The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 186
“แก……”
ทันใดนั้น คุณท่านใหญ่หลี่ก็ระเบิดอารมณ์โกรธออกมาราวกับสิงโต เขายกไม้ขึ้นแล้วฟาดลงไป
แต่ฟาดลงไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเขาก็หยุด
ตุ๊บ !
เสียงไม้เท้าหล่นกระทบลงบนพื้น
คุณท่านใหญ่หลี่สูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง จากนั้นอารมณ์โกรธก็ค่อยๆ สงบลง แล้วปรากฏรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยบนใบหน้าขึ้นมาแทน
“ถ้าฉันตีแกให้ตายจริงๆ ตงเอ๋อจะไม่ตัดขาดกับตระกูลหลี่หรืออย่างไร ?”
หลี่หลานหน้าถอดสี
เธอกำลังคิดเช่นนี้อยู่พอดี
เป็นเพราะพันธะของเธอ ทำให้เฉินตงยังคงถูกพันธนาการเอาไว้กับตระกูลหลี่
ถ้าเธอไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เฉินตงก็สามารถมีใจต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินได้อย่างเต็มที่
แม่ไม่อยู่แล้ว แต่ยังมีพ่ออยู่ !
เธอรู้ดีว่า หลายปีมานี้เธอทำให้เฉินตงต้องเหนื่อย และเธอจะไม่ยอมให้เฉินตงละทิ้งสิทธิ์ในการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้วมาเป็นผู้สืบทอดมรดกตระกูลหลี่เพราะเธอเด็ดขาด
ต้องหนีจากตระกูลหลี่ที่เลือดเย็นให้ได้
เพียงแต่เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตระกูลเฉินและตระกูลหลี่ ก็มีความแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว !
ในเมื่อลูกชายของเธออยากจะกลายร่างเป็นมังกรใหญ่ที่ผงาดง้ำค้ำฟ้า แล้วเธอจะยอมปล่อยให้ลูกชายกลายเป็นลูกมังกรตัวเล็กๆ ได้อย่างไร ?
หลี่หลานสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง เพื่อทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณขาด้านขวา จากนั้นจึงพูดอย่างแน่วแน่ว่า : “ตงเอ๋อไม่มีทางรับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของตระกูลหลี่เด็ดขาด !”
“พูดเช่นนี้ดูจะเร็วไปหน่อยนะ !”
คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ : “ตงเอ๋อไม่ใช่เด็กโง่ ผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินก็เป็นเพียงแค่ตำแหน่งๆ หนึ่งก็เท่านั้น มีควมแตกต่างอะไรกับพวกชนชั้นสูงของตระกูลเฉินกัน ? แต่ถ้าหากเขาหันมาหาตระกูลหลี่ของฉัน ตำแหน่งเจ้าบ้านก็จะต้องเป็นของเขาแน่นอน !”
“จริงอยู่ที่ตระกูลหลี่ไม่มีทางเทียบกับตระกูลเฉินได้ แต่ถ้าหากตงเอ๋อกลายเป็นเจ้าบ้าน เขาเองก็สามารถขึ้นไปยืนอยู่เหนือคนอื่นได้เช่นกัน !
“ตงเอ๋อไม่ได้โง่จริงๆ ไม่โง่ถึงขั้นจะยอมกลับมาช่วยเหลือตระกูลที่เลือดเย็น สูบเลือดสูบเนื้อคนเช่นนี้ ในเมื่อมีฉันเป็นบทเรียนให้เขาได้เห็นอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาจะต้องยอมบินลงเล่นกับไฟให้เจ็บตัวด้วยล่ะ ?”
หลี่หลานหัวเราะออกมา ถึงแม้ขาด้านขวาของเธอจะเจ็บ แต่เธอก็ยังหัวเราะได้อย่างเบิกบาน : “ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันไม่มีค่าอะไรในสายตาของคุณเลยด้วยซ้ำ ตงเอ๋อเองก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาของคุณ สิ่งที่คุณให้ความสำคัญก็คือ ความสามารถของเขาที่จะกลับมาช่วยตระกูลหลี่ได้ ซึ่งมีมากกว่าลูกชายหน้าโง่พวกนั้นของคุณ !”
รอยยิ้มของคุณท่านใหญ่หลี่จางหายไปทันที
แววตาของเขาปรากฏความมืดมนขึ้นมา
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้
หลี่หลานก็ยิ่งแน่ใจ เธอยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน : “ด้วยนิสัยของคุณ จะยอมปล่อยให้ตระกูลหลี่ที่ยิ่งใหญ่ ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นได้อย่างไร ? คุณแค่อยากจะยืมมือตงเอ๋อกลับมาช่วยตระกูลหลี่ก็เท่านั้น หลังจากทุกอย่างกลับสู่สภาพที่มั่นคงแล้ว คุณก็จะให้พวกหน้าโง่ในตระกูลหลี่มารับช่วงต่อ !”
“ต่อให้คุณตาย คุณก็ต้องวางแผนล่วงหน้าเอาไว้อย่างดีแน่นอน โดยสอนเจ้าพวกหน้าโง่เหล่านั้นของคุณว่าจะยึดอำนาจคืนด้วยวิธีใด ใช่ไหมล่ะ ?”
เปรี้ยง !
คุณท่านใหญ่หลี่รู้สึกตกตะลึง
ถึงแม้สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป แต่บริเวณหางตากลับปรากฏเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา และกระตุกเล็กน้อย
ถึงขึ้นกำไม้เท้าที่อยู่ในมือขวาเอาไว้แน่น
พักใหญ่
คุณท่านใหญ่หลี่ก็ยิ้มออกมาแปลกๆ
“ความสามารถของแกยอดเยี่ยมกว่าพวกพี่ชายของแกจริงๆ แต่เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลหลี่ ตั้งแต่วันที่แกเกิดมา แกก็ถูกกำหนดให้เป็นเหยื่อของตระกูลหลี่แล้ว ต่อให้ความสามารถของแกจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม !”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
“ตงเอ๋อของแกจะต้องมาแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะยอมรับช่วงตระกูลหลี่ต่อหรือไม่นั้น มีเหยื่ออย่างแกอยู่ที่นี่ทั้งคน แล้วฉันจะไปกลัวอะไร ?”
คำพูดเพียงประโยคเดียว แต่ทำให้หลี่หลานรู้สึกโกรธจนถึงขีดสุด
เธอพยายามกระเสือกกระสนเพื่อที่จะตามคุณท่านใหญ่หลี่ไป แล้วตะโกนออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่าว่า : “คุณยังเป็นคนอยู่อีกไหม ? ทำไมพ่อย่างคุณถึงได้มีจิตใจที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ?”
“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อตระกูลหลี่ จะพูดว่าชั่วร้ายได้อย่างไรกัน ?”
คุณท่านใหญ่หลี่หยุดเดิน เขาก้มลงหมองหลี่หลานที่เกาะขาเขาอยู่ แววตาของเขามาปรากฏความเมตตาปรานีเลยแม้แต่น้อย
“คุณจะต้องเสียใจ คุณจะต้องเสียใจแน่นอน !”
หลี่หลานร้องไห้พลางตะโกนออกมา แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มือทั้งสองข้างกอดขาของคุณท่านใหญ่หลี่เอาไว้แน่น : “พวกเขาไม่ใช่สองแม่ลูกเด็กกำพร้าและหญิงม่ายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว พ่อของตงเอ๋อกลับมาแล้ว เขา……เขาไม่มีทางยอมปล่อยคุณแน่นอน !”
“น่าขำ ! ถ้าหากตระกูลเฉินมีผู้ทำคนเดียวเหมือนตระกูลหลี่ ฉันก็อาจจะกลัวเฉินเต้าหลินอยู่บ้าง ตอนนี้หากเขาคิดจะจัดการกับฉันล่ะก็ ให้เขาผ่านด่านคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินให้ได้เสียก่อนเถอะ !”
ตุ๊บ !
คุณท่านใหญ่หลี่แสยะยิ้มออกมา พร้อมกับยกไม้เท้าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วตีลงไปที่มือด้านขวาของหลี่หลานอย่างแรง
“โอ๊ย !”
หลี่หลานกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอปล่อยขาของคุณท่านใหญ่หลี่
คุณท่านใหญ่หลี่รีบเดินจากไปทันที
จากนั้น ก็มีสาวใช้สองคนเดินเข้ามาในห้อง แถวแบกหลี่หลานขึ้นไปโยนเอาไว้บนเตียง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นคุณท่านใหญ่หลี่ หรือแม้กระทั่งสาวใช้ที่ฐานะต่ำต้อยที่สุดในบ้าน ก็ไม่มีใครเคยแสดงความเมตตาปรานีต่อหลี่หลานเลยสักคน
ภายในร้านกาแฟของสนามบินนานาชาติเมืองหลวง
พวกของเฉินตงนั่นทั้งสี่คนนั่งอยู่บริเวณที่นั่งริมหน้าต่าง
ท้องฟ้ามืดมิดลง แต่ไปโดยรอบสนามบินยังคงสว่างไสว
เฉินตงหันมองทิวทัศน์ด้านนอก แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม : “ท่านหลง จะต้องรออีกนานเท่าไหร่ ?”
อันที่จริง พวกเขาลงจอดนานแล้ว
แต่ท่านหลงได้รับรับคำสั่งจากเฉินเต้าหลินให้รออยู่ที่สนามบินก่อน
แต่นี่รอจนกระทั่งฟ้ามืดแล้ว !
“กระผมเองก็ไม่ทราบ ทุกอย่างต้องรอให้นายท่านมาก่อนถึงจะทราบครับ” ท่านหลงกล่าว
“รอให้เขามาถึง ?”
เฉินตงหันกลับไปมองด้วยสายตาเฉียบคม : “รอมากี่ชั่วโมงแล้ว แล้วจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่ ? ถ้าหากเขามาไม่ถึง หมายความว่าแม่จะต้องรออยู่ที่ตระกูลหลี่ไปเรื่อยๆ แบบนี้หรืออย่างไร ?”
คุณท่านใหญ่หลี่ไม่เคยเห็นแม่เป็นลูกสาวเสียด้วยซ้ำ
ยี่สิบกว่าปีก่อน เขาปล้นมรดกที่พ่อทิ้งเอาไว้ให้อย่างโจ่งแจ้งและโหดร้าย อีกทั้งในตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปี่ที่ผ่านมา เขาก็แอบกดขี่ข่มเหงแม่มาตลอด ไม่ให้เธอได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก
คนที่สามารถใช้วิธีการเหล่านี้กับลูกสาวแท้ๆ ได้นั้น เฉินตงจึงไม่กล้าหวังเลยว่าแม่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีอยู่ในตระกูลหลี่ได้ !
“นี่คือคำสั่งของนายท่าน !” ท่านหลงยิ้มอย่างหดหู่
“คำสั่งไร้สาระ ไม่รอแล้ว !”
เฉินตงลุกขึ้นด้วยความโมโห จากนั้นจึงเดินจ้ำอ้าวออกไปด้านนอก : “เขารอได้ แต่ฉันซึ่งเป็นลูกไม่อาจรอได้ !”
“ท่านหลง……” คุนหลุนหันมองท่านหลงด้วยความตกใจและลังเล
ท่านหลงถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีทางเลือก : “ไปกันเถอะ”
ฉินเย่ลุกขึ้นเป็นคนสุดท้าย เขามองดูเฉินตงที่เดินออกไปด้วยความโมโห ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือลูบคาง : “น่าสนใจดีนี่ บ้าเลือดใช้ได้”
ขณะที่พูด เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเมฆดำก้อนใหญ่ที่ลอยปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “ดูท่าลมและฝนในคืนนี้คงจะหนักน่าดู”
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำอันมืดมิด
รถฮัมเมอร์สีดำแล่นไปอย่างรวดเร็วราวกับสัตว์ร้าย มุ่งหน้าไปยังด้านนอกของเมืองหลวง
ตลอดทาง รถวิ่งพุ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่หลบหลีก ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โต ทำให้รถที่อยู่ใกล้ๆ ต้องคอยขับหลบเลี่ยงออกไปด้วยความตกใจ
เปรี้ยง……
บนท้องฟ้าที่มืดมิด เมฆดำก้อนใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่นาน ในที่สุดก็ส่งเสียงฟ้าผ่าออกมา
ราวกับว่าพระเจ้ากำลังร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ และปล่อยสายฟ้าออกมาไม่หยุด
ทำให้เมืองหลวงที่แสนหดหู่ ดูน่าอึดอัดยิ่งขึ้น
นอกภูเขาเซียงซาน
รถฮัมเมอร์แล่นมาอย่างรวดเร็ว
ไฟสาดแสงจ้าไปที่ทางด้านหน้า ต่อให้เป็นทางบนภูเขา แต่คุนหลุนซึ่งเป็นคนขับก็ยังคงพารถมุ่งหน้าต่อไป โดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย
เฉินตงนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ นี่เป็นตำแหน่งที่เขาเลือกด้วยตัวเอง
เขามองตรงไปด้านหน้าด้วยใบหน้าที่เย็นชา ขณะที่กำลังมุ่งตรงไปด้านหน้า ท้องฟ้าก็ยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด
ไฟเริ่มส่องสว่างผ่านความมืดมิด และเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่บริเวณโดยรอบเป็นครั้งคราว
ในที่สุด
สายตาก็มองตรงไปเห็นคฤหาสน์ปราสาทตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“คุณชาย ด้านหน้าคือบ้านตระกูลหลี่ครับ”
คุนหลุนชี้ไปยังคฤหาสน์ปราสาทตระกูลหลี่
ใบหน้าเย็นชาของเฉินตงปรากฏท่าทีของความรังเกียจขึ้น
เมื่อมองดูคฤหาสน์ปราสาทหลังเก่าหลังนั้น ราวกับกำลังมองดูสิ่งของที่ผิดรูปผิดร่างที่อยู่ภายใต้ระบบความคิดที่เก่าแก่คร่ำครึ
คฤหาสน์ปราสาทที่ดูเยือกเย็นและเคร่งขรึม เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเลือดเย็นอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
ดวงตาของเฉินตงค่อยๆปรากฏท่าทีของความรังเกียจเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ
ราวกับอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงที่มีเกลียวคลื่นปั่นป่วนอย่างรุนแรง
เมื่อเข้าใกล้คฤหาสน์ปราสาท คุนหลุนก็ค่อยๆ ชะลอรถให้ช้าลง
เฉินตงหันไปมอง : “ชะลอทำไม ?”
“คฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่จะต้องเคาะประตูครับ มิเช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป” คุนหลุนกล่าวอธิบาย
ใบหน้าของเฉินตงปรากฏท่าทีของความดุร้ายและบ้าคลั่ง
เขายกมือขวาขึ้นมา แล้วชี้ไปยังประตูใหญ่ของคฤหาสน์ปราสาท จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า : “ฉันมาเพื่อที่จะชิงคน ไม่ได้มาเพื่อที่จะพูดเรื่องมารยาท เพิ่มความเร็วแล้วพุ่งชนเข้าไป !”
ตู้บ !
ขณะเดียวกันกับที่ปรากฏเสียงฟ้าผ่าโหมกระหน่ำอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำ
แสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาทำให้ทั่วท้องฟ้าสว่างไสว
เสียงฟ้าร้องดังอึกทึก
ท่านหลง คุนหลุน และฉินเย่ที่นั่งอยู่ภายในรถต่างตกละลึงไปพร้อมกัน และหน้าถอดสีทันที
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในใจทันที…..