The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 37
บทที่ 37 ผลาญทรัพย์สมบัติ
เช้าตรู่วันที่สอง
กู้ชิงหยิ่งออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้า เดินทางไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างของพ่อเพื่อทำการส่งมอบหน้าที่การงาน
กับธุรกิจครอบครัวของพ่อแล้ว บริษัทวัสดุก่อสร้างนี้ไม่มีอะไรจริงๆ
ถ้าที่นี่ไม่ใช่เป็นบริษัทแรกที่พ่อก่อตั้งและบริหารตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ก็คงจะไม่เก็บบริษัทไว้พัฒนาต่อเรื่อยมา
เพราะเฉินตงทำงานอยู่ที่บริษัทไท่ติ่ง เธอจึงเข้าไปทำงานบริษัทที่มีธุรกิจคล้ายคลึงกัน จะได้ช่วยเหลือเฉินตงได้ง่ายขึ้น
ตอนที่เฉินตงไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลเสร็จแล้วกลับไปทำงานที่บริษัท
เสี่ยวหม่าก็รีบร้อนถือเอกสารเป็นปึกเดินเข้ามา
“พี่ตงครับ นี่มีเรื่องด่วนที่ต้องให้คุณตัดสินใจ”
วางเอกสารลง เสี่ยวหม่าก็พูดต่อ: “เพราะโครงการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ย่านสลัมเมืองภาคตะวันตกกว้างและใหญ่เกินไป ดังนั้นครั้งนี้พวกเราจึงหาบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้เพื่อซัพพลายวัสดุก่อสร้างให้กับทางเรา แต่ตอนนี้พวกเขายังลังเลไม่มีการตอบรับ เพราะคุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่ง”
เฉินตงหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน ไม่แสดงกิริยาอาการที่ตกใจมากนัก
บริษัทไท่ติ่งเป็นแค่หนึ่งในบริษัทอสังหาที่มีเป็นร้อยเป็นพัน เป็นธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่ แม้แต่หนึ่งในสิบก็ยังเบียดเข้าไปไม่ได้
คุณสมบัติ เป็นบาดแผลใหญ่ของบริษัทไท่ติ่งมาโดยตลอด
พูดอย่างไม่เกรงใจเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ต้าเป่าเป็นประธานใหญ่ในช่วงก่อน ชอบดื่มเหล้าชอบสาวๆสวยๆ ยอมเซ็นสัญญาที่มีมูลค่ามากถึงสามสิบล้านอย่างไม่คิด บริษัทไท่ติ่งก็คงจะได้งานใหญ่ขนาดนี้ยาก
เพราะความผิดพลาดของเขาครั้งนั้น ทำให้เราได้โอกาสพลิกผันขนาดนี้ แต่ว่าโครงการใหญ่ขนาดนี้ ถ้ายังให้บริษัทวัสดุก่อสร้างมาซัพพลายสินค้าให้กับไท่ติ่งเหมือนเมื่อก่อน เห็นได้ชัดเจนว่าทำไม่ได้แน่นอน
พวกเขาไม่สามารถทำได้!
แต่การหาบริษัทวัสดุก่อสร้างมาร่วมมือด้วย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง
“บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่?”
มองดูข้อมูลในเอกสารแล้ว เฉินตงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างขมขื่น: “นี่เป็นซัพพลายเออร์สำหรับบริษัทก่อสร้างโครงการใหญ่ของเมืองนี้เชียวนะ คุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่งอย่างเรา แตกต่างกันเกินไปจริงๆ”
“ใช่ครับ สาเหตุก็เพราะคุณสมบัติบริษัท ดังนั้นถึงแม้จะรู้ว่าเราได้งานโครงการในภาคตะวันตกของเมืองแล้ว พวกเขาก็ยังลังเล”
เสี่ยวหม่าเครียดมาก: “ดังนั้นพี่ตงว่าพวกเราจะพยายามเข้าเจรจาด้วย หรือว่าเปลี่ยนบริษัทวัสดุก่อสร้างอื่นๆดี? หรือว่าจะใช้บริษัทวัสดุก่อสร้างที่เคยร่วมงานเมื่อก่อน?”
“บริษัทวัสดุก่อสร้างเมื่อก่อน พวกเขาซัพพลายสินค้าโครงการใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหวหรอก เมืองนี้ก็ไม่มีบริษัทไหนที่ใหญ่กว่าบริษัทยิงลี่แล้ว”
เฉินตงวางเอกสารลง ยิ้ม: “พอละ เข้าไปเจรจาอีกครั้ง บ่ายวันนี้ ผมจะไปขอพบประธานบริษัทของเขาด้วยตนเอง”
อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาสามปี เขาเข้าใจดีทุกอย่าง
สาเหตุเพราะคุณสมบัติของบริษัท มันก็แค่คำกล่าวอ้างเท่านั้น
อีกทั้ง ตอนนี้ไท่ติ่งมีโครงการในภาคตะวันตกของเมืองอยู่ในมือ หลังจากที่มีข่าวบริษัทยี่เคอเข้าร่วมลงทุนแล้ว ราคาบ้านของย่านสลัมภาคตะวันตกของเมืองสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขอแค่ประธานของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ไม่โง่ ต้องยอมร่วมมือด้วยแน่นอน
ที่ยังลังเลอยู่ในตอนนี้ ก็แค่เรื่องการเงินและกำไรยังคุยไม่ถึงจุดสำคัญเท่านั้น
แต่ว่าครั้งนี้ บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่เหมือนจะโลภมากไปหน่อย!
ที่สำนักงานใหญ่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่
กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน กำลังเปิดอ่านเอกสารในด้านต่างๆนาๆ
ถึงแม้พ่อจะโทรเข้ามาสั่งการไว้ ทำให้เธอและประธานบริษัทคนเก่าส่งมอบงานกันอย่างราบรื่น อีกทั้งประธานคนเก่าจะยินดีฝึกอบรมเธอ
แต่ถ้าอยากจะถือครองบริษัทนี้อย่างเต็มที่ ลำดับแรกต้องเข้าใจสถานการณ์การบริหารงานของบริษัทและเรื่องอื่นๆอีกด้วย
เธอยากจะช่วยเหลือเฉินตง ก็ต้องรีบยืนหยัดอยู่ในบริษัทนี้ให้ได้
ตงตง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
กู้ชิงหยิ่งไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง: “เข้ามาค่ะ”
มีหนุ่มอายุสามสิบกว่าๆ ใส่สูทเต็มยศเดินเข้ามา
เขาคือประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จางเห้อหมิง สาเหตุเพราะกู้ชิงหยิ่ง ได้มาเป็นประธานอย่างราบรื่น
เรื่องนี้ จางเห้อหมิงไม่รู้สึกว่าไม่พอใจเลยสักนิด
กู้ชิงหยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้านายใหญ่ของเขา อาณาจักรธุรกิจของเจ้านายใหญ่ ให้ลูกสาวมาบริหารบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ นั่นคือการให้เกียรติบริษัทยิงลี่ ให้เกียรติเขา
ยิ่งไปกว่านั้น เขาชื่นชมในความสามารถของกู้ชิงหยิ่งมาก
ท่านนี้ ไม่ใช่ลูกหลานไฮโซที่เอาแต่ใช้เงินเที่ยวเตร่จริงๆ
อีกทั้ง เป็นเพราะอายุต่างกันไม่มาก ดังนั้นจางเห้อหมิงยังมีความคิดอย่างอื่นอีกด้วย
แต่ว่าทั้งหมดนี้ ยังแสดงออกมาไม่ได้ในตอนนี้
จางเห้อหมิงนำเอกสารชุดหนึ่งวางบนโต๊ะของกู้ชิงหยิ่ง ยิ้มอย่างสุภาพบุรุษและพูด: “เสี่ยวหยิ่งครับ คุณขยันเกินไปแล้วนะครับ พักผ่อนสักครู่หนึ่งเถอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
กู้ชิงหยิ่งเห็นเอกสารบนโต๊ะแล้ว เงยหน้าขึ้นไปมองจางเห้อหมิง: “ประธานจางคะ นี่คือเอกสารอะไรคะ?”
จางเห้อหมิงมองดูใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่งแล้ว เหม่อลอยไปสักพัก
จากนั้นตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบตอบกลับไปว่า: “นี่คือเอกสารข้อมูลรายละเอียดที่บริษัทไท่ติ่งอยากร่วมมือกับบริษัทเรา ตอนนี้เป็นงานที่เร่งรีบมากที่สุดในบริษัท”
“ไท่ติ่ง?”
กู้ชิงหยิ่งรีบหยิบเอกสารขึ้นมาดู เธอจำได้ว่าเฉินตงเป็นรองประธานอยู่ที่บริษัทนี้แหล่ะ
จางเห้อหมิงรายงานอยู่ข้างๆ: “เดือนก่อน บริษัทไท่ติ่งได้รับงานสัญญาโครงการปรับภูมิทัศน์ย่านสลัมภาคตะวันตกของเมือง โชคดีจริงๆ หลังจากที่พวกเขาได้เซ็นสัญญาไม่นาน บริษัทยี่เคอกรุ๊ปก็ประกาศเข้าร่วมโครงการของเมืองนี้ อีกทั้งยังเลือกสถานที่เมืองตะวันตกอีกด้วย ทำให้ราคาบ้านย่านเมืองตะวันตกสูงขึ้นมาทันที”
“งั้นก็ดีไม่ใช่หรือคะ?” กู้ชิงหยิ่งยักคิ้วและกล่าว: “อย่างนี้ สัญญานี้ของพวกเขาที่เซ็นไป ก็เท่ากับว่ากำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว บริษัทเราร่วมมือกับพวกเขา ก็ได้กำไรไปด้วยสิ”
“ดีก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าคุณสมบัติของบริษัทไท่ติ่งไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” จางเห้อหมิงแกล้งทำเป็นลำบากใจ
พอพูดคำนี้ออกไป
กู้ชิงหยิ่งเงียบไป สองมือกอดอก: “ประธานจาง อย่าเอาเรื่องคุณสมบัติมาอ้าง ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ3ขวบนะ อยากจะอัพราคาก็บอกตรงๆ”
“เหอะๆ เสี่ยวหยิ่งเข้าใจผมจริงๆ”
จางเห้อหมิงยิ้มอย่างเขินๆ: “ที่จริงตอนนี้บริษัทของเราก็ยังกำลังลังเลเรื่องการร่วมมือครั้งนี้ ก็เพื่ออยากจะยืดเยื้อบริษัทไท่ติ่ง แล้วเจรจาเรื่องราคาและวิธีการจ่ายเงิน ให้เราได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”
“เป็นอย่างที่เสี่ยวหยิ่งพูดจริงๆ เรื่องของคุณสมบัติที่จริงก็ต้องพิจารณา แต่บริษัทไท่ติ่งมีโครงการภาคตะวันตกของเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่ในมือ ก็เท่ากับว่าอุ้มไก่ที่สามารถออกไข่ทองอย่างนั้น พวกเราทำแบบนี้ ก็เพราะอยากจะพยายามให้บริษัทมีกำไรมากที่สุด”
ตั้งแต่ที่เขาบริหารบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่มาจนถึงตอนนี้ เขาพยายามทำงานเพื่อให้บริษัทได้กำไรให้มากที่สุด จุดนี้ทำให้เจ้านายใหญ่พอใจเป็นอย่างมาก
จางเห้อหมิงเข้าใจดี ในตอนที่บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อยู่ในมือของเจ้านายใหญ่ก็เป็นที่หนึ่งของเมืองนี้แล้ว ส่วนเขาก็เป็นแค่คนที่ดำเนินการบริหารต่อเท่านั้น
แต่ถ้ามีผลงานที่ดีพอ เขาก็อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเรื่อยๆในอาณาจักรธุรกิจของเจ้านายใหญ่ นั่นถึงจะเป็นเวทีที่เขาอยากจะไปให้ถึง
“อย่างนี้ไม่ดี” กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วและส่ายหัว: “ทำธุรกิจ การร่วมมือจะเอากำไรให้มากที่สุดไม่ได้ แต่ควรจะเป็นต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ทุกคนได้กำไร อย่างนี้ถึงจะเป็นการร่วมมือที่ยืนยาวต่อไปได้เรื่อยๆ”
จางเห้อหมิงตะลึงไปสักพัก รีบตอบกลับ: “เสี่ยวหยิ่งพูดได้ถูกต้อง งั้นคุณคิดว่าการร่วมมือครั้งนี้ ควรทำยังไง?”
“ก็ควรจะร่วมมือแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่างราคาสินค้าทั้งหมดนี้ต้องปรับใหม่ก่อน” กู้ชิงหยิ่งพูด
ในใจของจางเห้อหมิงรู้สึกผิดหวังนิดๆ ปรับราคาใหม่ หมายความว่าจะไม่ได้กำไรมากที่สุด
แต่คนที่ตัดสินใจคือกู้ชิงหยิ่ง เขาไม่สามารถคัดค้านได้ ได้กำไรน้อยก็ช่างมันเถอะ
จางเห้อหมิงยิ้มและถาม: “ปรับเท่าไหร่?”
กู้ชิงหยิ่งชี้ที่เอกสาร: “เอาอย่างนี้ วัสดุทุกอย่าง ตามราคาที่แจ้งในตอนนี้ ปรับลดลง3%ทั้งหมด”
เปรี้ยง!
จางเห้อหมิงเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างนั้น ยิ้มไม่ออกทันที
แต่ใช้สายตาที่ตกตะลึงและแปลกใจจ้องมองหน้ากู้ชิงหยิ่ง
คุณหนูใหญ่มาสานต่อบริษัทคือมาฝึกงานจริงๆหรือ?
แน่ใจว่าไม่ได้มาผลาญทรัพย์สมบัติ?
ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ ยังไม่ทันยกมือขึ้นก็เอามีดหั่นมือตัวเองซะแล้ว?
“ตามนี้ ทำตามที่ฉันบอก รีบไปเซ็นสัญญาที่บริษัทไท่ติ่งทันที”
กู้ชิงหยิ่งพูดอย่างตั้งมั่นไม่ให้จางเห้อหมิงคัดค้านได้
จางเห้อหมิงรู้สึกมึนงง ถือเอกสารแล้วเดินออกไป จนถึงตรงหน้าประตู ด้านหลังมีเสียงของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้นมากะทันหัน
“แล้วก็อีกอย่าง ประธานจางเรียกฉันว่าประธานกู้นะคะ ฉันไม่ชอบชื่อเสี่ยวหยิ่ง”
“ครับ ได้ครับประธานกู้” จางเห้อหมิงรู้สึกหน้าแตก
จนประตูปิดสนิท
กู้ชิงหยิ่งยิ้มดีใจขึ้นมาทันที: “เผอิญจริงๆ ช่วยเฉินตงได้เร็วขนาดนี้ ปรับราคาลง3เปอร์เซ็นต์ น้อยเกินไปรึเปล่า?”