The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 233 ยอมแพ้หรือยอมตาย?
ภายใต้การควบคุมตัวนักโทษของหน่วยลาดตระเวน
เฉินตงเดินกะโผลกกะเผลกไปยังคูเมืองในคุกมืด
เมื่อกี้ป๋าได้ให้เขาดื่มน้ำแห่งชีวิตจนร้อนไปทั่วทั้งร่าง แต่ตอนนี้มันได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว
มือและเท้าของเขาแข็งทื่อ
แววตาของเขาไม่หวั่นไหว มองยังคุกมืดที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงตามีไอสังหารของการต่อสู้พรั่งพรู
“ต้องมีชีวิตรอด……ในเมื่อสิบปีที่แล้วยังมีคนรอดออกไปจากที่นี่ได้ แล้วทำไม10 ปีให้หลัง จะเป็นฉันไม่ได้ล่ะ?”
“แม่ ชิงหยิ่ง คุนหลุน ท่านหลง รอผม รอผมกลับไป!”
“คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน คนตระกูลฉิน แผนนี้ของพวกคุณ จะต้องล้มเหลว ฉันจะกลับไปยืนอยู่ตรงหน้าพวกคุณอีกครั้งอย่างแน่นอน”
……
ในใจพร่ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
เมื่อเข้าใกล้กับคุกมืด คูเมืองที่สูงตระหง่านซ่อนเร้นอยู่ในเงามืด ค่อยๆกลืนกินเฉินตง
สิ่งนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกว่าท้องฟ้าที่เคยสดใส เหมือนมีภาพลวงตาที่ถูกเมฆดำมาปกคลุม
ครืน……
ประตูโลหะผสมที่ทั้งหนาและหนัก ภายใต้กลไกเบรกของเครื่อง ก็ค่อยๆเปิดขึ้น
ความหนาเกือบเมตร!
ในสถานที่แบบนี้ กำแพงเมืองที่สูงลิ่ว และประตูเมืองที่หนาทึบแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีไว้กันลม แต่เพื่อป้องกันการหลบหนีของนักโทษในคุกมืดนี้ต่างหาก
“ป๋า ไม่นึกว่าคุณจะมีลาภลอยแบบนี้? นี่เป็นนักโทษที่ใครส่งมากันล่ะ ? ”
มีเสียงหยอกล้อ และเสียงหัวเราะดังขึ้น
เฉินตงเห็น บุคคลหนึ่งที่มีความสูงราวๆ170 ซม. หญิงสาวผมทองที่สวมเสื้อคลุมหนังสัตว์ เดินออกมาจากคุกมืดอย่างช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ และลักษณะท่าทางที่หลากหลาย
“ต้องขออภัยด้วย อลิส ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครส่งเขามา แต่สถานที่ที่เปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ นอกจากพวกเราแล้ว ก็มีเพียงนักโทษเท่านั้น”
ป๋าเดินเข้ามาหา แล้วอ้าแขนออก ใบหน้ามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏ
สาวผมทองที่ถูกเรียกว่าอลิสเอวบางร่างน้อย เดินผ่านป๋า แล้วตรงมาที่เฉินตง
ดวงตาสีฟ้าเข้มที่ล้ำลึกนี้จ้องมองที่เฉินตงอย่างสงสัย
ราวกับเห็นสมบัติหายาก เรืองแสงแปลกประหลาดบนตัว
เฉินตงยืนอยู่ที่เดิม มองลงมาที่อลิส รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ครู่ใหญ่ๆ
จู่ๆ อลิสก็ยกนิ้วชี้อันเรียวยาว ชี้ไปที่หน้าอกของเฉินตง แล้วค่อยๆเลื่อนลงมา เอ่ยพูดอย่างลึกซึ้งไปว่า
“โอ้พระเจ้า นี่เป็นของขวัญที่ท่านประทานให้อลิสเหรอ? เนื้อผิวช่างนวลเนียนจริงๆ ไม่ได้เจอผู้ชายแบบนี้มานานมากแล้ว”
เฉินตงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ก้าวถอยหลังออกไปอย่างไม่รู้ตัว
อลิสตกใจ แล้วหันไปพูดกับป๋าว่า:“ป๋า ส่งเขาไปที่พักของฉันก่อนได้ไหม ให้ฉันได้ใช้เวลาที่วิเศษกับเขาสักคืน แล้วค่อยส่งเขาไปที่คุก?
“แน่นอนว่าไม่ได้”
ป๋าส่ายหัว แล้วแสร้งหยอกล้อไปว่า :“ถ้าเป็นฉันก็ได้อยู่”
“ป๋าแก่เกินไป”
อลิสกลอกตามองบน แล้วโบกมืออย่างผิดหวัง :“งั้นก็ได้ พาตัวเขาไปที่คุกมืดเถอะ”
ภายใต้การคุ้มกันของหน่วยตระเวน เฉินตงเดินเข้าไปในคุกมืดอย่างช้าๆ
ขณะที่เดินผ่านอลิส อลิสเองก็ได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ :“เฮ้อ……เนื้อผิวนวลเนียนแบบนี้ กลับจะถูกทำลายทิ้ง ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เฉินตงขมวดคิ้ว แววตารู้สึกโกรธเล็กน้อย
อลิสกลับพูดเตือนไปว่า:“ดูแลตัวเองให้ดี ฉันหวังว่าวันหนึ่งจะได้มีค่ำคืนที่วิเศษกับคุณ”
ความโกรธเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที
ในที่สุดเฉินตงก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แล้วก้าวเดินไปข้างหน้า
สถานที่ที่ถูกลืม กับคุกมืดที่ถูกทิ้งร้าง
คิดไม่ออกเลยว่ากฎระเบียบของที่นี่ จะเข้มงวดและรัดกุมแค่ไหน
คำเดียว“มนุษย์กินคน” คงเพียงพอที่จะอธิบายมันได้ละมั้ง ?
ผ่านทางเดินที่มืดมิดเข้าสู่ในตัวเมือง
ภายใต้การนำของป๋ากับหน่วยลาดตระเวน เข้าสู่ทางเดินในตรอกที่มืดมิด
เดินตรงไปตลอดทาง
ในตรอกนี้ มีเพียงเสียงฝีเท้าที่รวมกันอยู่อย่างแน่นหนา
แรงกดดันที่รุนแรง
ป๋าที่พูดคุยหยอกล้อกับเฉินตงบนรถถังคนนั้น เวลานี้ก็มีท่าทีจริงจังขึ้นมา และไม่ได้พูดอะไร
ดูเหมือนว่า ทุกคนที่เข้ามาในคุกมืดนี้ ต่างก็จริงจังและเคร่งขรึมขึ้นมา
ข้างหน้า มีแสงสว่าง
“เจ้าหนุ่มน้อย ใกล้ถึงแล้ว จำเอาไว้ ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือผู้อยู่รอด อย่าเพราะอดทนและยอม จนทำให้ตัวเองต้องตายก่อนเวลาอันควร”
ในที่สุดป๋าก็เปิดปากพูด น้ำเสียงหนักแน่น
เฉินตงก็หัวเราะออกมาทันที
สายตามองจ้องไปที่ป๋า :“ผมจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้”
ใบหน้าที่มีหนวดเคราของป๋าก็ตะลึงงัน แล้วยักไหล่ ยิ้มแล้วพูดว่า:“แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็เชื่อนาย”
เมื่อเดินเข้าไปถึงในที่ที่มีแสงสว่าง
เฉินตงก็หรี่ตาอย่างไม่รู้ตัว
ยังไม่รอให้ปรับสภาพกับการมองเห็น ก็มีเสียงเชียร์ดังก้องกังวานขึ้นภายในหูของเขา
“มาแล้ว! มีคนใหม่มาแล้ว ! โอ้พระเจ้า นี่มันกี่ปีแล้วนี่ ?”
“แนชวิลล์ คืนนี้เนื้อแกะสดๆนี้นายห้ามแย่งฉันเด็ดขาด เขาเป็นของฉันราชากล้าตาย !”
“ไปไกลๆเลย! ฉันแนชวิลล์ผู้ชนะสิบทิศ หัวฉันให้นายได้ แต่คนให้นายไม่ได้แน่นอน !”
……
การมองเห็นของเฉินตง ก็ค่อยๆฟื้นกลับมา
เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย
ที่มองเห็นคือห้องขังเป็นห้องๆ และห้องขังก็มีขนาดใหญ่มาก และมีเพียงคนอาศัยอยู่กันหร็อมแหร็ม
แต่นักโทษในห้องขังถ้ารวมๆกันแล้ว ก็มีจำนวนไม่น้อย
และในเวลานี้ เขายืนอยู่ตรงกลางของห้องขังทั้งหมด ที่ซึ่งคล้ายกับสนามทำกิจกรรมอะไรสักอย่าง เหนือศีรษะมีกระจกนิรภัยหนาทึบ ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
แต่ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกงุนงง คือเสียงโห่ร้องและเสียงคำรามเหล่านี้ แม้ว่าจะฟังดูน่าอึดอัด แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้
“เตรียมไว้ให้นายโดยเฉพาะ หวังว่ามันจะเป็นคำอวยพรให้กับนายได้”
ป๋าเห็นท่าทีที่สงสัยของเฉินตง จึงยิ้มแล้วพูดไปว่า :“คนเมื่อสิบปีก่อน ก็ออกจากที่กักขังตรงนี้ ลืมบอกนายไป เขากับนายและฉัน เป็นคนประเภทเดียวกัน เพราะความแข็งแกร่งของเขา ทำให้ทุกคนในเรือนจำนี้เรียนรู้ภาษาเดียวกับพวกเรา”
เฉินตงยิ้มออกมาเล็กน้อย:“ขอบคุณครับ”
ใต้การให้สัญลักษณ์ของป๋า
เฉินตงถูกควบคุมโดยหน่วยลาดตระเวนพาไปยังหน้าห้องขังห้องหนึ่ง
“พระเจ้า ป๋า ทำไมคุณต้องส่งเจ้าลูกแกะตัวน้อยไปที่ห้องขังของแนชวิลล์ด้วย? เขาเป็นสัตว์ร้าย มีหลายร้อยชีวิตในมือ และเขาก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก!”
เสียงคำรามที่ไม่พอใจดังขึ้น
ภายในห้องขัง ชายร่างกำยำมีหนวดเคราสีทอง ผมถักเปีย ส่งเสียงคำรามใส่คนที่คำรามกลับไปในทันที
“ไสหัวไป! ไอ้เศษสวะ!”
“ทุกคนเงียบ!”
ป๋าส่งเสียงคำราม ทั้งห้องขังก็เงียบลง
ทันใดนั้น หน่วยลาดตระเวนก็เปิดประตูห้องขังออก
เฉินตงเดินเข้าไปในห้องขังอย่างช้าๆ
แต่แนชวิลล์ชายที่มีรูปร่างกำยำ จ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เร่าร้อน ราวกับกำลังดูสมบัติล้ำค่า
นักโทษอีกสี่คนที่เหลือ ก็จ้องมองด้วยตาที่เป็นประกาย แต่ก็ยืนอยู่ข้างหลังของแนชวิลล์
แกร็ก!
ประตูห้องขังถูกล็อกอีกครั้ง
ในที่สุดแนชวิลล์ก็ระเบิดออกมา เขายิ้มแล้วพูดว่า:“ยอมแพ้ หรือยอมตาย!”
ไม่มีคำพูดที่ไร้สาระ เสียงหัวเราะที่เยือกเย็น ผู้แข็งแกร่งที่สุดคืออยู่รอดกฎระเบียบที่ชัดเจนและเด็ดขาด
และนักโทษในห้องขังอื่นๆ เวลานี้ต่างก็คำรามเสียงโห่ร้องขึ้นอีกครั้ง
ราวกับกำลังชมคอนเสิร์ตและเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่
เฉินตงหันกลับมา ยืดอกหลังตรง
ขณะนี้เอง ท่าทีของเขาก็กระฉับกระเฉงดุเดือดขึ้นมาทันทีทันใด
ราวกับดาบที่ชักออกจากฝัก แสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาให้เห็น
ไอสังหารที่รุนแรง ยิ่งทำให้อุณหภูมิในห้องขังลดลงอย่างรวดเร็ว
ไม่มีท่าทีที่ซึมเซาและอ่อนแออย่างเมื่อกี้อีกต่อไป
สีหน้าของแนชวิลล์และอีกสี่คนที่เหลือก็เปลี่ยนไปทันที
ทันใดนั้น เฉินตงก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย แล้วพูดอย่างเย็นชาไปว่า :“ยอมแพ้ หรือยอมตาย?