The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 48
บทที่ 48 นัดเจอกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้านเฉินตงก็ไม่ได้พักผ่อน แต่พาคุนหลุนมาที่สวนสาธารณะเล็กๆใกล้บ้านเพื่อฝึกซ้อมอย่างหนักและโหดเหี้ยมต่อ
การต่อสู้สนามจริงครั้งแรกทำให้เขามีประสบการณ์มากขึ้น และรู้จุดอ่อนของตัวเองด้วย
เฉินตงไม่ใช่คนที่จะอยู่ที่เดิม ไม่พากเพียรพยายามให้ก้าวหน้าต่อไป
ตั้งแต่เด็ก เขาโดนเรียกว่า ลูกสวะ แต่ก็ค่อยๆปืนไต่มาจนถึงวันนี้
เขารู้ว่ามีเพียงมานะให้มากขึ้น ถึงจะได้สิ่งที่เพิ่มขึ้น
เขาอยากเอาชนะเฉินเทียนหย่างก็ต้องขยันกว่าเฉินเทียนหย่างร้อยเท่าพันเท่า
แม้กระทั่งไม่คำนึกถึงชีวิต
ความยอดเยี่ยมมีไว้สำหรับคนมานะพยายาม ไม่เคยเข้าข้างใคร รวมทั้งผู้มีพรสวรรค์ด้วย
ในเวลาเดียวกัน
โรงแรมไท่ติ่ง ภายในห้องวีไอพี
เฉินเทียนหย่างจ้องมองจางเห้อหมิงอย่างโหดร้าย ไม่ได้พูดอะไร
อากาศภายในห้องราวกับต่ำลงยังไงอย่างนั้น
จางเห้อหมิงหัวหดรู้สึกหวาดกลัว ยืนอยู่กับที่ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว
กู้ชิงหยิ่งแอบแก้ประกาศทางเว็บไซด์บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ ทำให้เฉินตงมีทางรอดต่อไปได้
เขาไม่อาจเปลี่ยนกลับมาได้ ฉะนั้นตอนนี้จึงได้แต่ปรากฏตัวที่นี่เพื่อเอาของมาคืนเฉินเทียนหย่าง
“คิก!”
เฉินเทียนหย่างหัวเราะเสียงเย็น จ้องมองบัตรเอทีเอ็มบนโต๊ะ“ประธานจางเอาเงินแล้วไม่ทำงาน ตอนนี้ยังเอาเงินมาคืนอีก คุณคิดจะล้อเล่นกับผมเหรอ?”
จางเห้อหมิงหน้าเปลี่ยนสี รีบอธิบาย“พี่เฉินครับ ผม ผมไม่ได้จงใจล้อคุณเล่นนะครับ ผมเองก็ถูกบังคับครับ ลูกสาวเจ้านายผมมาสานงานต่อที่บริษัท ผมเลยต้องกลายเป็นรองประธาน เธอเป็นคนเปลี่ยนประกาศเองครับ”
เขาไม่กล้าปกปิดแม้แต่น้อย
ในสายตาของเขาเฉินเทียนหย่างก็คือผู้ที่มีผ้าคลุมลี้ลับปกคลุมอยู่ร่างกาย
เขาไม่รู้ว่าเฉินเทียนหย่างมีอำนาจเพียงใด แต่เขาไม่กล้าขัดใจเขาเป็นแน่
“ลูกสาวเจ้านายคุณ?”
ความโหดร้ายในดวงตาของเฉินเทียนหย่างยิ่งรุนแรงมากขึ้น“จุดนี้ผมคาดไม่ถึงเลย”
ให้อภัยแล้ว?
จางเห้อหมิงแน่นหน้าอก แอบโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ
จากนั้นก็มองไปยังที่นั่ง เขามาที่ห้องครึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งเขาก็ได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้นมาตลอดครึ่งชั่วโมง
“นั่งสิ”เฉินเทียนหย่างกล่าว
รอจางเห้อหมิงนั่งแล้ว เฉินเทียนหย่างถามต่อว่า“เจ้านายของคุณเป็นใครกันแน่?ลูกสาวเขามาก็ทำให้ประธานอย่างคุณขาดอำนาจไปเลย?”
“ผม ที่จริงผมก็เคยพบเจ้านายไม่กี่ครั้งเองครับ เขาทำธุรกิจใหญ่โต เขาอยากเก็บบริษัทวัสดุก่อสร้างไว้เป็นที่ระลึกถึงได้คงอยู่มาจนทุกวันนี้ เขาไม่ได้มาที่บริษัทเป็นประจำครับ”
จางเห้อหมิงยิ้มอย่างอึดอัด“กู้ชิงหยิ่งกับเฉินตงเป็นเพื่อนในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยครับ คาดหวังเพื่อรักษามิตรภาพเอาไว้ จึงดื้อทำอย่างนี้ครับ”
เฉินเทียนหย่างยกคิ้ว“มีรูปถ่ายกู้ชิงหยิ่งไหม?”
จางเห้อหมิงหยุดชะงัก ลังเลไปสักพัก ก่อนที่ดวงตาจะหนักแน่นขึ้นมากะทันหัน“มีครับ”
พูดพลางล้วงมือถือออกมา จากนั้นก็หารูปถ่ายของกู้ชิงหยิ่งเจอ
ซึ่งเป็นรูปที่เขาแอบถ่ายตอนอยู่ที่บริษัท
เขาคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับกู้ชิงหยิ่ง ตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าเฉินเทียนหย่างก็น่าจะคิดอยากได้ตัวเธอเช่นกัน
สาเหตุที่เขาเลือกอย่างหลัง เพราะเขาอยากใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดเฉินเทียนหย่าง
หากทำงานต่อที่ยิงลี่ มากสุดเขาก็ได้เป็นประธาน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เข้าร่วมงานวงการธุรกิจที่แท้จริงกับเจ้านาย
แต่การปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่าง ทำให้เขามีความหวังเห็นหนทางที่เร็วกว่า
เมื่อเฉินเทียนหย่างเห็นรูปถ่ายกู้ชิงหยิ่งในมือถือ ถึงเขาจะเคยเห็นผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ก็อดตาสว่างวับไม่ได้ ถูกความสวยดึงดูดเข้าแล้ว
เฉินเทียนหย่างพูดอย่างไม่รีรอ“ช่วยผมนัดเจอเธอหน่อย”
หางตาจางเห้อหมิงกระตุกสองครั้ง แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว พยักหน้า“ได้ครับผมจะพยายาม”
“ผมไม่ได้ให้คุณพยายามสุดความสามารถ แต่ต้องนัดให้ได้ต่างหาก!”
น้ำเสียงเฉินเทียนหย่างแน่วแน่ เอาบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาโยนใส่ตัวจางเห้อหมิง“เงินของผมออกไปแล้ว ไม่คุ้นที่ต้องรับคืนมา”
พูดจบ เขาก็สะบัดมือให้จางเห้อหมิงออกไป
หลังจากเดินออกจากโรงแรม จางเห้อหมิงถึงได้ดึงสติกลับคืนมา
เดิมทีเขาอยากจะอยู่ที่บริษัทใช้หลักการเก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน อยากมีช่วงเวลาดีๆกับกู้ชิงหยิ่งที่บริษัท
แต่ตอนนี้การตอบสนองของเฉินเทียนหย่างทำให้เขาจนปัญญา
ด้วยการมองคนของเขาที่มากประสบการณ์ ทำไมจะไม่เข้าใจความคิดของเฉินเทียนหย่าง?
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จางเห้อหมิงพูดเสียงต่ำ“ไม่อำมหิตเป็นเจ้าคนนายคนไม่ได้ กู้ชิงหยิ่งคุณอย่างโทษผมเลย!”
……
เช้าวันต่อมา
เมื่อกู้ชิงหยิ่งมาถึงบริษัท จางเห้อหมิงก็รีบเข้ามาหาที่ห้องทำงานส่วนตัวทันที
“ประธานกู้”
จางเห้อหมิงเรียกหนึ่งประโยค
กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว“มีเรื่องอะไร?”
เธอรู้สึกไม่ดีกับจางเห้อหมิงเลย โดยเฉพาะตอนที่จางเห้อหมิงผิดสัญญาไปต่อต้านไท่ติ่ง จางเห้อหมิงก็เหลือเพียงความขยะแขยงในใจเธอแล้ว
“คือว่าตอนกลางคืนมีเวลาว่างไหมครับ?”
จางเห้อหมิงลูบมือ“ผมอยากเชิญคุณทานข้าวครับ ถือเป็นการขอโทษครับ”
“อืม รู้แล้ว ฉันรับการขอโทษจากคุณ”กู้ชิงหยิ่งพลิกเอกสาร น้ำเสียงเย็นเหยียบ“แต่ว่าอาหารคืนนี้ก็ไม่ต้องแล้ว”
จางเห้อหมิงรู้สึกร้อนใจ กำลังจะเปิดปากพูด
กู้ชิงหยิ่งยกมือสะบัด“คุณออกไปก่อน ฉันยังต้องดูข้อมูลที่ขายวัสดุให้กับไท่ติ่ง”
ประโยคเดียวทำให้จางเห้อหมิงไม่อาจพูดต่อได้ ได้แต่ถอยออกไปในห้องทำงานอย่างเงียบๆ
กลับเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของตน สีหน้าจางเห้อหมิงก็เคร่งขรึมขึ้นขีดสุด
เคาะนิ้วเบาๆที่โต๊ะ เกิดเสียง“ตงตง”
ผ่านไปสักพัก ดวงตาของเขาก็หรี่ขึ้นมา พูดอย่างโหดร้ายว่า“จะบีบผมจริงๆใช่ไหม?”
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
เฉินตงกำลังยุ่งอยู่กับงานก็ได้รับข้อความวีแชทจากกู้ชิงหยิ่ง
“คุณเฉิน กลางคืนมีเวลาว่างไหม?ไปทานข้าวด้วยกัน”
“ครับ”
เฉินตงตอบกะทัดรัดหนึ่งตัว เผยรอยยิ้มออกมา
กำลังจะวางมือถือลง วีแชทก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เห็นเจ้าของข้อความวีแชท เฉินตงขมวดคิ้วรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
หวางหนันหนันเป็นคนส่งข้อความมาหา
เนื้อหาง่ายมาก ฉันอยากคุยกับคุณ
เฉินตงไม่ได้แยแส เขาไม่มีอะไรจะคุยกับหวางหนันหนันแล้ว
ทุกอย่างจบลงแล้ว
มีความจำเป็นต้องอธิบายให้หวางหนันหนันเข้าใจเรื่องระหว่างเขากับกู้ชิงหยิ่งไหม?
ไม่รอให้เขาวางมือถือลง วีแชทก็มีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาติดต่อกันสองครั้ง
ข้อความที่หนึ่งมาจากหวางหนันหนัน
“ถ้าไม่คุยกับฉัน ฉันจะไปหาคุณที่บริษัท!”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้กำลังข่มขู่อยู่
แต่บ้านตระกูลหวางน่าจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของไท่ติ่งแล้ว
คำพูดของหวางหนันหนันนี้ เห็นได้ชัดว่ายังคิดว่าเขาเป็นรองประธานที่ไท่ติ่งอยู่ จะมาโวยวายให้เกิดความชุลมุนขึ้นที่บริษัท
ส่วนอีกข้อความมาจากหลินเสว่เอ๋อ
“คุณเฉินค่ะ คืนนี้มาทานข้าวที่บ้านฉันได้ไหมคะ?”
เฉินตงนวดจมูกอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาหมุนไปมา
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา
จากนั้นก็ตอบข้อความวีแชทให้หวางหนันหนัน
“ได้สิ คืนนี้เจอกันที่ท่าเรือตู้หยู”
จากนั้นเขาก็ตอบข้อความของหลินเสว่เอ๋อต่อ
“ได้สิ แต่ไม่ไปที่บ้านคุณนะ ผมเชิญคุณไปที่ท่าเรือตู้หยู”
วางมือถือลง เฉินตงหัวเราะอย่างพึงพอใจ
ท่าเรือตู้หยูถือเป็นร้านอาหารชั้นเยี่ยมร้านหนึ่ง ดูทิวทัศน์ยามราตรีข้างแม่น้ำ เป็นจุดนัดพบของหนุ่มสาวมากมาย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าพี่สาวกับน้องสะใภ้คู่นี้เจอกันจะเป็นอย่างไร?