The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 241 การประลองเป็นตาย
ภายในห้องขังดังก้องไปด้วยเสียงหัวเราะ
แนชวิลล์และนักโทษอีกสี่คน ต่างก็ตกตะลึง
เฉินตง……..จะบ้าเหรอ?
แนชวิลล์รู้สึกจะบ้าตาย
เขาคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันคงชัดเจนพอ ที่จะทำให้เฉินตงท้อถอยได้
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าผลที่ได้กลับมาจะเป็นเช่นนี้!
สถานะของห้องขังแต่ละห้องในคุกแห่งนี้ ที่จริงแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในห้องขัง
ยิ่งอันดับของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในคุกสูงเท่าใด ตำแหน่งสถานะและทรัพยากรที่พวกเขาสามารถแบ่งปันได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ก่อนหน้าเฉินตง แนชวิลล์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในห้องขังนี้ แต่ถ้าพูดถึงทั้งเรือนจำ ก็คงดูน่าละอายเล็กน้อย
และชัยชนะในการต่อสู้ของเฉินตงช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ ทำให้อันดับในห้องขังของพวกเขาได้อัปสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากเฉินตงตายไป อันดับห้องขังของพวกเขา ก็จะได้กลับสู่สถานะเดิม
ดังนั้น แนชวิลล์จึงพยายามที่จะห้ามอีกครั้ง “ต้องคิดให้ดีนะเฉินตง จ่าฝูงในสิบคุกที่เสียงดัง แต่ละคนนั้นเก่งไม่แพ้ป๋าเลยนะ”
เฉินตงขมวดคิ้วอย่างแน่น
พลังการต่อสู้ในสายตานั้น ยิ่งลุกเป็นไฟ
เขาไม่ใช่คู่แข่งของป๋า
คำพูดของแนชวิลล์ เห็นได้ชัดว่าถ้าหากเขาจะประลองเป็นตายกับสิบจ่าฝูงจริงๆ ผลสุดท้ายจะมีแต่ตายกับตายเท่านั้น
แต่ เขาไม่กลัวตาย !
จู่ๆ เฉินตงก็ยิ้มขึ้นมา
ในสายตาแนชวิลล์ รอยยิ้มนั้นมันคล้ายว่ากำลังบ้าคลั่ง
เขาพูดขึ้นช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่และหนักแน่น “ต่อสู้เพื่อภรรยาของผม แม่ของผม และพี่น้องของผม!”
เมื่อพูดจบ
เฉินตงก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปยังประตูห้องขัง
“ผม เฉินตง ต้องการประลองเป็นตาย!”
บูม!
เสียงที่สงบและหนักแน่น ราวกับเสียงฟ้าร้อง ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณคุก
หลังจากที่สงบไปสักพัก
เสียงก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งเรือนจำ
ทั้งเสียงตะโกน ร้องเชียร์ และเสียงเป่าปาก
เพดานคุกที่อยู่เหนือหัวศีรษะราวกับจะถูกรื้อทิ้งออกไป
“โอ้พระเจ้า! ไอ้เด็กนี่มันบ้าไปแล้ว”
“เขาจะประลองเป็นตาย? ฉันหูฝาดไปใช่ไหมเนี่ย? ไม่กลัวตายจริงๆเลย”
เขาอยากจะท้าทายสิบจ่าฝูง? เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน หรือว่าไม่อยากจะทนมีชีวิตอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว อยากจะตายๆไป?
“เจ้าหนู เยี่ยมมาก นายทำให้ความคิดที่ฉันเคยมองเด็กใหม่เปลี่ยนไปเลย !”
……….
หน้าประตูใหญ่คุก
หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนได้ยินเหตุการณ์ที่สะพรึงใจ จึงรีบรายงานให้กับป๋าที่กลับสำนักงานไปแล้ว
เมื่อทราบถึงเหตุการณ์
หนวดเคราที่ขึ้นเต็มบนใบหน้าของป๋าถึงกับสั่นเทาเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เขา.. เขาบ้าไปแล้วเหรอ? เขาคิดว่าตัวเองเป็นคุนหลุนเหรอ? บ้าเอ๊ย!”
“กว่าคุนหลุนจะออกจากคุกมืดแห่งนี้ไปได้ ยังต้องใช้เวลาหนึ่งปี ที่อยู่บนเส้นบางๆระหว่างความเป็นและความตาย และเกือบตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แค่ฉันเขายังเอาชนะไม่ได้เลย จะเอาอะไรไปประลองเป็นตายกับสิบจ่าฝูง?”
ปัง!
ป๋าโกรธมากจนปาแก้วแตกลงบนพื้นอย่างแรง
เขาแนะนำวิธีที่สามารถออกจากคุกมืดให้กับเฉินตง
เพราะต้องการให้เฉินตงมีความหวัง
ความหวังที่จะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะออกจากคุกมืดในอนาคต
แต่นี่มันอะไร เพิ่งก้าวเท้าออกมาจากคุกมา ไม่ทันไรข่าวที่เฉินตงจะประลองเป็นตายก็ตามมาติดๆ
จะรีบตายไปไหน
“หยุดเลยนะ บอกให้เขาหยุดเดียวนี้ ”
ป๋าตะโกนดังๆว่า “สิบปีจะเกิดมังกรตัวหนึ่ง เขาถึงว่าเขาคือมังกรตัวนั้นรึ? ”
และแล้ว เจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนก็ทำหน้าอ้ำอึ้ง “หัวหน้า คุกมืดไม่เคยมีกฎห้ามการประลองเป็นตายนะครับ ทางคุกน่าจะเริ่มกันแล้วล่ะ”
คำพูดเดียว ปลุกสติเขาขึ้นมาในทันที
ป๋าลุกขึ้นอย่างโกรธ และก้าวเท้าเดินออกไป
ในคุกมืดนี้ ชีวิตไร้ค่ายิ่งกว่ากระดาษ
ศพถูกยกออกไปจากคุกทุกวัน ทั้งถูกเฆี่ยนตายบ้าง ถูกลอบทำร้ายบ้าง อีกทั้งยังมีคนที่หิวตายและป่วยจนตาย
และชีวิตที่เสียไปแล้วก็เสียไปเลย เป็นเรื่องปกติในคุกมืดอยู่แล้ว
ในสถานที่ที่ถูกทอดทิ้งแบบนี้ ไม่มีใครจะมองเห็นคุณค่าของชีวิต
และยิ่งไม่มีการดำเนินโทษ เพียงเพราะชีวิตใครแน่นอน
ขณะเดียวกัน
ภายในคุก
เสียงดังสั่นสะท้านอย่างดุเดือด เหมือนดั่งภูเขาคำรามทะเลบ้าคลั่ง
ขณะนี้ มีคนสองคนกำลังยืนอยู่บนลานสูงที่อยู่ในสนามกว้าง
“ยืนยาม” เวลาผ่านไป
แต่กับจ่าฝูง ที่มีสถานะเหนือสูงในคุก แม้จะเป็นผู้คุมโดยตรงของเขา ก็ยังคงมีความเกรงใจอยู่เล็กน้อยด้วยศักดิ์ศรีที่ถูกเชิดชูศรัทธาของจ่าฝูง เขาสามารถก่อจลาจลขึ้นในคุกได้ตลอด
การต่อสู้ท้าประลองเป็นตายกับจ่าฝูง ทางคุกย่อมต้องมีการดูแลเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว
ทุกคนต่างโห่ร้องเชียร์กัน ตื่นเต้นจนหน้าแดง
ไม่มีใครคาดคิด ว่าเด็กใหม่คนหนึ่ง จะทำให้คุกมืดมีเหตุการณ์ที่สุดยอดสยิวใจได้ครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้!
เพียงเวลาไม่กี่วัน คุกที่เงียบกริบจนไร้ชีวิตชีวา กลับเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เปี่ยมล้น
“หมียักษ์ ฆ่ามันซะ ต้องฆ่ามันให้ได้!”
หมียักษ์ เอามันให้ตายซะ อย่าไปมืออ่อนเหมือนป๋า
“เร็วเข้า รีบขึ้นสิ! ฉันอยากเห็นนายหักหัวไอ้เด็กนี่ลงมาเตะเล่นเหมือนลูกบอล!”
……
เมื่อเทียบกับเสียงที่กำลังตะโกนโห่ร้องในแต่ละห้องขัง
บนลานประลองในขณะนี้ กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศการฆ่าที่เคร่งขรึม
จิตสังหารพลุ่งพล่าน ที่มองไม่เห็น
เฉินตงยืนอยู่บนขอบลานประลองอย่างภาคภูมิใจ ด้วยสีหน้าที่เย็นชาและแววตาอันดุดัน
ฝั่งตรงข้ามของเขา เป็นชายร่างสูงประมาณสองเมตร ที่ดูแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทั้งตัว
สมกับที่ชื่อ—-หมียักษ์
รอยแผลขรุขระบิดเบี้ยวสามแผลที่อยู่บนใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าที่ดุร้ายอยู่แล้วยิ่งดูโหดไปอีก
“ไอ้เด็กใหม่ ในฐานะที่เห็นแก่ป๋า ฉันให้โอกาสแกตัดสินใจใหม่อีกครั้ง”
หมียักษ์ค่อยๆหมุนคอไปมา“อันที่จริงความสามารถของแกก็ไม่เลวหรอกนะ แต่ถ้าคิดจะท้าประลองตำแหน่งจ่าฝูงของฉันละก็ แกยังต้องกลับไปฝึกฝนอีกหลายปีเลยแหละ”
เขาไม่ใช่พวกที่เก่งแต่กำลังไร้สมอง
ในคุกมืดที่คนกินคนแบบนี้ หากไม่มีปัญญา ก็ไม่มีทางได้ครองตำแหน่งจ่าฝูงแน่นอน และจะถูกกลืนกินจนไม่เหลือซาก
ในฐานะจ่าฝูงของคุก ตำแหน่งของหมียักษ์อยู่เหนือสูง
แต่ด้วยเหตุที่ไม่มีคนใหม่เข้ามาเป็นเวลานาน พอจู่ๆมีเด็กใหม่เข้ามาคนหนึ่ง ก็ยังคงดึงดูดถึงความสนใจของเขา
การต่อสู้ระหว่างเฉินตงกับป๋า เขามองออกอย่างชัดเจน
ด้วยกำลังฝีมือของป๋าเท่าที่เขาเคยรู้มา มันเห็นได้ชัดว่ากำลังต่อให้เฉินตงชัดๆ
แค่เด็กใหม่คนหนึ่ง กลับได้รับความเมตตาจากป๋าขนาดนี้ เพราะอะไร?
“เข้ามาสิ ผมต้องการออกจากคุกมืด!”
ริมฝีปากของเฉินตงเปิดขึ้นเบาๆ และน้ำเสียงที่เย็นชา
“เหอะ!”
หมียักษ์ยิ้มเยาะ
ด้วยสองมือของเขาที่ยกขึ้น เสื้อคลุมบนตัวของเขาก็ลื่นไหลลงมา จึงเผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อสีบรอนซ์ที่แข็งแรงราวกับหิน
กล้ามเนื้อที่แทบจะระเบิดของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่สยดสยอง ทำให้ผู้คนรู้สึกมีแรงบีบคั้นและกดดันสุดๆ
เมื่อกล้ามเนื้อถูกเปิดเผย ทุกคนต่างก็ส่งเสียงตะโกนออกมา
แม้แต่เฉินตงก็ยังตกใจกับกล้ามเนื้อของหมียักษ์
“ให้โอกาสแกแล้ว แกไม่เอา งั้นก็ตายซะ!”
จิตสังหารของหมียักษ์พลุ่งพล่าน และร่างที่สูงใหญ่เกือบสองเมตรราวกับจะไม่มีสิ่งใดกีดขวางได้ พุ่งเข้าปะทะกับเฉินตง
ถึงเขาจะเห็นแก่ป๋า แต่ไม่ได้หมายความว่าจ่าฝูงแห่งคุกอย่างเขา จะเมตตากับเด็กใหม่คนนี้
กล้าท้าประลองกับจ่าฝูง มีแต่ตายอย่างเดียว!
กฎดังกล่าว แม้จะเป็นหมาป่าที่อยู่ในป่าตามธรรมชาติ ก็เช่นเดียวกัน!
“หมียักษ์ หยุดเดียวนี้!”
ขณะที่หมียักษ์กำลังจะเริ่ม ก็มีเสียงตะโกนของป๋าดังขึ้นจากหน้าประตูคุกอย่างโกรธเกรี้ยว
อย่างไรก็ตาม
หมียักษ์ยังคงไม่หยุด และมือที่ใหญ่ราวกับงูเหลือม กำหมัดอย่างแน่น แล้วพุ่งไปทางเฉินตงอย่างดุดัน
ปัง!
เฉินตงสีหน้าเปลี่ยนไป และสัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดผ่านข้างหู เขายกแขนขึ้นป้องกันทันที
แต่เมื่อมีเสียงดังขึ้น เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกรถบรรทุกชน แขนทั้งสองข้างเจ็บปวดอย่างรุนแรง เท้าทั้งสองข้างถูกับพื้น และล้มสไลด์ออกไป
“พู่ม!”
หลังจากที่สไลด์ไปได้ไม่กี่เมตร พอทรงตัวได้ เลือดสดๆก็ไหลออกมาจากปากของเฉินตง