจึงแกว่งชิงช้าเบาๆ : “พรหมลิขิต……เป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ !”
ตอนนี้เอง
ประตูของวิลล่าเปิดออก
หลี่หลานกลับมาแล้ว
ท่านหลงหันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว เขาขมวดคิ้วทันที เขารู้สึกตงิดใจเล็กน้อย
หลังจากหลี่หลานเดินเข้ามาในลาน ก็เดินก้มหน้าก้มตาด้วยความรวดเร็ว
แต่ท่านหลงก็ยังคงสังเกตเห็นว่า บนใบหน้าของหลี่หลานมีรอบฝ่ามือสีแดงปรากฏอยู่ !
“คุณผู้หญิง คุณถูกทำร้ายมาหรือครับ ?”
ท่านหลงลุกขึ้น แล้วเขาไปขวางหลี่หลานที่เพิ่งกลับมาบ้านเอาไว้
“อย่าทายุ่ง” หลี่หลานพยายามเดินเลี่ยงท่านหลง แล้วเดินมุ่งหน้าต่อไปยังบ้าน : “ท่านหลง ขอร้องนายอย่าบอกเรื่องนี้กับเฉินตง เรื่องนี้ฉันสามารถจัดการได้แน่นอน”
“แต่รอยฝ่ามือบนหน้าของคุณ……” ท่านหลงทำใจไม่ได้
“ฉันบอกว่า ห้ามบอกตงเอ๋อ !”
จู่ๆ หลี่หลานก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอทั้งสองข้างบวมแดง เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา !
เธอกัดฟันอย่างดื้อรั้น แล้วค่อยๆ พูดว่า : “ฉันทำให้ต้องเอ๋อต้องเหนื่อยมานานแล้ว เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันเป็นห่วงเขา เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว !”
ท่านหลงสีหน้าเศร้าหมองและพูดด้วยความจนใจ : “แต่กระผมคิดว่า คุณผู้หญิงไม่มีทางจัดการกับเรื่องนี้ได้ ก่อนหน้านี้เคยพูดว่า ต้นไม้ใหญ่ยังไหวเอนตามแรงลมได้ ตอนนี้ต้นไม้ใหญ่อย่างคุณชายได้เติบโตขึ้นมาแล้ว แม้แต่คุณผู้หญิงเองก็ยังหลบซ่อนอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ต้นนี้ แล้วคุณผู้หญิงคิดว่าตัวเองจะจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ?”
“พอแล้ว !” หลี่หลานตะคอกอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่หลงเหลือท่าทีที่อ่อนโยนและมีเมตตาเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป
ท่านหลงมองดูหลี่หลานเดินเข้าไปในบ้าน ความปรารถนาดีของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น
เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา : “หมาจิ้งจอกที่หิวกระหายและเสือที่ดุร้าย จะไปเข้าใจความดีงามในหัวใจของมนุษย์ได้อย่างไร ? การได้กินเนื้อและดื่มเลือดต่างหาก ถึงจะเป็นธรรมชาติของพวกมัน ทำไมคุณผู้หญิงถึงไม่ยอมเข้าใจ ?”
……
เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ
สำหรับเฉินตงแล้ว ทุกๆ วันผ่านไปอย่างเงียบสงบ แต่กลับทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างยิ่ง
ทางด้านหนึ่งเขาก็ยุ่งอยู่กับงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้
ด้วยระยะเวลาและแรงดึงดูดที่มากขึ้น ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปี ก็เติบโตขึ้นถึง 50% อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอีกด้วย
สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งแล้ว นี่ถือเป็นข่าวดีอย่างมาก
เมื่อราคาของอสังหาริมทรัพย์เกิดเสถียรภาพแล้ว ไท่ติ่งก็จะสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นได้
เฉินตงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า หลังจากที่ปฏิรูปพื้นที่ทางภาคตะวันตกเรียบร้อยแล้ว ความสามารถของเขาอาจจะสูงเกินกว่าที่จะพูดถึงตระกูลเฉินอีกก็เป็นได้
แต่เขาจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่ถูกตระกูลเฉินกดขี่ข่มเหงและบงการชีวิต !
ขอเพียงแค่เขาสามารถพาตัวเองออกมาจากความช่วยเหลือของพ่อและท่านหลงที่คอยประคับประคองเขาเอาไว้ได้เมื่อนั้น จึงจะถือว่าเป็นเวลาที่เขาสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างแท้จริง !
การขอแต่งงานถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายใต้การวางแผนอย่างรอบคอบของเฉินตง
เพื่อการขอแต่งงานครั้งนี้ เฉินตงยอมทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มี มากยิ่งกว่าที่ทุ่มเทให้กับไท่ติ่งเสียอีก
เขาอยากให้การขอแต่งงานในครั้งนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ เพื่อเป็นความทรงจำที่งดงามที่สุดในชีวิตของกู้ชิงหยิ่ง
รายละเอียดทุกอย่างต้องลงมือทำด้วยตัวเอง
เวลาที่คนคนหนึ่งทุ่มเทกับความรัก เขาจะยอมอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี
กู้ชิงหยิ่งยอมกลับมาอยู่ข้างกายเขาในช่วงเวลาที่เขาลำบากมากที่สุด ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกคุ้มค่าที่จะยอมทำทุกสิ่ง
หลังจากที่เขากลับถึงบ้านด้วยความอ่อนล้าในทุกๆ วัน
เฉินตงก็จะส่งข้อความเพื่อพูดคุยกับกู้ชิงหยิ่งโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะตอบกลับมาเพียงไม่กี่คำ เป็นเฉินตงที่ “พูดเองเออเอง” เสียส่วนใหญ่ แต่สำหรับเฉินตงแล้ว นี่คงจะเป็นช่วงเวลาที่กู้ชิงหยิ่งกำลังรอคอยด้วยความคาดหวัง เพื่อรอการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้
ก่อนหน้านี้กู้ชิงหยิ่งก็เคยบอกเฉินตงแล้วว่า จะไม่พบหน้ากัน ก็เพื่อที่จะสร้างความประหลาดใจให้เพิ่มมากขึ้นไม่ใช่หรือ ?
เรื่องนี้ เฉินตงไม่นึกสงสัยเลยแม้แต่น้อย
เพียงพริบตาเดียว
วันสุดท้ายของเดือนก็มาถึง
วันนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งไม่เปิดทำการ
ถึงขึ้นที่ว่าตึกที่ทำการขายทั้งสี่แห่งก็หยุดทำการไปด้วย นี่ทำให้ผู้คนภายนอกคาดเดากันไปต่างๆ นานา
ภายใต้คำสั่งของเฉินตง พนักงานทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ไม่เพียงแต่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของของเขาเทียนซานเท่านั้น
แต่ยังเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาเทียนซาน ที่ถูกได้รับการพัฒนามานานแล้ว เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองนี้
เมื่อมองลงมา จะเห็นวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งเมือง
ตั้งแต่เช้าตรู่ การมาถึงของเฉินตงและพนักงานของเขา ทำจุดชมวิวบนภูเขาเทียนซานถูกปิดบริการเช่นกัน
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของสื่อภายในเมืองนี้เป็นอย่างมาก
รู้ไหมว่า ตั้งแต่ที่จุดชมวิวภูเขาเทียนซานเปิดให้บริการมา ยังไม่เคยปิดให้บริการมาก่อน !
แต่ไม่ว่าสื่อมวลชนจะพยายามสอบถามเช่นไร ก็ไม่มีข่าวรั่วไหลออกมาเลยแม้แต่น้อย
ประชาชนภายในเมืองค่อยๆ มีการแสดงความคิดเห็นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
สายตาของคนทั้งเมืองต่างกำลังจับจ้องไปที่จุดชมวิวบนเขาเทียนซาน ภายใต้การดึงดูดของสื่อ
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง
เฉินตงยืนอยู่ตรงถนนบนภูเขาแล้วมองลงไป จากจุดนี้สามารถมองลงไปเห็นถนนหลวงที่อยู่เชิงภูเขาได้พอดิบพอดี เมื่อมองไกลออกไป ก็จะเห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมือง
เขายกโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วยิ้มเล็กน้อย : เสี่ยวหยิ่ง พวกคุณมาถึงกันหรือยัง ?”