The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 29
บทที่ 29 บรรยากาศทั้งสองในห้องพักผู้ป่วย
ในสำนักงานขาย เงียบเป็นป่าช้า
ทุกคนต่างหัวขาวโพลน
หนึ่งร้อนยี่สิบล้านเหรอ!ไม่ลังเลเลย เหมือนกับ……ซื้อกับข้าวเลย?
“โอเค ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย” หลี่ต้าเป่าพูดด้วยความยินดี
นี่เป็นบิลแรกในการขายของเขา แถมยังเป็นบ้านที่หรูดูดีที่สุดอีกด้วย
เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ตั้งแต่เปิดขายมา ก็โด่งดังเป็นอย่างมาก
ระดับอยู่กลางเขาแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะดูดีมีชาติตระกูล แต่ราคากลับทำให้คนร่ำรวยอยากได้แต่ก็ทำได้แค่มองต่อไป
จางโยวโยวรู้สึกเหมือนจะตายในตอนนั้น
ร่างกายเหมือนไร้เรี่ยวแรง หน้าซีดเซียว ตาเลื่อนลอย
บิลหนึ่งร้อยยี่สิบล้าน เพียงเพราะว่าตัวเองตาไม่ถึง เลยถูกหลี่ต้าเป่าเอาไปแบบง่ายๆ งั้นเหรอ?
ในตอนนี้เองเธอไม่ได้รู้สึกอะไรต่อแรงที่หลี่ต้าเป่าทำเลย
แถมยังอยากจะตบตัวเองแรงๆ ซ้ำอีกด้วย
บิลใหญ่ขนาดนี ถ้าเธอทำได้ ก็จะได้เงินเยอะเลยล่ะ
อีกอย่าง มันสามารถทำให้เธอปิดการประเมินในเดือนนี้ได้ด้วย!
พนักงานขายของวิลล่าในเขาเทียนซานนั้นเยอะมากจริงๆ เลยทำให้คนต่างหิวกระหาย อยากจะมาทำงานที่บ้านพักของเขาเทียนซาน
ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำผลงานรั้งท้ายจะถูกคัดออกจากบ้านพักตากอากาศเขาเทียนซาน
แต่การประเมินของเธอนั้น เดือนนี้มันน้อยมาก ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่เธอคงไม่ปรี่เข้าไปหาหลี่ต้าเป่าหรอก
ถ้าให้พูดอีกอย่าง เดือนนี้เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว ถ้าเกิดว่าภายในเวลาไม่กี่วันนี้ เธอไม่สามารถปิดการประเมินนี้ได้ เธอก็จะถูกคัดทิ้ง และตกงาน!
จางโยวโยวนั่งยองลง ก่อนจะปิดหน้าร้องไห้ ด้วยความไม่เสียดายเป็นอย่างมาก
ผู้จัดการฝ่ายขายกับเพื่อนร่วมงานต่างมองเธอ แต่ไม่มีใครเข้าไปปลอบใจเลย
การจัดการการซื้อบ้านแต่ละหลังนั้นมันยากมาก แต่ทว่าเมื่อมีหลี่ต้าเป่าวุ่นเต้นให้ อันที่จริงมันก็ไม่ได้ยากมาก
เมื่อเซ็นสัญญากันเสร็จ เฉินตงก็หยิบกุญแจออกมา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บ้านก็ถือเป็นของเขาแล้ว
ตอนที่ออกจากสำนักงานขายนั้น เฉินตงเห็นว่าจางโยวโยวกำลังถูกผู้จัดการการขายต่อว่าอยู่ด้านนอก เขาแอบได้ยินผู้จัดการการขายพูดว่าเชิญออกด้วย
เฉินตงยิ้ม เพราะการกระทำของจางโยวโยวเอง เขาทำอะไรไม่ได้
เมื่อกลับไปที่บริษัทไท่ติ่ง
เสี่ยวหม่าก็รีบเดินเข้าไปรายงานเฉินตงด้วยความยินดีว่า: “พี่ตง คุณนี่เก่งจริงๆ !เรื่องที่ฉันรับผิดชอบที่เขตนั้น แก้ปัญหาได้แล้ว ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ”
“แก้ได้ก็ดีแล้ว ไปทำงานเถอะ งานที่เขตนั้นมันสำคัญมากสำหรับคุณ อย่าได้มีความผิดพลาดเลยนะ” เฉินตงยิ้มพลางพูดเบาๆ
“วางใจเถอะ พี่ตง” เสี่ยวหม่าทุบหน้าอกเป็นการรับประกัน
……
โรงพยาบาลลี่จิง
หลี่หลานฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายยังอ่อนแอ
ร่างกายที่ได้รับการฟื้นฟูแล้ว เมื่อกลับเข้าไปในicu ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
หลี่หลานนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง ในมือถือแอปเปิลที่ฟ่านลู่ปลอกไว้ให้ ค่อยๆ กินไป
เมื่อเห็นท่าทีเหนื่อยอ่อน และขอบตาดำๆ ของฟ่านลู่ หลี่หลานก็สงสาร: “เสี่ยวลู่ ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณเหนื่อย”
ฟ่านลู่ตกใจ: “คุณป้า ฉันไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อยเลย ฉันทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า?คุณป้าอย่าไล่ฉันออกนะ”
เธอถือเงินหนึ่งหมื่นของเฉินตง เพื่อดูแลหลี่หลานยี่สิบสี่ชั่วโมง เหนื่อยมาก แต่ก็ยังสบายกว่างานบิดเหล็กเมื่อก่อน
แต่คำพูดของหลี่หลาน กลับทำให้เธอคิดว่าจะถูกไล่ออก
เธอกลับไม่รู้ ว่าหลี่หลานคุ้นเคยกับการมีชีวิตลำบาก เพื่อเลี้ยงเฉินตงให้เติบโตขึ้นมา เลยรู้ว่าความลำบากนั้นมันลำบากขนาดไหน
หลี่หลานพูดไป เพื่อเห็นแก่ความลำบากของฟ่านลู่จริงๆ และเหนื่อยแทน
แต่ปฏิกิริยาของฟ่านลู่ กลับทำให้หลี่หลานยิ้มออกมา: “เสี่ยวลู่ คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ คุณป้าหมายความว่าคุณน่าจะเหนื่อยจริงๆ ไม่ได้จะไล่คุณออก ป้าเองก็เคยลำบากมา คุณกับลูกฉันอายุพอๆ กัน เห็นคุณเหนื่อย ก็สงสาร”
เธอกลัวว่าฟ่านลู่จะติดมาก เลยอธิบาย: “คุณทำดีหมดเลย จนป้าชอบไม่ทันแล้วเนี่ย จะไปไล่ออกได้อย่างไรกัน แต่ทว่ามีที่ไม่ดีอยู่ ก็คือคุณไม่รู้จักพักผ่อนบ้างเลย!”
ฟ่านลู่มีดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะฟุบอยู่ตรงข้างเตียง พลางร้องไห้ออกมา: “คุณป้าทำฉันตกใจหมด ฉันก็คิดว่าคุณจะไม่เอาแล้ว งานนี้มันสำคัญกับฉันมากนะ”
หลี่หลานยิ้มพลาง มองฟ่านลู่ด้วยความลึกซึ้ง ก่อนจะเอามือขึ้นมาตกไหล่ของฟ่านลู่เบาๆ พลางพูดเสียงอ่อนว่า: “เด็กดี คุณป้าไม่มีทางไม่เอาคุณหรอก ไม่งั้นคุณก็โทรหาลูกชายฉัน ให้เขามาดูแลฉันคืนหนึ่ง แล้วคุณกลับบ้านไปนอนซะ”
ฟ่านลู่สั่นเทา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา พลางพูด: “คุณป้า พี่ตงยุ่งมาก ฉันคือคนที่เขารับมาเพื่อให้ดูแลคุณ จะไปเรียกเขามา แล้วฉันไปพักได้อย่างไร”
“ก็ได้ แต่ทว่าคุณต้องเชื่อฟังป้านะ ตอนกลางคืนต้องนอนให้เยอะๆ อย่าตื่นขึ้นมาเพียงเพราะฉันขยับตัวนะ”
หลี่หลานพูดไป เมื่อเห็นว่าฟ่านลู่จะต่อต้าน เธอก็จริงจังขึ้นมา: “เป็นสาวอยู่ดีๆ กลายเป็นหมีแพนด้าซะอย่างนั้น แล้วใครจะมาแต่งด้วยเนี่ย?คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ หน่อย”
ฟ่านลู่อึ้งไป ดวงตาแดงก่ำ และมีน้ำตาคลอ
คำพูดของหลี่หลาน เหมือนกับลมโชยเบาๆ ที่พักเข้ามาในจิตใจของเธอ
เธอ ไม่ได้ยินคนพูดด้วยความเป็นห่วงขนาดนี้มานานแล้ว
เพียงแวบเดียว
ฟ่านลู่ก็อยู่ในอ้อมอกของหลี่หลาน พลางร้องไห้แล้วพูด: “ขอบคุณ ขอบคุณคุณป้ามากจริงๆ”
ห้องพักผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง
จางซิ่วจือนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ด้วยใบหน้าซีดเซียว มองเพดาน และหางตามีน้ำตาไหลออกมา
งานหมั้นนั้น เธอถูกทำให้โกรธจนโรคหัวใจกำเริบ ดีที่ช่วยเอาไว้ได้ทัน เลยมีชีวิตอยู่ต่อได้
หวางเต๋อนั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ พลางปอกผลไม้ และส่งให้จางซิ่วจือชิ้นหนึ่ง: “กินหน่อยเถอะ?”
จางซิ่วจือส่ายหัว และร้องไห้ต่อไป
เธอมีภาพลักษณ์ดีๆ ดังนั้นงานหมั่นของหวางเห้ากับหลินเสว่เอ๋อเลยจัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าอะไร
แต่งานหมั้นนั้น กลับทำให้เธอต้องมาเสียหน้า ต่อหน้าเพื่อนพี่น้องของเธอ อย่างแตกละเอียด
มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
“เห้อ” หวางเต๋อรู้นิสัยของจางซิ่วจือดี เลยถอนหายใจ แต่ไม่กล้าพูดโน้มน้าวอะไร
ตั้งแต่ต้นจนจบ หวางเห้าเอาแต่นั่งบนเก้าอี้ และเล่นROVอย่างตั้งใจ โดยที่ไม่ได้สนใจหวางเต๋อกับจางซิ่วจือ แถมยังพูดคุยกับเกมออกมาบ้างด้วย
“ตีป้อมเลย ตีสิ!” หวางเห้าตะโกนออกมาเสียงดัง
หวางเต๋อขมวดคิ้ว ก่อนจะด่า: “หวางเห้า เสียงเบาหน่อย นี่มันโรงพยาบาล!คุณบอกว่าจะมาดูแลแม่ แล้วนี่มันเรียกว่าดูแลยังไงกัน?”
“รู้แล้วๆ” หวางเห้าพูดด้วยความหงุดหงิด ดวงตาเอาแต่มองโทรศัพท์: “ฉันไม่มาโรงพยาบาลเพื่อดูแลแม่ของฉัน แล้วจะให้อยู่บ้านเล่นเกมเหรอไง?”
หวางเต๋อโกรธจนอยากจะด่าออกมา
ใกล้เที่ยง
หวางหนันหนันเอากระติกเก็บความร้อน เข้ามาในห้องพักผู้ป่วย
เมื่อเห็นว่าหวางเห้ายังคงเล่นเกม ก็มีสีหน้าจริงจัง: “หวางเห้า คุณไม่มาดูแลแล่ เอาแต่เล่นเกม โตแค่ไหนแล้วเนี่ย?”
หวางเห้าก้มหน้า กำลังจะเปิดปากตอบ
จางซิ่วจือที่ร้องไห้บนเตียงก็ระเบิดอารมณ์ออกมา
เธอชี้ไปที่หวางหนันหนันก่อนจะด่า: “คุณยังมีหน้าว่าน้องชายคุณอีกเหรอ?งานหมั้นของเขาถูกคุณพังหมดแบบนี้ คุณทำให้ตระกูลหวางขายหน้า คุณทำเรื่องแบบนี้ คุณโตแค่ไหนแล้ว?”