The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 190 พ่อจะสอนลูกนะว่า รังแกคนต้องรังแกให้ถึงที่สุด !
- Home
- The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา
- บทที่ 190 พ่อจะสอนลูกนะว่า รังแกคนต้องรังแกให้ถึงที่สุด !
น้ำเสียงทรงพลังและสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
แต่กลับได้ยินอย่างชัดเจน ราวกับเสียงฟ้าผ่าลงตรงหูของทุกคน
ทำให้คนตระกูลหลี่ทุกคน อยู่ในท่าทีที่สงบเสงี่ยมเป็นอย่างยิ่ง
แววตาของคุณหลี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มือทั้งสองข้างกำแน่น
เฉินตงมองไปที่ชายผู้นั้นที่ค่อยๆ เดินมา
หากพูดอย่างตรงไปตรงมา นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เจอกับพ่อแท้ๆ ของเขาด้วยตัวเอง
ใบหน้าอันหล่อเหลา และท่าทีที่สง่างามภูมิฐาน ทำให้ยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นภาพลักษณ์ของชายวัยกลางคน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูก ดวงตาทั้งสองข้างที่แหลมคมดูเหมือนกำลังเฝ้ามองทุกสิ่งอยู่
เฉินตงเคยเห็นชนชั้นสูงมาหลายคน
มีหลายคนที่มีท่าทางที่สง่างามและน่าเกรงขาม
แค่คนที่จะสง่างามได้เหมือนกับพ่อของเขา เห็นทีว่าจะมีเพียงแค่คนที่อยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้น ต้องใช้เวลาฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลาหลายปี
สิ่งที่ทำให้เฉินตงรู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้นก็คือ คำพูดประโยคนั้นของพ่อเขา !
“นายท่าน”
ท่านหลงและคุนหลุนก้มหัวเพื่อคารวะโดยพร้อมเพรียงกัน
เฉินเต้าหลินทำเพียงแค่พยักหน้า จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาเฉินตง
สองพ่อสูงความสูงต่างกันไม่มากนัก หน้าตาก็ละม้ายคล้ายคลึงกัน และนิสัยกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
“ตงเอ๋อ”
เฉินเต้าหลินรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย : “คิดไม่ถึงเลยว่าการเจอหน้ากับลูกครั้งแรก จะต้องมาเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นสถานที่แย่ๆ แบบนี้ด้วย”
คำว่า “สถานที่แย่ๆ” แสดงถึงการดูถูกเหยียดหยามอย่างที่สุด
ทำให้ทุกคนในตระกูลเฉินสีหน้าบึ้งตึง แต่ไม่กล้าพูดแสดงความโกรธออกมา
ในขณะที่เฉินตงเผชิญหน้ากับพ่อของเขา
จู่ๆ เขาก็รู้สึกอึ้งไปทันที
สมองของเขาว่างเปล่า
ความรู้สึกเช่นนี้แปลกประหลาดอย่างมาก
เขาเคยกล่าวโทษพ่อของเขา แต่หลังจากที่รู้เรื่องบางอย่าง ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป
เขาเคยลองจินตนาการการพบหน้ากันระหว่างตัวเขาและพ่อนับครั้งไม่ถ้วน ว่าควรจะมีท่าทีเช่นไร ควรจะพูดอะไร
แต่หลังจากสิ่งที่เขาเคยจินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วนกลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา ริมฝีปากของเขากลับขยับแต่พูดอะไรไม่ออก
เฉินเต้าหลินยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วค่อยๆ ตบไหล่ของเฉินตงเบาๆ
ตาของเขาเหลือบมองไปยังคนตระกูลหลี่ที่ยืนล้อมอยู่โดยรอบ แล้วเลิกคิ้วพูดว่า : “พวกมากรุมพวกน้อย ? คุณท่านใหญ่หลี่ หรือคุณคิดว่า ผม เฉินเต้าหลิน สามารถรังแกได้ง่ายๆ หรืออย่างไร ?”
“เต้าหลิน เธอฟังฉันอธิบายก่อน……”
คุณท่านใหญ่หลี่แสร้งทำเป็นสงบ
“อธิบายบ้าอะไรกัน ! เจ้าบ้านตระกูลเฉิน คุณดูผมกับคุนหลุนเสียก่อน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายสิบคนพวกนี้ เมื่อครู่ถูกพวกเราสองคนสกัดเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะผมจัดการไปได้หลายคน ทำให้คนพวกนี้ตกใจได้ ตอนนี้ถูกชายสุดที่รักของคุณ เกรงว่าคงจะถูกตีตายไปแล้ว”
ฉินเย่พูดตัดบทคำพูดของท่านใหญ่หลี่ขึ้นมาทันที เขาชูมีดสั้นที่เปื้อนเลือดไปทางคนของตระกูลหลี่ : “คุณดูนี้ คนตระกูลหลี่พวกนี้ เมื่อครู่ก็เกือบจะล้อมวงเข้าไปจัดการเฉินตงกับท่านหลงแล้ว โอ้พระเจ้า ตีลูกชายของคุณก็ถือว่ามากพอแล้ว แต่นี่ คนที่อายุมากแล้วอย่างท่านหลง พวกเขายังไม่ยอมละเว้นเลย”
คำพูดที่ร่ายยาวเป็นชุด ทำให้คุณท่านใหญ่หลี่รู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดออกมา
เขาอยากที่จะพุ่งเข้าไปฆ่าฉินเย่ให้ตายซะเดี๋ยวนี้
“ไอ้หนูตระกูลฉิน นี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้แกมาเห่า ไม่ใช่ที่ที่จะให้แกมาแสดงความป่าเถื่อน !” หลี่เต๋อซานตะคอกด้วยความโกรธ
ต่อให้เขาจะโง่แค่ไหน ก็เขาก็ฟังออกว่าฉินเย่กำลังเติมเชื้อไฟอยู่
แต่ทว่า ฉินเย่กลับหันไปถ่มน้ำลายลงบนพื้น แล้วพูดออกมาด้วยไปหน้าที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง : “แม่แต่พ่อแท้ๆ ฉันก็ฆ่ามาแล้ว แล้วแกจะมาบอกว่านี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้ฉันแสดงความป่าเถื่อนอย่างนั้นหรือ ?”
“แก……” ใบหน้าของหลี่เต๋อซานแดงก่ำ เขาโกรธจนพูดไม่ออก
“พอได้แล้ว !”
เฉินเต้าหลินตะโกนออกมาด้วยความโมโห แล้วพูดอย่างเย็นชา : “ตอนนั้นฉันกลับบ้านตระกูลเฉินเพื่อสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน แต่ถูกตระกูลเฉินควบคุมเอาไว้ คุณจึงรังแกหลานเอ๋อและตงเอ๋อซึ่งเป็นลูกกำพร้าและหญิงม่ายสองแม่ลูก คิดว่าผม เฉินเต้าหลินไม่รู้หรืออย่างไร ? คนของผม เฉินเต้าหลิน ไม่ใช่คนที่สุนัขแก่ๆ อย่างคุณจะมารังแกได้ง่ายๆ !”
เปรี้ยง !
หลังจากคำพูดนี้ดังออกไป ทุกคนก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า
เผด็จการ นี่เป็นการแสดงออกถึงความเผด็จการชัดๆ !
แต่คนในตระกูลหลี่ต่างนิ่งเงียบกันไปหมดแล้ว
เพราะพวกเขารู้ดีว่า เฉินเต้าหลินมีสิทธิ์ที่จะเผด็จการ !
“เต้าหลิน ฉันเป็นพ่อตาของเธอนะ……” คุณท่านใหญ่หลี่คร่ำครวญด้วยความหวาดกลัว
เขาในตอนนี้ ทั้งโมโหทั้งตกใจ
การปรากฏตัวของเฉินเต้าหลิน เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขา !
ตั้งแต่ที่เขาวางแผนเรื่องการลักพาตัวหลี่หลาน จนไปถึงการข่มขู่เฉินตง ไม่ได้มีการวางแผนถึงเรื่องของเฉินเต้าหลินอยู่ในนั้นเลย
เป็นเพราะเขารู้ดีว่า ถึงแม้ตอนนี้เฉินเต้าหลินจะมีสิทธิ์ช่วยให้เฉินตงได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก แต่หากคิดจะลงมือช่วยด้วยตนเอง ก็คงเป็นไปไม่ได้
ในตระกูลเฉิน ไม่ได้มีแค่เฉินเต้าหลินคนเดียวที่สามารถตัดสินใจเรื่องทุกอย่างได้ ไม่ต้องพูดถึงคนกลุ่มอื่น เพียงแค่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคนเดียว ก็เพียงพอที่จะควบคุมเฉินเต้าหลินเอาไว้ได้แล้ว !
เช่นเดียวกับในตอนนั้นที่เขาพาคนของตระกูลหลี่ไปขโมยมรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ให้มา เฉินเต้าหลินที่ถูกควบคุมอยู่ จึงทำได้เพียงแค่นั่งดูมรดกของหลี่หลานถูกขโมยไปโดยไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ และต้องกัดฟันทนต่อความอัปยศอดสู
แต่ทว่าตอนนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่บ้านตระกูลหลี่ได้ ?
ถ้าไม่ใช่เพราะยังรู้ดีว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยังมีชีวิตอยู่ การที่ได้พบกับเฉินเต้าหลินในวันนี้ คุณท่านใหญ่หลี่คงถึงขั้นที่คิดว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคงจะตายไปแล้วแน่ๆ
“พ่อตา ?”
เฉินเต้าหลินหัวเราะเยาะ : “ตั้งแต่ที่คุณไม่สนใจตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกกับหลานเอ๋อ คุณก็ไม่ใช่พ่อตาของผมอีกต่อไป ผมกับหลานเอ๋อ ตงเอ๋อ และตระกูลหลี่ของคุณ ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก !”
“ฉัน……”
คุณท่านใหญ่หลี่อึ้งไปเล็กน้อย
ท่าทีที่เผด็จการของเฉินเต้าหลินกับท่าทีของเฉินตงเมื่อครู่เหมือนกันเป็นอย่างมาก
สองพ่อลูกราวกับถูกถอดออกมาจากแม่พิมพ์เดียวดัน
การจัดการกับเฉินตงเพียงคนเดียว เขาสามารถใช้กลอุบายได้
แต่การจัดการกับเฉินเต้าหลิน ต่อให้เขาใช่กลอุบายนับสิบ เฉินเต้าหลินก็สามารถรับมือได้ทั้งหมด และทำลายมันลงได้ในคราวเดียว !
นี่คือสิ่งที่ใช้ฐานะเป็นตัวกำหนด ไม่เกี่ยวกับเรื่องของอุบาย !
“ตงเอ๋อ ลูกบอกพ่อมาซิว่า พวกเขารังแกลูกใช่ไหม ?” เฉินเต้าหลินเพิกเฉยต่อคุณท่านใหญ่หลี่ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เพิกเฉยต่อคนในตระกูลหลี่ทั้งหมด
เฉินตงงุนงงเล็กน้อย แววตาของเขาไม่อยู่กับร่องกับรอย
เขารู้สึกมีมือใหญ่ๆ วางอยู่บนไหล่ของเขา
จู่ๆ เขาก็รู้สึกประทับใจ และรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นสิ่งที่เขารอคอยมากว่ายี่สิบปี !
ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่เขาถูกรังแกและได้รับความไม่เป็นธรรม เขาคาดหวังว่าจะให้มีมือใหญ่ๆ เช่นนี้ปรากฏขึ้น และถามคำถามเช่นนี้ออกมา !
ดังนั้น เฉินตงจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ดี !” เฉินเต้าหลินแสดงท่าทีเด็ดขาดออกมา “พ่อจะช่วยลูกรังแกพวกมันกลับเอง !”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ ดวงตาของเฉินตงก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
แต่คุณท่านใหญ่หลี่กลับมีสีหน้าที่ซีดเผือดลง
ภายในห้องโถงใหญ่เงียบสงัด
ทุกคนต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก
แต่หลี่เต๋อซานกลับแสดงออกถึงความโกรธที่รุนแรงขึ้น เขาชี้นิ้วและตะโกนไปที่เฉินเต้าหลินด้วยความโมโห : “เฉินเต้าหลิน จริงอยู่ที่คุณเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน จริงอยู่ที่ตระกูลเฉินแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่ แต่คุณก็ควรจะดูเสียก่อนว่า ที่นี่เป็นที่ของตระกูลหลี่คุณอย่า……รังแกคนอื่นให้มากเกินไป !”
ถึงแม้จะเป็นการตะคอก
แต่ประโยคด้านหลังที่ว่า “รังแกคนอื่นมากเกินไป” กลับทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
เฉินเต้าหลินแสยะยิ้มออกมา และไม่แยแสหลี่เต๋อซาน
แต่กลับหันไปมองเฉินตงด้วยแววตาอันเฉียบคม
“ตงเอ๋อ พ่อจะสอนลูกนะว่า รังแกคนต้องรังแกให้ถึงที่สุด ! หากกลัวว่าจะเป็นการรังแกมากเกินไป ไม่สู้อย่ารังแกเสียดีกว่า !”
เป็นคำพูดที่เสียงดังฟังชัดและเผด็จการที่สุด
เฉินตงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก
ทันทีที่พูดจบ
ฟิ้ว……
ฟิ้ว……
ฟิ้ว……
มีเสียงดังสนั่นก้องกังวานอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมิด
เสียงอึกทึก
จนถึงขั้นกลบเสียงของฟ้าผ่าที่ดังอยู่บนท้องฟ้า
ทันใดนั้น
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ต่างแตกตื่นและหวาดกลัว จากนั้นจึงมีคนวิ่งออกไปจากห้องโถงใหญ่และแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
เฉินตงได้ยินเสียงก็รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยเช่นกัน ตัวของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย
เป็นเพราะว่า เสียงนี้ เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างดี !
ตอนที่ขอกู้ชิงหยิ่งแต่งงาน พ่อก็ส่งของขวัญชิ้นนี้มาให้ !
“เครื่องบินรบ สวรรค์ ท่านเจ้าบ้าน มีเครื่องบินรบบินอยู่เหนือคฤหาสน์ปราสาทของเรา !”
ด้านนอก คนของตระกูลหลี่กรีดร้องด้วยความตกใจ
ส่วนด้านในห้องโถงใหญ่ คุณท่านใหญ่หลี่และคนตระกูลหลี่คนอื่นๆ ต่างก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด แขนขาอ่อนแรง
เฉินเต้าหลินหันกลับไปมองพวกของคุณท่านใหญ่หลี่
“คืนภรรยาของฉันมาให้ฉัน มิเช่นนั้นอย่ามาโทษฉัน ถ้าฉันจะถล่มตระกูลหลี่จนราบเป็นหน้ากลอง !”