The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 206 แม้แต่เทวดาก็อย่าคิดหนี
ภายในห้องพักผู้ป่วย
หลังจากท่านหลงพูดออกมาแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็เย็นยะเยือกขึ้นทันที
ไม่เพียงแต่โจวเย่นชิวและฉู่เจียนเจียที่รู้สึกหนาวจนเสียวสันหลังเท่านั้น
แม้กระทั่งกู้ชิงหยิ่งเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน
เป็นไปได้ว่า หากเรื่องนี้จัดการตามที่ท่านหลงกล่าวมาจริง ครั้งนี้คงจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน
คงจะเหมือนพายุที่เข้าถล่มเมืองทั้งเมืองให้ราบเป็นหน้ากลอง !
ถึงขั้นว่าอาจมีผลกระทบแผ่กระจายเป็นวงกว้างออกไปไกล
สีหน้าของท่านหลงเคร่งขรึม และเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า : “ในเมื่อกล้าลอบสังหารคุณชายของผม เช่นนั้นทุกคนบนโลกนี้ก็จะได้รู้ว่า เวลาตระกูลเฉินโกรธน่ากลัวขนาดไหน !”
ริมฝีปากของโจวเย่นชิวขยับ แต่สุดท้ายเข้าก็เลือกที่จะเงียบ
เขาก้มหน้าก้มตารับคำสั่ง แล้วรีบหันหลังเดินกลับออกไป
เขาไม่อยากจะกลายเป็นหนึ่งใน “คนที่ถูกฆ่า”
ฉู่เจียนเจียหันมองกู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงหันมองท่านหลง
แล้วค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า : “ในเมื่อพวกคุณอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเช่นนั้นเจียนเจียขอตัวก่อน”
กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า
จากนั้นฉู่เจียนเจียจึงกลับออกไป
ขณะที่เธอเดินไปถึงประตู ด้านหลังก็มีเสียงที่เย็นชาของท่านหลงดังตามมา
“ก่อนที่ความจริงจะกระจ่าง รบกวนให้คุณหนูตระกูลฉู่อยู่ต่อในเมืองนี้อีกสักระยะ ค่าใช้จ่ายในการเข้าพักที่หมู่ตึกยู่ฉวนทั้งหมด กระผมจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”
ฉู่เจียนเจียตัวสั่น เธอกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอแล้วพยักหน้า : “ยินดีทำตามคำแนะนำของท่านหลงค่ะ”
เธอมาที่นี่ก็เพื่อหาโอกาสใกล้ชิดเฉินตง ผู้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” คนนี้ ที่สุดท้ายอาจจะกลายเป็นปลาคาร์ฟที่กระโดดเข้าสู่ประตูมังกรก็ได้
ต่อให้มีโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่ายังมีหวัง ดีกว่าไม่มีเลย
แต่ทว่าตอนนี้ คำพูดของท่านหลง ไม่ได้เป็นคำพูดที่พูดแทนเฉินตงเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่กำลังพูดแทนคนตระกูลเฉินทั้งตระกูล !
หลังจากที่ฉู่เจียนเจียกลับออกไปแล้ว
กู้ชิงหยิ่งก็พูดออกมาอย่างอ่อนโยน : “ท่านหลง ทำเช่นนี้ ดูจะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ ?”
“โหดร้ายหรือครับ ?”
ท่านหลงยิ้มเล็กน้อย : “ฮูหยินน้อยถูกคุณพ่อคุณแม่ดูแลประคบประหงมมาอย่างดีจนเกินไป หากไม่ใจร้ายบ้าง ก็เท่ากับว่าเรากำลังบอกคนที่พยายามลอบสังหารนายน้อยเหล่านั้น ให้กระทำการซ้ำอีกในครั้งต่อไปอย่างนั้นหรือ ?”
ฮูหยินน้อย ? !
กู้ชิงหยิ่งแววตาเป็นประกาย เธอหันไปมองเฉินตงที่นอนไม่ได้สติอยู่ แล้วพยักหน้า : “ท่านหลงพูดถูก”
ผ่านไปสักครู่ กู้ชิงหยิ่งก็เอ่ยถามขึ้นอีกว่า : “คุณบอกว่ามีตระกูลจางแห่งเมืองหลวงอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ ?”
ท่านหลงแสยะยิ้ม : “กระผมกำลังคิดที่จะไปเยี่ยมตระกูลจางสักหน่อย ขอให้ฮูหยินน้อยช่วยดูแลคุณชายด้วย”
กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า แล้วหันมองท่านหลงเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
……
หมู่ตึกยู่ฉวน
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันตกอยู่ในอาการหวาดผวาตลอดทั้งคืน
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เป็นเหตุการณ์นองเลือดที่น่ากลัวจริงๆ
ต่อให้เป็นคุณท่านใหญ่ตระกูลจางที่โลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ก็ไม่อาจจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสงบได้
ความตาย มีเพียงแค่ผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาเท่านั้น ถึงจะรู้ดีว่าน่ากลัวขนาดไหน
แต่น่ากลัวก็ส่วนน่ากลัว คุณท่านใหญ่ตระกูลจางเองก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
ไป !
ต้องไปเดี๋ยวนี้ !
การลอบสังหารที่มีความเกี่ยวพันถึงตระกูลเฉิน จะต้องเกิดการนองเลือดขึ้นอย่างแน่นอน
ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป คงจะต้องถูกคุมตัวเอาไว้จนกว่าความจริงจะกระจ่างอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงเรียกให้จางหยู่หลันเก็บข้าวของตั้งแต่เช้าตรู่
“คุณปู่ ไม่ใช่ว่าพวกเราควรไปเยี่ยมเฉินตงที่โรงพยาบาลหรอกหรือ ?” จางหยู่หลันรู้สึกสงสัย
“เด็กโง่ ตอนนี้ที่นี่คือที่ที่อันตรายที่สุด ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ ก็จะไปไม่ได้อีกแล้ว !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางถอนหายใจออกมา : “ยิ่งไปกว่านั้น หนูอย่าลืมสิว่า เมื่อคืนหนูทำอะไรเอาไว้ !”
เมื่อนึกถึงภาพที่จางหยู่หลันผลักเฉินตงและฉู่เจียนเจียเข้าไปหามีดเมื่อคืน คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็รู้สึกหัวใจเต้นระส่ำทันที
หากยังมีเรื่องนี้อยู่ ต่อให้การลอบสังหารจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา หลังจากที่เฉินตงฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มีทางยอมปล่อยตระกูลจางไปแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะดึงเฉินตงมาอยู่กับตนต่อไปอีก
จางหยู่หลันตัวสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด เธอรีบอธิบายอย่างตื่นตระหนก : “หนู หนูไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นหนูเองก็กลัวมาก ดังนั้นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานถึงได้……”
“หนูอธิบายได้ แต่จะอธิบายให้เข้าใจได้หรือเปล่า ?”
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางถอนหายใจอย่างจนใจ : “ตกอยู่ในความกลัวเหมือนกัน ตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเหมือนกัน แต่สิ่งที่ฉู่เจียนเจียทำคืออะไร ?”
คำพูดประโยคนี้ทำให้จางหยู่หลันหน้าถอดสี
ราวกับถูกพูดแทงใจดำ
จางหยู่หลันกระทืบเท้าด้วยความโกรธ : “นังนั่นจะต้องเสแสร้งอย่างแน่นอน มันตั้งใจแสดงออกมา มันจะต้องกลัวมากกว่าหนูแน่ๆ”
เธอพูดพลางก็กัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธ
เธอต่อสู้แข่งขันกับฉู่เจียนเจียมาตั้งแต่เล็กจนโต และเธอก็รู้สึกไม่พอใจฉู่เจียนเจียมาโดยตลอด
เสแสร้ง ? !
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของจางหยู่หลัน ในใจรู้สึกหดหู่ ถ้าหากเมื่อคืนหลานสาวของตนเสแสร้งเช่นนั้นบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย ?
แต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น จะใช้เพียงแค่คำว่า “เสแสร้ง” มาอธิบายได้เท่านั้นหรือ ?
สำหรับคนที่อายุขนาดเขาแล้ว ภาพที่ปรากฏขึ้นนั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นสัญชาตญาณ ไม่ใช่การเสแสร้ง !
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นการเสแสร้งจริงๆ ก็ถือว่าเป็นการเสแสร้งที่ดูจะสมจริงสมจังเกินไปแล้ว !
“ไปกันเถอะ ถ้ายังไม่รีบไปอีกล่ะก็ คงจะไม่มีโอกาสไปอีกแล้ว” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดพลางถอนใจ
จางหยู่หลันไม่กล้าพูดอะไรอีก เธอรีบตามปู่ของเธอไป ภายใต้การอารักขาของบอดี้การ์ด จนกระทั่งออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนไป
และในตอนนี้เอง โจวเย่นชิวก็กำลังรีบเดินทางกลับมา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่ตึกยู่ฉวนยังไม่ได้รับถ่ายทอดคำสั่งใดๆ
เมื่ออยู่ภายใต้การอารักขาของบอดี้การ์ด สองปู่หลานจึงสามารถเดินทางออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนได้ในที่สุด
“เฮ้อ……”
ภายในรถ คุณท่านใหญ่ตระกูลจางแอบถอนหายใจออกมา
จางหยู่หลันเอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก : “คุณปู่คะ เราน่าจะหนีพ้นแล้วใช่ไหม ?”
“รอให้เราบินขึ้นเหนือน่านฟ้าเสียก่อน ถึงจะถือว่าหนีได้สำเร็จ” ดวงตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเหมือนมีประกายไฟลุกโชนขึ้นมา : “หลังจากกลับถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อเราอยู่ในอาณาเขตของเรา หากตระกูลเฉินต้องการสอบสวนเอาความผิดจริงๆ พวกเราก็ยังพอมีที่ว่างให้หลบเลี่ยงอยู่บ้าง ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้”
สนามบินแถบชานเมือง
หลังจากที่รถแล่นมาถึง
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันก็มุ่งหน้าเข้าไปในสนามบินภายใต้การอารักขาของบอดี้การ์ด จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินส่วนตัวที่ทำการเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
เครื่องบินบินขึ้นอย่างราบรื่นและไร้อุปสรรค
ในขณะเดียวกัน โจวเย่นชิวเองก็กลับมาถึงหมู่ตึกยู่ฉวน
หลังจากที่รู้ว่าสองปู่หลานตระกูลจางเดินทางออกไปแล้ว เขาก็หน้าถอดสีทันที และรีบรายงานเรื่องนั้นให้ท่านหลงทราบ
ท่านหลงที่ยังอยู่ระหว่างทาง เมื่อทราบเรื่องนี้เข้า เขาก็เปลี่ยนเส้นทางและรีบมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินแถบชานเมืองในทันที
เขาเร่งความเร็วไปพลาง ต่อสายโทรศัพท์ไปพลาง
“ท่านเมิ่ง คุณชายถูกสอบสังหาร ขอรบกวนให้คุณช่วยเรื่องหนึ่ง”
ท่านหลงหยุดพูดชั่วขณะ จากนั้นจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ให้เครื่องบินส่วนตัวที่เพิ่งบินขึ้นเมื่อครู่ บินกลับมาที่เดิมและลงจอดในทันที มิเช่นนั้น กระผมคงต้องใช้กำลัง ยิงพวกเขาให้ร่วงลงมาเอง”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว
แววตาของท่านหลงก็ดูดุดัน สีหน้าแข็งกร้าว : “ถ้าเรื่องนี้ยังไม่กระจ่าง ต่อให้เป็นเทวดาก็อย่าคิดที่จะหนีไปไหน !”
บนเครื่องบิน
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางกำลังนั่งดูก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่ด้านนอกหน้าต่าง
“หยู่หลัน สบายใจได้แล้ว นอนไม่หลับมาทั้งคืน รีบพักผ่อนสักประเดี๋ยวเถอะ” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“คุณปู่คะ จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ?” จางหยู่หลันยังรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยิ้มออกมาเล็กน้อย : “นี่คือเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลจาง หลังจากบินขึ้นแล้ว ต่อให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจริง เครื่องบินก็ต้องฟังคำสั่งของปู่อยู่ดี”
หลังจากพูดจบ
พนักงานต้องรับบนเครื่องบินคนหนึ่งก็รีบเดินตรงเข้ามาอย่างรีบร้อน
“คุณท่าน คุณหนู เมื่อครู่พวกเราได้รับคำสั่งจากศูนย์วิทยุการบินให้ทำการบินกลับไปที่เดิมและลงจอดในทันทีค่ะ”
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จึงพูดว่า : “ไม่ต้องไปสนใจ บินไปยังเมืองหลวงต่อไป”
กลัวสิ่งไหนก็เจอสิ่งนั้นจริงๆ
ใบหน้าอันงดงามของจางหยู่หลันซีดเผือด เธอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
แต่คำพูดของปู่ ทำให้เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม
หลังจากเวลาผ่านไปห้านาที
มีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังก้องขึ้นบนท้องฟ้า
เสียงที่ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันที่กำลังนอนหลับสะลึมสะลืออยู่ตื่นขึ้นในทันที
ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่าง และรู้สึกตกตะลึงในทันที
เครื่องบินรบสองลำกำลังบินขนาบเครื่องบินส่วนตัวอยู่
อีกทั้งปีนยิงกระสุนบนเครื่องบินรบ ก็ถูกปล่อยออกมาเรียบร้อยแล้ว
และกำลังเล็งเป้ามาที่เครื่องบินส่วนตัวของพวกเขา