The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 164
บทที่ 164 ไม่ทอดทิ้งกัน อยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต
“เสี่ยวหยิ่ง ขอบคุณที่คุณไม่ไปจากผม”
จนกระทั่งน้ำเสียที่อ่อนโยนของเฉินตงดังขึ้น
ร่างที่บอบบางของจึงสั่น แล้วได้สติกลับมา
บนท้องฟ้าท่ามกลางดอกไม้ไฟและสายฝนดอกไม้ เธอค่อยๆก้มหน้าลง มองเฉินตงที่กำลังคุกเข่าด้วยขาหนึ่งข้าง
เวลานี้ กู้ชิงรู้สึกว่าบนโลกนี้มีเพียงเธอกับเฉินตง
แม้แต่เสียงคำรามของเฮลิคอปเตอร์ทั้งห้าลำที่อยู่เหนือศีรษะ ก็หายโดยปริยาย
“การที่คุณรอผมสามปี ผมจะไม่มีทางทำให้คุณผิดหวัง”
เฉินตงจริงจังมาก น้ำเสียงก็อ่อนโยนมาก
น้ำเสียงไพเราะ เต็มไปด้วยแรงดึงดูด แต่มันโดนใจของกู้ชิงหยิ่งโดยตรง
“ผมเคยพูดแล้ว คุณใช้ทั้งชีวิตมาเป็นเดิมพัน ผมจะยอมให้คุณแพ้ได้อย่างไร?”
“ต่อไปนี้ ผมหวังว่าข้างกายผมจะมีคุณอยู่ด้วยตลอดเวลา!”
เมื่อคำพูดสุดท้ายได้พูดออกมาแล้ว เฉินตงก็ได้หยิบแหวนเพชรที่ได้เตรียมไว้นานแล้วออกมา
ภายใต้แสงที่สาดส่อง เขาค่อยๆเปิดกล่องแหวนออก
ทันใดนั้น แสงสีแดงสดใส ก็สะท้อนออกมา
กู้ชิงหยิ่งตกตะลึงไปแล้ว ถูกแหวนที่อยู่ในมือของเฉินตงนั้นดึงดูดไปโดยสิ้นเชิง
แสงสีแดงแพรวพราวที่แทงตา ดูเหมือนจะมีอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายเท่านั้น
และในไม่ไกล
สีหน้าท่าทีของกู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงก็เปลี่ยนไปอย่างมากในเวลาเดียวกัน
กู้โก๋ฮั้วถึงกับโพล่งออกมา: “เพชรสีเลือด? โอ้พระเจ้า เพชรสีเลือดที่เม็ดใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อยหลายร้อยล้าน ไอ้เด็กเฉินตงคนนี้ บ้าไปแล้วหรือ?”
“บ้าเหรอ?เห่อ!”
ท่านเมิ่งยิ้มๆ “เงินแค่ไม่กี่ร้อยล้านจะแค่ไหนเชียว ต่อไปพันล้าน ก็ไม่มีอะไรน่าตกใจเลย”
สีหน้าของกู้โก๋อั้วแดงก่ำ ไม่ว่าจะคิดยังไม่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้
และในเวลานี้
บนเวที เฉินตงที่ถูกแสงสาดส่อง ในที่สุดก็ค่อยพูดคำพูดประโยคนั้นออกมา
“กู้ชิงหยิ่ง ได้โปรดแต่งงานกับผมด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะจับมือกันไปจนแก่เฒ่า จนแก่ก็ไม่เสียใจ คุณสัญญากับผมว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน ผมสัญญากับคุณเราจะอยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต!”
โครม!
กู้ชิงหยิ่งรู้เพียงแต่ว่าในหัวสมองนั้นดังด้วยเสียงที่สนั่นหวั่นไหว
ทันใดนั้น ดวงตาที่สวยงามก็ขุ่นมัว
รอคอย
สามปีที่รอคอย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอนั้นฝันถึงช่วงเวลานี้มาโดยตลอด
ตอนนี้จินตนาการได้กลายเป็นความจริงแล้ว ในที่สุดอารมณ์ทั้งหมดก็ปะทุออกมาในขณะนี้
ไม่มีความลังเลเลย
กู้ชิงหยิ่งพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ยื่นมือขวาออกไป
เฉินตงยิ้มจางๆ หยิบแหวนเพชรที่อยู่ในกล่องออกมา กำลังจะสวมให้กับกู้ชิงหยิ่ง
ทันใดนั้น
ท้องฟ้ายามค่ำคืนในระยะไกล
ดังขึ้นด้วยเสียงที่เกือบจะทำให้คนหูหนวก
เสียงนั้นดังมาก ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและพื้นดิน
ราวกับว่ากองกำลังนับพัน ถูกกวาดไปในอากาศ
เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว ไม่เพียงแต่สะท้อนทั่วภูเขาเทียนซาน แต่เสียงนี้ยังส่งผลกระทบไปทั่วเมือง
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทันใดนั้น บนยอดเขาเทียนซาน ทุกคนล้วนตกตะลึงกันไปหมด
แม้แต่เฉินตงก็ยังมึนงง
พอดีในเวลานี้ ท่านหลงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ตะโกนผ่านโทรโข่ง
“คุณชาย………นี่คือของขวัญเล็กน้อยที่นายท่านเตรียมให้คุณ”
คุณพ่อ?!
เฉินตงตกใจอย่างมาก มือที่กำลังจะสวมแหวนเพชรให้กับกู้ชิงหยิ่งนั้น อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักไปทันที
ก็ในเวลานี้ ท่านเมิ่งที่อยู่ไม่ไกลสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
พร้อมกับอุทาน “เครื่องบินรบ! นี่มันเป็นเสียงของเครื่องบินรบ!”
อะไรนะ?!
เมื่อได้ยินเสียงอุทานนี้
ทุกคนเหมือนถูกฟ้าผ่า ต่างตกตะลึงกันอยู่ในนี้
ขอแต่งงาน………ทำไมถึงมีเครื่องบินรบมาร่วมด้วยละ?
ด้วยเสียงคำรามของเครื่องบินรบ แทบจะไม่กะพริบตากันเลย มันได้บินมาถึงบนท้องฟ้าของเขาเทียนซานแล้ว ซึ่งอยู่สูงกว่าเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่ก่อนหน้านี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็อาศัยแสงนี้ มองดูเงาของเครื่องบินรบขนาดใหญ่
ทั้งหมด…….ยี่สิบลำ!
โครม!
วินาทีต่อมา เครื่องบินรบยี่สิบลำบินขึ้นในแนวดิ่ง เปลวไฟหางที่แทงตาสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า
และเมื่อเครื่องบินรบไต่ขึ้น หางของเครื่องบินรบทุกลำก็ได้ปล่อยแถบแสงที่แตกต่างกันออกมา เมื่อแสงรวมตัวกัน หากเทียบกับสายรุ้ง งดงามและชวนฝันยิ่งกว่า
แสงยี่สิบแถว ตั้งตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า สว่างไสวไปทั่วฟ้าดิน
มันเป็นเหมือนม่านแสง แสงที่สดใสได้ปกคลุมภูเขาเทียนซานทั้งลูก
ว้าว……….
คนที่อยู่ในงานต่างก็อุทานด้วยความตะลึง
ภาพดังกล่าว เมื่อเทียบกับภาพก่อนหน้านี้ทั้งหมด มันเจ๋งกว่ามาก
แสงที่แพรวพราว เจิดจรัสไปทั่วฟ้าดิน
“คุณชาย…….ยังรออะไรอีกครับ?”
ภายใต้แสงที่เจิดจรัส ท่านหลงได้เตือนสติเฉินตงที่ตกอยู่ในภวังค์
เฉินตงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม รีบสวมแหวนเพชรไปที่นิ้วนางของกู้ชิงหยิ่ง
หลังจากลุกขึ้น เขาได้กอดกู้ชิงหยิ่งเข้ามาในอ้อมกอด ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็เป็นของผมแล้ว”
กู้ชิงหยิ่งที่เหมือนฝันมองดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ทุกสิ่งอย่างในค่ำคืนนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนฝัน
เสียงของเครื่องบินรถ แถบแสงที่วิเศษ
เมื่อรวมตัวกัน เหมือนเมฆสีรุ้ง
ภาพดังกล่าว เธอเคยจินตนาการในความฝัน
เธอจินตนาการว่าคนที่เธอรักจะสวมชุดเกราะสีทอง และเหยียบอยู่บนเมฆสีรุ้ง เพื่อมาขอเธอแต่งงาน
บัดนี้ กลับกลายเป็นความจริงแล้ว!
เฉินตงไม่ได้สวมชุดเกราะสีทอง แต่ก็สวมชุดสูทรองเท้าหนัง
แต่ว่าเมฆสีรุ้งที่อยู่ตรงหน้า กลับมีอยู่จริง
เมื่อจินตนาการกลายเป็นความจริง แม้ว่าจะเป็นจริงเพียงครึ่งหนึ่ง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้กู้ชิงหยิ่งซึ้งจนน้ำตาไหล
เธออิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเฉินตง มองไปที่แถบไฟหลากสีบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น แล้วกล่าวพึมพำ “ขอบคุณค่ะ…….”
แถบสีรุ้ง อยู่อย่างนั้นไปเกือบสิบนาที
ในที่สุด เครื่องบินรบยี่สิบลำก็คำรามอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน
แถบแสงหายไป เครื่องบินรบยี่สิบลำก็กลับลำในเวลาเดียวกัน ก็ได้หายไปจากท้องฟ้าในยามค่ำคืน
บนยอดเขาเทียนซาน กลับมาสลัวเหมือนเมื่อกี้อีกครั้ง
แต่การปรากฏตัวของเครื่องบินรบ ได้ทิ้งความประทับใจที่ลบไม่ออกในใจของทุกคน
ไม่เพียงแต่พนักงานของไท่ติ่งที่ตกตะลึง
แม้แต่ท่านเมิ่งที่เคยเห็นโลกกว้าง กู้โก๋ฮั้วและคนอื่นๆ ก็ตะลึงกันทั้งนั้น อึ้งกันไปหมด
“เครื่องบินรบ เฉินตง……..ไปเชิญเครื่องบินรบมาจากไหน?”
กู้โก๋ฮั้วปากอ้าตาค้าง บ่นพึมพำ
เครื่องบินรบ นั้นเป็นอาวุธสงคราม!
มันใช่สิ่งที่การขอแต่งงานจะสามารถนำมาใช้ได้เหรอ?
และแล้ว
ท่านเมิ่งกลับยิ้มอย่างเรียบเฉย “หากนายเคยเห็นครอบครัวของเฉินตงเดินทาง มีเครื่องบินรบคอยคุ้มกัน ก็จะไม่อุทานแบบนี้แล้ว”
เครื่องบินคุ้มกัน?!
กู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยา ผู้อำนวยการหลิวกับเจิ้งโก๋โส่วล้วนมองท่านเมิ่งอย่างตกตะลึง
เวลานี้
ท่านหลงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวที
หลี่หลานที่อยู่ภายใต้การพยุงของฟ่านลู่ ก็ค่อยๆเดินตามไป
“แม่ครับ ท่านหลง”
เฉินตงพากู้ชิงหยิ่งเดินไปด้านหน้า
“ดีๆๆ ต่อไปนี้ก็เป็นคนบ้านเดียวกันแล้วนะ ตงเอ๋อหากลูกกล้าทำให้เสี่ยวหยิ่งเสียใจ อย่าหาว่าคนเป็นแม่ไม่ยุติธรรมละ!”
หลี่หลานยิ้มอย่างอ่อนโยน จับมือของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวหยิ่งจ๋า ขอบคุณที่หนูไม่ทิ้งตงเอ๋อ ตงเอ๋อสามารถแต่งงานกับหนู ถือว่าโชคดีอย่างยิ่ง”
“ขอบคุณคุณน้า” กู้ชิงหยิ่งยิ้มกล่าวด้วยความเขินอาย
แม้ว่าจะเคยเจอหลี่หลานนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ ให้ความรู้สึกกับเธอไม่เหมือนก่อนเลย
“พ่อแม่หนูละ? ต่อไปก็เป็นญาติกันแล้ว ต้องเจอกันหน่อย” หลี่หลานยิ้มกล่าวอย่างอ่อนโยน
กู้ชิงหยิ่งเงยหน้ามองไปอีกฟากของเวที “พวกท่านอยู่ตรงนั้นค่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็ได้กวักมือเรียกพ่อแม่
แต่ในเวลานี้กู้โก๋ฮั้วสองสามีภรรยา ยังคงจมอยู่ในความตกตะลึงกับคำพูดของท่านเมิ่งในเมื่อกี้
ไม่ได้สังเกตเห็นสัญญาณที่กู้ชิงหยิ่งส่งมาเลย
แต่เป็นท่านเมิ่งที่ตบบ่าของกู้โก๋ฮั้ว “ไอ้กู้ ขึ้นไปเถอะ จำไว้เดี๋ยวอย่าตื่นเต้นให้มากละ”
“เห่อ ก็แค่เจอหน้าฝ่ายชายเอง มีอะไรน่าตื่นเต้นละ?” กู้โก๋ฮั้วเลิกคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ท่านเมิ่งกลับยิ้มๆ “คืนนี้นายถึงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด”
กู้โก๋ฮั้วไม่ได้สนใจเลย จับมือของหลี่หวั่นชิง ค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวที
เพียงแต่ เมื่อระยะเริ่มใกล้กันเข้ามา
สายตาที่มองเห็นชัดเจน
สายตาของกู้โก๋ฮั้วกลับไปหยุดอยู่บนร่างของท่านหลง โดยไม่อาจจะละสายตาออก
คิ้วได้ขมวดแน่นขึ้น
ความรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง………..