The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 229 พวกเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว คุณยังถือสาเรื่องนี้อยู่อีกหรือ ?
- Home
- The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา
- บทที่ 229 พวกเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว คุณยังถือสาเรื่องนี้อยู่อีกหรือ ?
ตัวแทน
ไม่สิ เรียกว่าสวมรอยต่างหาก
ความโกรธของเฉินตงคุกรุ่นอยู่ภายในใจ เจตนาฆ่าของเขารุนแรงขึ้น
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไม่เพียงแต่ต้องการฆ่าเขาเท่านั้น แต่ยังคิดที่จะล้างเผ่าพันธุ์ตระกูลเฉินด้วย !
การใช้คนของตระกูลโจวคนนั้นมาแทนที่เขา เพื่อหลอกลวงพ่อของเขา หลังจากนั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากทั้งคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและพ่อ การที่คนตระกูลโจวคนนั้นจะเอาชนะผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ และกลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปสินะ ?
เมื่อคนของตระกูลโจวคนนั้นได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้านเมื่อไหร่
ตระกูลเฉินก็จะตกอยู่ในมือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินทันที
คนตระกูลโจวคนนั้น ก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดในมือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเท่านั้น
อีกทั้ง คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคงจะให้ค่าตอบแทนกับตระกูลโจวมากพอดู จึงได้ปรากฏตัวตายตัวแทนคนนี้ขึ้นมาได้ !
เมื่อเขาขึ้นเป็นเจ้าบ้านได้เมื่อไหร่ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด แต่ก็คงจะมีอำนาจมากกว่าการเป็นตระกูลโจวเล็กๆ อย่างแน่นอน !
“ในสมัยโบราณมีอู่โจว หรือว่าตอนนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเองก็อยากจะเลียนแบบหวู่โจวด้วยเช่นกัน ?”
เฉินตงกัดฟันพูดออกมาหนึ่งประโยค : “ผมไม่มีวันยอมให้คุณสมปรารถนาแน่นอน ต่อให้คุณจะเนรเทศผมไปอยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ขอเพียงแค่ผม เฉินตงยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ต้องคลานกลับไป ผมก็จะคลานกลับไปให้ได้ !”
คำพูดของเขาดังขึ้น พร้อมกับเจตนาฆ่าอันแรงกล้า
ตอนนี้เฉินตงรู้สึกอยากมีชีวิตรอดอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าปล่อยให้แผนการของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินสำเร็จแล้วละก็
ตระกูลเฉินจะกลายเป็นเช่นไร เขาอาจไม่สนใจ
แต่พ่อ แม่ กู้ชิงหยิ่ง ท่านหลง……และคนอื่นๆ ทั้งหมดที่เป็นเหมือนญาติมิตรของเขา จะต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาอย่างแน่นอน
เพื่อคนเหล่านี้ เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้ !
ไม่มีเหตุผลที่จะยอมตาย !
หากเขาตาย ก็จะไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรอีก !
สิ่งเดียวที่เฉินตงไม่เข้าใจก็คือ
ทำไมคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินถึงไม่ยอมฆ่าเขาให้สิ้นเรื่อง ?
หากเข้าตายไปก็จะไม่มีหลักฐาน เช่นนี้ไม่ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อแผนการของเธอหรอกหรือ ?
เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์หรือการวางแผน เขาไม่มีวันเทียบคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้แน่นอน
คำพูดที่ว่า กะทิยิ่งแก่ยิ่งมันนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดลอยๆ เท่านั้น
สิ่งที่เขาคิดไม่ออก ไม่แน่ว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอาจจะวางแผนเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอนเรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมัวมานั่งคิดเรื่องพวกนี้
สิ่งที่เขาควรคิดก็คือ จะทำอย่างไรให้มีชีวิตรอดต่อไป และจะทำอย่างไร……เพื่อกลับไป !
ลมหนาวที่พัดเข้ามาจากด้านนอกทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนหนาวเข้าไปถึงกระดูกและรูขุมขน
เฉินตงที่เดิมทีก็นอนขดตัวอยู่แล้ว ตอนนี้กลับขดตัวแน่นขึ้นไปอีก
มีเพียงวิธีนี้ ที่พอจะทำให้เขาสามารถรักษาอุณหภูมิในร่างกายเอาไว้ได้
เสียงของลมทะเลและเกลียวคลื่นดังขึ้นเรื่อยๆ
……
ไห่ย่า
แสงแดดร้อนระอุ
ถึงแม้จะร้อน แต่ในเมื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่อให้ร้อนขนาดไหน ก็ยังมีผู้คนพลุกพล่านอยู่ดี
ทีมช่างภาพมืออาชีพระดับแนวหน้า ทำให้การถ่ายภาพแต่งงานครั้งนี้ ออกมาสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ
แต่ละวัน ก็จะถ่ายภาพโดยยึดตามแผนการและสถานที่ที่วางแผนเอาไว้
การแต่งงานกระชั้นชิดเข้ามาทุกที ดังนั้นการถ่ายภาพในสถานที่ที่มีผู้คนเดินผ่าน
วิธีง่ายๆ ที่เฉินตงเลือกที่จะใช้ก็คือ——กั้นบริเวณ !
การถ่ายภาพแต่งงานที่มีชีวิตชีวา
รวมไปถึงความใกล้ชิดในระยะเวลาหลายวันมานี้ ทำให้ความสงสัยในใจของกู้ชิงหยิ่งค่อยๆ หายไปจนหมดสิ้น
เฉินตง ก็ยังเป็นเฉินตงคนเดิม !
สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ บนภาพแต่งงานทุกใบ จะต้องพยายามปกปิดผ้าพันแผลที่อยู่บนหัวของเฉินตงเอาไว้ให้ได้
นี่คือสิ่งที่ยังไม่สมบูรณ์แบบเพียงพอ
ไม่แน่ว่า ในอนาคตหากนึกย้อนความหลังกลับมา อาจจะรู้สึกขำเฉินตงก็ได้ ?
กู้ชิงหยิ่งคิดเช่นนี้
วันที่ห้า การถ่ายภาพแต่งงานสิ้นสุดลง
จริงๆ แล้วระยะเวลาที่ใช้สำหรับถ่ายภาพแต่งงานนั้น ใช้เพียงแค่สามวันเท่านั้น
แต่การถ่ายภาพสามวันอย่างมีชีวิตชีวา สำหรับทุกคนแล้ว ถือเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
เพื่อที่จะขอบคุณทุกคน หลังจากการถ่ายภาพสิ้นสุดลง
เฉินตงก็ไม่ได้เดินทางกลับพร้อมกับกู้ชิงหยิ่ง
แต่กลับเหมาด้านนอกของโรงแรมเพื่อจัดปาร์ตี้ริมชายหาด เพื่อเลี้ยงขอบคุณทีมช่างภาพอย่างอบอุ่น
ยุ่งมาตลอดสามวัน ทุกคนต่างเหนื่อยล้า ในที่สุดวันนี้ก็สามารถร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างผ่อนคลายได้เสียที
กู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่ได้คิดขัดขวางอะไร การเลี้ยงขอบคุณถือเป็นสิ่งที่สมควร
ในงานปาร์ตี้ตอนกลางคืน
เธอและเฉินตงเดินไปตามโต๊ะต่างๆ แล้วชนแก้วเพื่อแสดงความขอบคุณ
เฉินตงดื่มเหล้า ส่วนเธอดื่มเครื่องดื่ม
เฉินตงอารมณ์ดี ไวน์ค่อยๆ ลงไปในท้องทีละแก้ว ไม่ช้าดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็แดงก่ำ และเริ่มมีอาการเมา
ส่วนทีมช่างภาพเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
คนที่ยังมีสติอยู่ ก็มีเพียงกู้ชิงหยิ่ง และคนที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยอย่างคุนหลุนและกูหลังเท่านั้น
หลังจบงานปาร์ตี้
กู้ชิงหยิ่งก็เรียกคุนหลุนและท่านหลงมาพาตัวเฉินตงที่กำลังอยู่ในอาการเมามายกลับห้องไป
ส่วนเธอเองก็กลับไปที่ห้องเพียงลำพัง
เธอหวนคิดถึงการถ่ายภาพหลายวันมานี้ มีทั้งความตื่นเต้น ความสุข และความทรงจำ
เมื่อคิดถึงงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15 เดือนหน้า กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว
เธออยู่ในห้องพักชั้นพิเศษ และเป็นชั้นที่แยกออกมาต่างหาก
มีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก แขกทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้
เวลาเช่นนี้ ทางโรงแรมก็คงไม่ได้มีบริการทำความสะอาดห้องพัก
แล้วคนที่อยู่ด้านนอกคือใคร ?
“เสี่ยวหยิ่ง……ผมเอง เฉินตง……”
เสียงที่ฟังดูเมามายของเฉินตงดังขึ้นที่ด้านนอกประตู เป็นเสียงที่ติดอ่างเล็กน้อย
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกโล่งใจ
เธอกำลังจะอ้าปากพูด พลางลุกขึ้นยืน
“เสี่ยวหยิ่ง เปิดประตูหน่อย คืนนี้……ผมอยากจะนอนกับคุณ……”
คำพูดที่ติดอ่างเพราะความเมา พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
แต่กลับทำให้กู้ชิงหยิ่งที่กำลังลุกขึ้นตัวสั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เธอกลืนสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมากลับลงไป
“เขาเคยรับปากฉันไม่ใช่หรือว่า จะเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดเอาไว้ในคืนแต่งงาน ?”
กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว แววตาของเธอลึกซึ้ง
ตอนที่เฉินตงแสดงเจตจำนงออกมาในครั้งแรก เธอเองก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว
หลังจากนั้น เฉินตงเองก็มีโอกาส
คือครั้งที่หลี่หลานให้เธอกลับไปที่ห้องพร้อมกับเฉินตง
แต่ทว่าครั้งนั้น เฉินตงกลับเป็นห่วงที่เธอคอยอยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
จึงทำเพียงแค่กอดเธอเอาไว้ ในเธอหลับในอ้อมกอดของเขาอยู่เป็นเวลานาน โดยไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเกินเลยกับเธอเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ทว่าตอนนี้……
ก๊อกๆๆ !
เสียงเคาะประตูรุนแรงขึ้นราวกับเสียงตีกลอง
แสดงให้เห็นถึงความหยาบคายเล็กน้อย
ทั้งให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกตกใจจนตัวสั่น และรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวหยิ่ง รีบเปิดประตูเร็วเข้าสิ พวกเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว คุณยังถือสาเรื่องนี้อยู่อีกหรือ ?”
เสียงของเฉินตงทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสับสน
ความสงสัยที่จางหายไปแล้ว ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
และแผ่ซ่านไปทั่วอย่างรวดเร็ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเคาะประตูอย่างหยาบคาย แต่เสียงตะโกนที่เมามายของเฉินตง
ทำให้กู้ชิงหยิ่งกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ไม่พูดอะไร
จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความให้คุนหลุน
“พี่คุนหลุน เฉินตงเมามากแล้ว พี่ช่วยมารับเขากลับไปส่งที่ห้องหน่อยได้ไหม ?”
“ครับ”
เมื่อเห็นคุนหลุนตอบกลับมา กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกโล่งใจ
เมื่อเสียงของเฉินตงที่ดังอยู่ด้านนอกสงบลง ความสงสัยในหัวของเธอก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ช้า
ด้านนอกก็มีเสียงของคุนหลุนดังขึ้น
“คุณชาย คุณเมามากแล้ว ผมจะประคองคุณกลับห้องนะครับ”
“แก แกมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับฉัน ? ฉันไม่ต้องการให้แกประคอง แกเป็นแค่คนใช้ในตระกูลของฉันเท่านั้น หลีกไป !”
“คุณชาย นี่ก็ดึกมากแล้ว อย่าโวยวายอีกเลยครับ เดี๋ยวคุณจะทำให้เสี่ยวหยิ่งต้องตกใจ”
เผียะ !
เสียงตบหน้าดังก้อง จนทำให้กู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสี
จากนั้น ด้านนอกก็มีเสียงด่าทอของเฉินตงดังขึ้น
“เสี่ยวหยิ่ง ? คนใช้อย่างแกมีสิทธิ์เรียกแบบนี้หรือ ?