The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 221 ข่าวที่น่าสงสัย
กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก
แต่ท่านเมิ่งกลับรู้ดีว่า ที่สองสามีภรรยาเร่งรีบนั้น ก็เพื่อที่จะกลับไปวางแผนการดำเนินงานของบริษัทชิงหยิ่งต่อไป
เข้าจากได้ฟังคำอธิบายแล้ว
ทำให้เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน
สายลมยามค่ำคืนพัดพาความเย็นมาเล็กน้อย
แม่และท่านหลงกลับไปที่รถเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเฉินตงเองกำลังจูงมือกู้ชิงหยิ่งอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่ารีบร้อนที่จะกลับ
แต่กลับค่อยๆ เดินอยู่ในป่าไผ่อย่างช้าๆ โดยมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
“เสี่ยวหยิ่ง ขอบคุณคุณมาก และต้องขอบคุณพ่อแม่ของคุณด้วย” จู่ๆ เฉินตงก็พูดขึ้นมา
“คนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น จะขอบคุณทำไมคะ ?” กู้ชิงหยิ่งหันไม่มองค้อน “คุณนี่มันโง่จริงๆ เลย”
เฉินตงหัวเราะร่าออกมา จากนั้นจึงพูดด้วยพร้อมกับทำแววตาลึกซึ้ง
“ผมรู้ดีว่า คุณลุงกับคุณป้าไม่ต้องการให้พวกเราลำบากเกินไป”
การมอบความสุขให้เป็นสินสอด ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำเปรียบเปรยเท่านั้น
ในเมื่อกู้ชิงหยิ่งแต่งงานกับเขาแล้ว การที่เขาทำให้กู้ชิงหยิ่งมีความสุข ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
แต่ทว่าเรื่องสินสอด กลับกลายเป็นกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยา ต้องมาคอยเป็นห่วงและคิดแทนเขากับกู้ชิงหยิ่ง
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน ถือครองทรัพย์สินอยู่ในมือจำนวนไม่น้อย
แต่ด้วยฐานะทางครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งแล้ว ควรจะให้เท่าไหร่จึงจะถือว่าเหมาะสม ?
สำหรับตระกูลเฉินแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่รอดได้ ส่วนผู้ที่อ่อนแอจะต้องถูกกำจัด และท้ายที่สุด ผู้ชนะถึงจะได้ขึ้นเป็นราชา
บรรดาผู้สืบทอดมรดกต่างก็ต้องการแสดงความโดดเด่นออกมา เพื่อที่จะได้เป็นสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไปอย่างแท้จริง จึงจำเป็นจะต้องพิสูจน์คุณค่าของพวกเขาออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนตัวเขาเองนั้น ถือเป็นพวกนอกคอกที่ปะปนอยู่ในบรรดาผู้สืบทอดมรดก
ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขายืนกราน เขาก็คงไม่ได้รับแม้กระทั่งสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอดมรดก
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องการเดินเข้าไปในตระกูลเฉินอย่างเต็มภาคภูมิ และนำเกียรติยศศักดิ์ศรีกลับมาสู่แม่ของเขา
ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องทำตัวให้เหนือกว่าผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ และไม่ใช่เหนือขึ้นไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น !
มีเพียงกระดาษคำตอบที่ได้คะแนนเต็มเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้เขาเอาชนะผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ ได้อย่างแท้จริง
สินสอดในตอนนี้ ย่อมทำให้แผนการหลายอย่างของเขาล่าช้าไปชั่วขณะโดยไม่ต้องสงสัย
กู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยา สามารถมองปัญหาจุดนี้ออกได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นจึงได้ทำเช่นนี้ !
เฉินตงถอนหายใจโดยมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งออกมา จากนั้นจึงลูบหัวของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ
“คุณต่างหากล่ะที่เป็นยัยโง่ ไปกันเถอะ กลับบ้านกัน”
เฉินตงจูงกู้ชิงหยิ่งกลับไปที่รถ
ท่านหลงพากู้ชิงหยิ่งกลับไปส่งที่บ้านก่อน จากนั้นจึงกลับมาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน
คืนนี้เฉินตงนอนหลับสนิทเป็นอย่างมาก
ในความฝัน เป็นฉากแต่งงานระหว่างเขากับกู้ชิงหยิ่ง
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เฉินตงตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงวันแล้ว
เฉินตงที่ปกติแล้วคุ้นชินกับการตื่นเช้าและยุ่งวุ่นวายกับการทำงาน กำลังมองดูพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่นอกหน้าต่าง แล้วเหม่อลอยไป
“ฉันไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ?”
เขาบิดขี้เกียจ จากนั้นจึงไปอาบน้ำ
ขณะที่เฉินตงเดินลงไปด้านล่าง แม่ ท่านหลง และฟ่านลู่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก
“แม่ครับ สายขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่ปลุกผมล่ะครับ ?”
“ลูกไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว ทำไมแม่ถึงจะไม่ยอมปล่อยให้ลูกนอนหลับให้สบายสักหน่อยล่ะ ?”
หลี่หลานยิ้มอย่างอบอุ่น และพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
แต่ท่านหลงที่นั่งอยู่ตรงหน้าโทรทัศน์ กลับหันมาส่งสายตาให้เฉินตง เพื่อส่งสัญญาณว่าให้เขาเดินเข้ามา
เฉินตงขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปดู
ในโทรทัศน์เป็นการรายงานข่าว และข่าวที่กำลังนำเสนออยู่ในขณะนี้ กลับทำให้เขายิ่งขมวดคิ้วแน่น
เป็นเพราะข่าวที่ออกอากาศอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสังหารฉินเจิ้ง ตระกูลฉินแห่งซีสู่
ตอนนี้เป็นช่วงท้ายของการรายงานข่าวแล้ว เพียงไม่กี่วินาที การรายงานข่าวเรื่องนี้ก็จบลง
หลี่หลานหันกลับมาถามเฉินตง : “หิวรึยัง ?”
ฟ่านลู่รีบลุกขึ้นทันที : “ฉันจะไปเตรียมอาหารเที่ยงเดี๋ยวนี้”
เฉินตงส่ายหัว : “ไม่หิว ท่าหลงออกไปเดินเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนฉันสักหน่อยสิ”
ทั้งสองคนเดินออกไปด้านนอกวิลล่า
พวกเขาเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
ผ่านไปพักใหญ่
ท่านหลงก็พูดขึ้นว่า : “คุณชายอยากจะถามเกี่ยวกับข่าวนี้ใช่ไหมครับ ?”
เฉินตงพยักหน้า แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า : “ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำไมตระกูลฉินถึงได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เอาป่านนี้ อีกทั้งยังเลือกวิธีการที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย”
ก่อนหน้านี้ เฉินตงรู้สึกสงสัยมาโดยตลอด
ฉินเจิ้งเป็นทายาทโดยสายเลือดรุ่นที่สองของตระกูลฉิน
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเหตุการณ์ทุกอย่างถึงได้สงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?
ถึงขั้นที่ว่า ในคืนนั้นหลังจากที่ส่งฉินเย่ถึงโรงพยาบาลแล้ว เขาก็เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความโกรธแค้นของตระกูลฉิน
แต่ทว่า เรื่องที่ควรจะบานปลายใหญ่โต กลับถูกถ่วงเวลามาจนถึงบัดนี้
อีกทั้งตระกูลฉินก็ไม่ได้เป็นผู้ลงมือคิดบัญชีด้วยตนเอง แต่เลือกใช้วิธีการนำเสนอข่าวต่อสาธารณชน
ตระกูลฉินไม่รู้จริงๆ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?
ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ภายนอก จะไม่สามารถสืบหาความจริงได้จริงหรือ ?
ทำเช่นนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?
ท่านหลงขมวดคิ้วแล้วส่ายหัว : “เรื่องนี้กระผมเองก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล โดยปกติแล้วการแก้แค้นของตระกูลใหญ่ มักจะใช้วิธีจัดการอย่างลับๆ หรือการลอบสังหาร ดังนั้นการที่ตระกูลฉินเลือกใช้วิธีการเช่นนี้ ตัวกระผมเองก็ไม่เข้าใจ”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างจนใจ
ในเมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตรก็แสดงว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เห็นได้ชัดว่า การเล่นตลกของตระกูลฉินในครั้งนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกสับสน
หายใจเข้าลึกๆ ไปหนึ่งที
เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้งแล้วยักไหล่ : “ช่างเถอะ ไม่ต้องไปสนใจแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
“ตอนนี้คิดว่าก็คงทำได้เพียงเท่านี้” ท่านหลงถอนหายใจแล้วพูดว่า : “กระผมจะรายงานให้คุณท่านทราบ และจะขอความคิดเห็นจากคุณท่าน”
เฉินตงเองก็ไม่ได้ขัดขวาง
ไม่ว่าเขาหรือท่านหลง ก็ไม่อาจหาวิธีการในการรับมือกับความแค้นและการต่อสู้ระหว่างตระกูลใหญ่ได้ดีเท่ากับพ่อของเขา
เขาและท่านหลงไม่เข้าใจการกระทำที่แปลกประหลาดของตระกูลฉิน แต่ไม่แน่ว่าพ่ออาจจะเข้าใจก็ได้
……
สองวันต่อมา เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ
ข่าวการถูกสังหารของฉินเจิ้ง ราวกับก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่โยนลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ หลังจากเกิดคลื่นระลอกเล็กๆ แล้ว ผิวน้ำก็กลับไปนิ่งสงบเหมือนเดิม
สิ่งนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่า ความสงบเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลฉินต้องการ
ตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่ง ทายาทโดยสายเลือดรุ่นที่สองถูกสังหาร การเปิดเผยเรื่องใหญ่เช่นนี้ต่อสาธารณชน เท่ากับเป็นการตบหน้าตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
ความสงบที่เห็นอยู่ตรงหน้า เป็นเหมือนฉากที่เกิดขึ้นก่อนที่พายุลูกใหญ่กำลังจะมา
เมื่อกลับถึงบ้านในช่วงเย็น
ท่านหลงก็รีบพาเฉินตงเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า
“พอส่งข่าวมาแล้วหรือ ?”
ท่านหลงมีท่าทีเคร่งขรึม : “ตอนนี้คุณท่านเองก็ยังมองไม่ออกเหมือนกันครับ แต่ท่านได้กำชับมาว่าให้คุณชายระวังตัว เพราะ……”
ท่านหลงหยุดพูดไปสักพัก จากนั้นจึงพูดต่อด้วยความกังวลว่า : “เพราะคุณท่านสืบรู้มาว่า เมื่อไม่นานมานี้คุณหญิงใหญ่ได้เดินทางไปที่ตระกูลฉินมาหนึ่งครั้ง ซึ่งระยะเวลาห่างจากช่วงที่มีการปล่อยข่าวออกมาไม่นานนัก”
“คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ?”
เฉินตงรู้สึกผงะไปเล็กน้อย : “หรือว่าจะร่วมมือกับตระกูลฉินแล้ว ?”
หากเป็นเช่นนี้จริง ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน !
ต่อให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจะเย่อหยิ่งเพียงใด แต่อย่างไรเสียยังคงเป็นคนของตระกูลเฉิน
และในตระกูลเฉินเอง พ่อก็มีศักดิ์เป็นเจ้าบ้าน
ต่อให้พ่อจะถูกคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินขัดขวางมากเพียงใด แต่ท้ายที่สุด หากพ่อแสดงอำนาจขึ้นมาจริงๆ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเองก็ไม่อาจมีกำลังพอที่จะคิดขัดขวางได้เช่นกัน
ดังเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อน ที่พ่อต้องทำใจแข็งเพื่อข่มขู่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ท้ายที่สุดคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเองก็ต้องก้มหัวยอมแพ้
สาเหตุหลักที่สุดก็คือ ทรัพย์สินของตระกูลเฉินที่อยู่ในมือของพ่อนั้นมีมากกว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ทำให้คำพูดของพ่อมีน้ำหนักมากกว่า
ดังนั้น หากคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต้องการใช้อำนาจของตระกูลเฉินมาจัดการกับเขาแล้วละก็ คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าหากคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินร่วมมือกับตระกูลฉิน
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินสามารถมองข้ามตระกูลเฉิน แล้วยืมมือของตระกูลฉินเพื่อมาจัดการกับเขาได้อย่างสมบูรณ์ !
“คุณชายเข้าใจทุกอย่างแล้วหรือครับ ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินตงไม่ค่อยสู้ดีนัก ท่านหลงจึงเอ่ยถาม
เฉินตงพยักหน้า : “ถ้าหากร่วมมือกันจริง พ่อคงจะต้องคอยระวังทุกฝีก้าวสินะ ?”
“แน่นอนครับ”
ท่านหลงพยักหน้า : “ดังนั้นคุณท่านจึงกำชับมาให้คุณชายระวังตัว เมื่อไหร่ก็ตามที่หางของสุนัขจิ้งจอกยังไม่โผล่ออกมา พวกเราจะต้องคอยระวังตัวไว้เป็นสำคัญ”
เฉินตงลูบใบหน้าของเขาอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างจนใจว่า : “เกรงว่าตอนที่หางของสุนัขจิ้งจอกโผล่ออกมา จะพบว่าไม่ใช่หางของสุนัขจิ้งจอกนะสิ แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่กินคนแทน !”