The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 58
บทที่ 58 หมื่นคนรอคอย เธอมาแล้ว!
หลงถิงฮัวหยวน
คืออาคารชุดภาคตะวันออกของเมืองที่จะเปิดจองในวันนี้
ตั้งแต่เช้าตรู่ ด้านหน้าสำนักงานขายที่ตกแต่งหรูหรานั่นก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ล้นหลามมากจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้
ในความจริงแล้ว มีหลายคนมากที่ซื้อห้องเพื่อ “ทำเงิน” ถึงขนาดที่ว่าต่อแถวกันยาวเหยียดที่หน้าสำนักงานขายตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อคืน
ใครจะคิดไปว่า ภาคตะวันตกของเมือง สถานที่ที่สกปรกและสภาพแวดล้อมแย่ที่คนในเมืองนี้ต่างก็ละทิ้งไปราวกับรองเท้าเก่าที่ขาดลุ่ยก็จะมีวันที่เป็นที่สนใจของคนทั้งเมืองแบบนี้
แถวยาวเหยียดจนมองไม่เห็นหัวท้าย แม้จำนวนคนที่ต่อแถวจะเยอะเกินกว่าจำนวนห้องของตึกแล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของคนที่ต้องการจะซื้อห้องได้
แถวยิ่งอยู่ยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ
พื้นที่ข้างหน้าสำนักงานขายเต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น รถยนต์ก็ถูกให้ไปจอดอยู่ที่ห่างจากนี่อีกหนึ่งกิโลเมตร
ถึงขนาดที่ว่าเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ไม่ให้เกิดอันตรายจากการรวมตัวกัน หน่วยงานรักษาความปลอดภัยของเมืองนี้ถึงกับต้องตั้งใจส่งคนมาดูแลสถานที่กันเลนทีเดียว
สื่อต่างๆของเมืองนี้ต่างก็มาตั้งหลักที่เขตเฉพาะแล้ว กล้องก็ตั้งไว้พร้อมแล้ว เตรียมพร้อมลุยทุกเมื่อ
ฉากแบบนี้ ใหญ่โตอลังการเป็นประวัติการณ์!
ต่อให้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์สิบอันดับแรกของเมืองนี้ก็ไม่เคยมีผลลัพธ์ที่สั่นสะท้านขนาดนี้มาก่อน
“พี่ต้าเป่าครับ วันนี้ต้องยุ่งมากแน่นอนสินะครับ”
ข้างในสำนักงานขาย มีพนักงานขายวัยรุ่นคนหนึ่งมองผู้คนล้นหลามข้างนอกนั่นและพูดกับหลี่ต้าเป่าอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย “พี่ว่า แต่เดี๋ยวคนพวกนี้พุ่งเข้ามาจะเหยียบผมตายรึเปล่าครับเนี่ย?”
“ดูแกซิ ฉันพาแกมาให้ช่วยขายห้อง ให้โอกาสแกได้ทำเงินฟรีๆ แกยังจะกลัวจะโดนเหยียบตายอีก?”
หลี่ต้าเป่ามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาดูถูกแวบหนึ่งแล้วมองผู้คนล้นหลามข้างนอกนั่น ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
ที่เขามาอยู่ที่นี่ เหตุผลหลักก็เพราะว่าจำนวนเปิดขายของไท่ติ่งมีไม่มากพอกับสถานการณ์ในวันนี้ เพราะฉะนั้นเฉินตงจึงยืมคนมาช่วยจากโจวเย่นชิวมาล่วงหน้า
นึกย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไท่ติ่งตอนนั้นยังอยู่ในมือเขา
แต่ตอนนี้ แค่เวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ สถานะของเขากับเฉินตงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่เพียงเท่านี้ เฉินตงยังสามารถพาไท่ติ่งที่ถูกเขาทำให้เสียหายมาก่อนหน้า ให้พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้เท่าสภาพในวันนี้
นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ หลี่ต้าเป่าก็อายจนหน้าแดงซ่านออกมามากและก็หัวเราะเยาะตัวเอง
เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆไม่ได้สังเกตเห็นถึงความแปลกไปของหลี่ต้าเป่า จึงพับแขนเสื้อขึ้นและยิ้ม “พี่ต้าเป่าพูดถูก ห้องพวกนี้ วันนี้พวกเราไม่ต้องพูดอะไรมากเลย แค่สนเรื่องเซ็นสัญญาก็พอ ยิ่งเซ็นได้เยอะเท่าไรค่าคอมมิชชั่นก็ยิ่งได้เยอะสินะครับ”
สิ้นเสียงที่พูด เสี่ยวหม่าที่ดูแลการขายในครั้งนี้ ก็รีบพาคนวิ่งออกไปข้างนอก
“เร็วเข้า เถ้าแก่มาแล้ว!”
หลี่ต้าเป่าดึงสติกลับมาและเลิกคิ้วขึ้น รีบพาเด็กหนุ่มตามพวกพนักงานขายวิ่งออกไปข้างนอกอย่างเร็ว
ถนนกว้างขวางที่อยู่ข้างนอกสำนักงานขาย ตอนนี้กลับแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้
แต่พอหน่วยงานรักษาความปลอดภัยมารักษาความเรียบร้อย บนถนนกว้างเส้นเดิมนั่นก็แยกทางที่สามารถให้รถหนึ่งคันขับผ่านออกมาได้
มาแล้ว!
พวกสื่อที่มีประสาทรับรู้ที่ว่องไวต่างก็พากันเล็งกล้องไปที่ทางผ่านนั่น
ส่วนบรรดาผู้ซื้อห้องที่ต่อแถวรอคอยอยู่ก็จ้องมองมาด้วย
จากนั้น
รถแท็กซี่สีเหลืองสลับเขียวคันหนึ่งก็ขับมาอย่างช้าๆ
ฉากนี้ทำให้คนดูถึงกับคิ้วขมวดแน่น
ทำไมถึงมีรถแท็กซี่บุกเข้ามาได้?
เอี๊ยด!
รถแท็กซี่จอดลงด้านหน้าพวกเสี่ยวหม่าที่มาต่อแถวรอคอย
เสี่ยวหม่ารีบเดินขึ้นหน้าไปเปิดประตูฝั่งหลังของรถ
“พี่ตงครับ ทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทุกท่านก็มาถึงแล้วครับ”
เฉินตงที่สวมใส่เสื้อสูทและรองเท้าหนังลงจากรถ มองดูผู้คนหนาแน่นด้วยสีหน้าสดใสและพลังงานเต็มเปี่ยม
สถานการณ์แบบนี้ทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่เพราะเขาชอบอานุภาพใหญ่โตแบบนี้ แต่เพราะสถานการณ์แบบนี้คุ้มค่าแล้วกับที่เขาและเหล่าพนักงานทำงานหนักกันอย่างไม่รู้วันไม่รู้คืนในตลอดหนึ่งเดือนนี้
“ไปกันเถอะ”
เฉินตงเดินนำไปที่สำนักงานขายก่อนเลย
เสี่ยวหม่าและเหล่าพนักงานขายเดินตามไปติดๆ แบ่งเป็นสองแถวคล้ายกับมังกรยาวสีดำสนิทสองตัว
ภาพนี้ ทำให้พวกสื่อและผู้ซื้อบ้านต่างก็ทำหน้าตะลึงงันกันอยู่กับที่
หลังจากที่เฉินตงพาพวกพนักงานขายเข้าไปในสำนักงานขายแล้ว
ในกลุ่มสื่อ จู่ๆก็มีเสียงตกใจดังขึ้นว่า
“เชี้ย! นั่นมัน นั่นเหมือนจะเป็นเถ้าแก่ปัจจุบันของไท่ติ่งนี่!”
คำพูดนี้ทำให้ตกใจกันทั่วสนั่น
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที ล้วนเผยสีหน้ายากที่จะเชื่อออกมา
“เถ้าแก่ของไท่ติ่ง? นั่งรถแท็กซี่มา? เมื่อกี้ฉันตาฝาดหรือเปล่า?”
“เถ้าแก่คนนี้ทำตัวค้อมต่ำเกินไปแล้ว พัฒนาภาคตะวันตกของเมืองที่เป็นตัวทำเงินขนาดนี้ จะเสียดายกับการแค่ซื้อรถแค่คันเดียวเนี่ยนะ?”
“จบกันๆ เมื่อกี้ลืมถ่ายไว้ซะด้วย นี่ถ้าได้ถ่ายไว้นะ รับรองเลยว่าต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน”
……
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด คล้ายกระแสน้ำและคลื่นทะเลที่โหมซัดกระหน่ำ
พอเฉินตงมาถึงแล้ว ไม่นาน พิธีกรก็ขึ้นเวทีเริ่มพูด
นี่ก็เป็นการประกาศว่างานเปิดจองได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
ไม่มีการอืดอาดยืดยาด ยิ่งไม่มีการแสดงร้องเพลงเต้นรำตามธรรมเนียมเมื่ออสังหาริมทรัพย์ทำการเปิดจอง
เพราะเฉินตงรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ผู้ซื้อบ้านที่ต่อแถวมาตลอดทั้งคืนนี้ต้องการมากที่สุด
ภายใต้สถานการณ์ที่เหมือนกับผ่ากระบอกไม้ไผ่นี้ อะไรก็ตามที่พยายามขับดุนให้เด่นในงานแถลงเปิดตัว ล้วนเป็นสิ่งเกินความจำเป็นทั้งสิ้น ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆแม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่พิธีกรกล่าวคำปราศรัยให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาแล้ว ไม่นานก็ประกาศให้เริ่มพิธีตัดริบบิ้นขึ้น
เฉินตงตั้งแต่ที่เข้ามาในสำนักงานขาย ก็ไปพบปะและทักทายกับพวกหัวหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พิธีกรประกาศเริ่มพิธีตัดริบบิ้นขึ้น คนทั้งหลายก็ทยอยขึ้นเวทีไปทีละคนๆ
ขณะนั้นเอง กล้องนับไม่ถ้วนก็เล็งไปที่คนทั้งหลายที่อยู่บนเวทีนั่นและเปิดแฟลชขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง
ส่วนผู้ซื้อบ้านที่มารวมตัวกันในสำนักงานขาย ก็จ้องมองด้วยประกายตาระยิบระยับด้วยเช่นกัน
พนักงานหญิงที่สง่าผ่าเผยและเรียบร้อย ไม่นานก็นำกรรไกรมอบไว้ในมือของเฉินตงและในมือของแขกรับเชิญที่ตัดริบบิ้นทุกคน
ในขณะที่พิธีกรกำลังจะประกาศให้ตัดริบบิ้นนั้น
จู่ๆ เฉินตงก็เดินขึ้นหน้าบอกกับพิธีกรว่า “ขอโทษนะครับ รบกวนทุกท่านช่วยอีกรอสักครู่นะครับ”
พิธีกรสีหน้าพลันชะงักขึ้นมา
ทุกคนในงานก็มองหน้ากันและกัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
บทเวที แขกรับเชิญที่ถูกเชิญมาให้ตัดริบบิ้นต่างก็ขมวดคิ้วกันด้วย
เสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉินตงตลอดก็แสดงสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที รีบเดินไปที่ข้างหลังของเฉินตง
“พี่ตง ทำอะไรน่ะ? นี่เป็นพิธีตัดริบบิ้นนะครับ บนเวทีก็มีหัวหน้าหน่วยงานหลายคนรออยู่นะครับ!”
เฉินตงยิ้มพูดกับเสี่ยวหม่าเบาๆว่า “แฟนพี่ยังไม่มาน่ะ”
ผ่าง!
เสี่ยวหม่าเหมือนถูกฟ้าผ่า ตกใจงงอยู่กับที่
พี่ตงบ้าไปแล้วเหรอ?
แฟนยังไม่มาก็เลยไม่สนใจหัวหน้ากับคนมากมายนับพันนับหมื่นคนนี้เนี่ยนะ?
และในเวลาสั้นๆนี้เอง กล้องของพวกสื่อก็มีแสงแฟลชออกมากันอย่างบ้าคลั่ง แถมมากกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย
เถ้าแก่ของไท่ติ่ง จู่ๆก็เรียกหยุดในพิธีตัดริบบิ้นโดยที่ไม่สนใจคนมากมายนับพันนับหมื่นนี้ นี่เป็นข่าวใหญ่มาก!
เฉินตงไม่สนใจกับแสงแฟลชของพวกสื่อ แต่ไปยิ้มกับเสี่ยวหม่าแทนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากนั้นก็เดินไปที่ไมโครโฟนของด้านหน้าเวที ก้มหัวขอโทษและอธิบายว่า
“ต้องขอโทษแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆ รบกวนทุกท่านช่วยรออีกสักครู่นะครับ เพราะว่ามีคนที่สำคัญต่อผมมากคนหนึ่งยังมาไม่ถึง ช่วงเวลานี้ของวันนี้ ผมอยากจะแบ่งปันกับเธอและเป็นประจักษ์พยานด้วยกันกับเธอครับ”
คำอธิบายอย่างจริงใจนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนในงานคลายลงเล็กน้อย
ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา คนสำคัญแบบไหนกันนะที่ทำให้เถ้าแก่ของไท่ติ่งทำสิ่งที่เสียมารยาทออกมาได้ในเวลาแบบนี้?
จากนั้น เฉินตงก็เดินไปข้างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งวีแชทให้กับกู้ชิงหยิ่ง
“ถึงแล้วยังน่ะ?”
“ถึงแล้วจ้ะ”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน หันหลังกวาดตามองที่ผู้คนมากมายนี้
เมื่อเขาเห็นเงาสวยพริ้มเพรานั่นกำลังเดินมาอย่างไวในฝูงชน รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเขาก็อ่อนโยนถึงขีดสุดและยกไมโครโฟนขึ้นอย่างช้าๆ
“ทุกคนครับ คนที่ผมรอมาถึงแล้วครับ”
ชั่วขณะนั้นเอง ทั้งห้องก็เงียบสนิท
สายตาทุกคู่หันไปมองทิศทางที่เฉินตงมองอยู่
ในกลุ่มสื่อ กล้องทุกตัวก็ระเบิดแสงแฟลชลานตาออกมา และเล็งไปที่นั่นกันอย่างพร้อมเพรียง