The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 227 เต้นรำ ? !
เปรี้ยง !
ราวกับมีฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
ร่างกายของเฉินตงแข็งทื่อในทันที
ความโกรธและความเคียดแค้นก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง ราวกับเกลียวคลื่นขนาดมหึมา
เฉินตงจ้องตาเขม็งเหมือนลูกตาจะถลนออกมา ท่าทางของเขาในตอนนี้ราวกับสัตว์ร้าย เข้าพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
ต้องหนีออกไปให้ได้ !
จะต้องหนีออกไปให้ได้ !
เขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ด้านนอกคนนั้นพูดถึงคำว่ารับช่วงต่อหมายความว่าอย่างไร จะใช้วิธีการเช่นไรกันแน่ แต่ว่า “รับช่วงต่อชีวิตของเขา” เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจที่จะจินตนาการได้เลย
ความกลัวเข้าปกคลุมภายในจิตใจของเขาอย่างรวดเร็ว
ตุ๊บๆๆ……
เฉินตงพยายามออกแรงทุบ และใช้เท้าเตะกล่องอย่างสุดกำลัง
รับช่วงต่อชีวิตของเขา ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าจะมีคนอีกคนหนึ่งเข้ามาใช้ชีวิตแทนที่เขาอย่างสมบูรณ์ ดำเนินชีวิตในเส้นทางของเขา รับช่วงต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขา รวมไปถึงแม่และกู้ชิงหยิ่งด้วย !
สิ่งนี้ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่า ตัวเขาเองจะต้องหายไปตลอดกาล !
เมื่อคิดถึงแม่ คิดถึงกู้ชิงหยิ่ง เฉินตงก็มีท่าทีเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่งและกระหายเลือด
การมีคนเข้ามาแทนที่เช่นนี้ เขาไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน !
จากนั้น
เป็นเพราะการต่อสู้ดิ้นรนของเขา ทำให้หัวของเขากระแทกจนเลือดไหลออกมา
กล่องถูกคนมัดเอาไว้กับที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการมัดที่แน่นหนาจนกล่องไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
“ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ !”
เฉินตงบ่นพึมพำ ผ้าพันแผลที่พันอยู่บนศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเลือดอีกครั้ง ทำให้มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกมา
เขาพยายามทุบกล่องไม้อย่างสุดกำลัง : “ฉันจะกลับไป เสี่ยวหยิ่งยังรอถ่ายภาพแต่งงานกับฉันอยู่ แม่ยังรอฉันกลับบ้านอยู่ จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะต้องหาทางกลับไปให้ได้”
ตุ๊บๆๆ……
มีเสียงดังสะท้อนไปมาอยู่ภายในกล่องไม้
ความกลัว ความไม่เต็มใจ ความโกรธแค้น ความขุ่นเคือง และอารมณ์ทุกรูปแบบประสมปนเปกันและปะทุอยู่ภายในกล่องไม้ที่ไม่ขยับเขยื้อน ความรู้สึกเหล่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นภายในจิตใจของเฉินตง
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ก็คือ บางแผลบนศีรษะของเขาเลือดไหลออกมาอีกครั้ง เนื่องจากแรงกระแทกอย่างรุนแรงเมื่อครู่
ทันใดนั้นก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นอย่างรุนแรง
ในที่สุด เฉินตงก็ไม่อาจทนฝืนได้อีกต่อไป
และหมดสติไปอีกครั้ง……
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อฟ้าสว่าง
ประตูห้องของกู้ชิงหยิ่งมีเสียงเคาะดังขึ้น
เป็นเฉินตง
“เสี่ยวหยิ่ง เตรียมตัวเร็วเข้า วันนี้พวกเราจะถ่ายภาพแต่งงานกันแล้ว” เฉินตงยิ้มพลางพูดออกมา
“จะอยู่ถ่ายภาพแต่งงานที่นี่ต่ออีกหรือคะ ?”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อคืนเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้นขึ้น เฉินตงเพิ่งจะรอดพ้นจากความตายมาได้ ตระกูลฉินยังคงแอบจับตาดูอยู่ห่างๆ
เธอเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับเรียบร้อยแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินตงจะตัดสินใจเช่นนี้
“เรื่องเล็กน่า ตอนนี้แผนการของตระกูลฉินถูกเปิดเผยแล้ว ผมเองก็หนีกลับมาได้แล้ว มีคนของสำนักงานตระกูลเฉินคอยแอบคุมกันอยู่ ตระกูลฉินคงไม่กล้าลงมือผลีผลามอย่างแน่นอน”
เฉินตงเดาความคิดของกู้ชิงหยิ่งออก จึงพูดปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน : “จุดประสงค์ที่เรามาไห่ย่าก็เพื่อถ่ายภาพแต่งงาน จะให้คนพวกนั้นมาทำลายแผนการที่เราวางเอาไว้ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายหรอกหรือ ?”
กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วแล้วถามว่า : “แล้วคุนหลุนกับกูหลังมีความเห็นว่อย่างไรคะ ?”
เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เฉินตงพูดมานั้นผิด
และไม่ใช่ปัญหาเรื่องความปลอดภัย เธอเองก็ไม่เต็มใจที่จะเดินทางกลับนัก
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยของตัวบุคคลแล้ว สิ่งนี้ถามความเห็นจากคุนหลุนและกูหลังน่าจะเป็นการดีที่สุด
เรื่องพวกนี้ พวกเขาทั้งสองคนจึงจะถือว่าเป็นมืออาชีพ
“ยังไม่ได้ถามเลย” เฉินตงยักไหล่
สิบนาทีผ่านไป
เมื่อคุนหลุนและกูหลังตามมาที่ห้องพักของกู้ชิงหยิ่ง และได้รู้แผนการที่เฉินตงวางไว้แล้วนั้น
ปฏิกิริยาของทั้งสองคนก็ไม่ต่างกับกู้ชิงหยิ่ง
“คุณชาย ตอนนี้ไห่ย่าไม่ปลอดภัยนัก ต่อให้คนของสำนักงานตระกูลเฉินจะคอยแอบคุ้มกันอยู่ก็ตาม แต่ผมรู้สึกว่าพวกเราควรจะเดินทางกลับเดี๋ยวนี้ เพื่อความปลอดภัย”
คุนหลุนขมวดคิ้วและกล่าวเตือน
ตระกูลฉินเตรียมการมาเป็นอย่างดี เมื่อคืนเฉินตงสามารถหนีเอาตัวรอดจากความตายมาได้ สำหรับเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดแล้ว
กันไว้ดีกว่าแก้ ต่อให้มีคนของสำนักงานตระกูลเฉินคอยคุ้มกันอยู่ ก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์
ตระกูลฉินได้หมายหัวเฉินตงเอาไว้แล้ว
และได้ฉินตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเฉินเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ตระกูลเฉินไม่สามารถควบคุมตระกูลฉินได้ ถึงถือเป็นเรื่องยากที่จะหวังให้ตระกูลฉินยอมรามือ
“คุณเฉิน ผมว่าสิ่งที่พี่คุนหลุนพูดนั้นมีเหตุผล”
กูหลังขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เมื่อคืนรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ตอนนี้ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นฝีมือของตระกูลฉิน สามารถให้สำนักงานตระกูลเฉินคอยแอบคุ้มกันให้ได้ แต่ตระกูลฉินมีการแอบวางแผนลอบฆ่ามาเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่มีทางที่จะยอมรามือง่ายๆ เช่นนี้แน่นอน”
“เฉินตง พวกเรากลับกันก่อนดีไหม ?”
กู้ชิงหยิ่งรับฟังความคิดเห็นของคุนหลุนและกูหลัง จากนั้นจึงกล่าวเตือนว่า : “อย่างมากก็แค่เปลี่ยนสถานที่ถ่ายภาพแต่งงาน ถึงแม้งานแต่งใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็ใช่ว่าจะหาเวลาไม่ได้”
จู่ๆ เฉินตงก็รู้สึกขำ
ดวงตาของเขาเฉียบคมขึ้นทันที
“โดนงูฉกแค่ครั้งเดียวจะเป็นต้องกลัวหัวหดขนาดนี้เลยหรืออย่างไร ? หากเป็นเช่นนี้จริง ที่ผมเติบโตขึ้นมาในที่มืดมิด จะกล้าเดินออกมาหาแสงสว่างได้อย่างไร ?”
คำพูดนี้ทำให้พวกของกู้ชิงหยิ่งทั้งสามคนตกตะลึง
เฉินตงกล่าวอีกว่า : “งานแต่งของผมกับเสี่ยวหยิ่งใกล้เข้ามาทุกที ผมไม่อยากสนใจเรื่องของตระกูลฉินในตอนนี้ รอให้งานแต่งผ่านพ้นไปก่อน ผมจะต้องคิดบัญชีกับตระกูลฉินอย่างแน่นอน”
“หากตระกูลฉินลงมือพลาดเมื่อคืนนี้ แล้วยังจะกล้ากลับมาลงมือซ้ำอีกละก็ ผมก็จะเชิญพ่อและตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงไปร่วมมือกันจัดการตระกูลฉินแห่งซีสู่ในทันที !”
“แต่ว่า……”
คุนหลุนสีหน้าเคร่งเครียด ความดื้อรั้นของเฉินตงทำให้เขารู้สึกวิตกกังวล
แต่เฉินตงกลับโบกมือ : “ไม่ต้องพูดแล้ว ในเมื่อผมรับปากเสี่ยวหยิ่งแล้ว ผมก็จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ รีบติดต่อทีมช่างภาพให้เริ่มถ่ายภาพแต่งงานได้แล้ว”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
พวกของกู้ชิงหยิ่งทั้งสามคนยืนตะลึงอยู่ที่เดิม
พวกเขาหันมองหน้ากัน
กูหลังรู้สึกลังเล : “นี่มันอันตรายเกินไป”
คุนหลุนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น : “นิสัยของคุณชาย เมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว ยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นายกับฉันคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ส่วนคนของสำนักงานตระกูลเฉินก็จะแอบคุ้มกันอยู่ห่างๆ ก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี”
มีเพียงกู้ชิงหยิ่งที่ขมวดคิ้ว เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
เธอบ่นพึมพำออกมาว่า : “ฉันรู้สึกมาตลอดว่า หลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้น เฉินตงก็ดูแปลกไป”
“แปลกตรงไหน ?” คุนหลุนและกูหลังเอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน
“บอกไม่ถูกเหมือนกัน”
กู้ชิงหยิ่งส่ายหัว และพูดอย่างสับสน : “เพราะบอกไม่ถูก ถึงได้รู้สึกว่ายิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เป็นความรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกของผู้หญิง”
คุนหลุนและกูหลังหันมองหน้ากัน แล้วยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งสองคนผ่านความเป็นความตายและการนองเลือดมาอย่างโชกโชน พวกเขาจึงสามารถอาศัยความรู้สึกในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
แต่นี่คือสิ่งที่ได้มาจากการฝึกฝนและการผ่านความเป็นความตายมาหลายต่อหลายครั้ง
สัมผัสที่หกของผู้หญิง ?
มีอยู่จริงหรือเปล่า ?
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
การถ่ายภาพแต่งงานเริ่มต้นขึ้น
เฉินตงอยากจะจัดงานแต่งงานที่เป็นที่จดจำไปชั่วชีวิตให้แก่กู้ชิงหยิ่ง ดังนั้นทุกเรื่องที่ทำจึงต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
หลังจากทีมช่างภาพเลือกจุดที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพแต่งงานได้แล้ว
เฉินตงก็ทำการปิดล้อมพื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมด
ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเข้ามารบกวนการถ่ายภาพแต่งงาน
ทีมช่างภาพฝีมือระดับแนวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การจัดแสง มุมกล้องและด้านอื่นๆ ล้วนแล้วแต่แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
การถ่ายภาพแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด และไม่มีอุปสรรคใดๆ แม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้รู้สึกสดชื่นในขณะจะต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดบนชายหาด พวกเขาไม่ต้องรู้สึกรำคาญใจเพราะการทำงานที่ไม่ได้เรื่องของช่างภาพ
การถ่ายภาพดำเนินไปตลอดทั้งวัน
ทุกคนต่างรู้สึกหมดแรง
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
การถ่ายภาพตลอดทั้งวันก็สิ้นสุดลง
ทุกคนหอบร่างที่เหนื่อยล้าเดินกลับโรงแรมไป
ตอนนี้ลมทะเลพัดเย็น
หลังจากที่เดินออกมาจากแนวกั้นแล้ว คนที่อยู่บนชายหาดก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
มีแสงไปสลัวๆ และลมทะเลที่พัดเย็น
ขณะที่กู้ชิงหยิ่งกำลังเดินอยู่นั้น
จู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงที่อ่อนโยนของเฉินตงดังขึ้นมา
“เสี่ยวหยิ่ง วิวสวยขนาดนี้ พวกเรามาถ่ายภาพกลางคืนกันอีกสักชุดไหม ?”
“ภาพกลางคืน ?”
ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า : “แผนการถ่ายภาพตอนกลางคืนไม่ได้ถ่ายที่นี่สักหน่อย ทีมช่างภาพยังไม่ได้เตรียมตัวกันมานะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก วิวสวยๆ ขนาดนี้ คุณไม่คิดว่าเราน่าจะเต้นรำกันสักหน่อยหรือ ให้ทีมช่างภาพถ่ายเก็บเอาไว้สักสองสามภาพ เอาไว้ใส่ในภาพแต่งงาน น่าจะสวยไม่เบา ?”
ดวงตาของเฉินตงเป็นประกาย เขายิ้มให้กับแสงสลัวๆ ที่สาดส่องอยู่รอบๆ ชายหาด