The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 257 คืนก่อนวันแต่งงาน
ทักษะการต่อสู้ของเฉินตงหากจะพูดว่าได้รับการถ่ายทอดมาจากคุนหลุนก็ไม่ผิด
คุนหลุนช่วยตระกูลเฉินฝึกปรือวิชาการต่อสู้ และยังถือได้ว่าเป็นอาจารย์ของคนรุ่นหลังในตระกูลเฉิน
แต่ป๋ากลับรับทุกกระบวนท่าการต่อสู้ของคุนหลุนได้ และดูจะคุ้นเคยกว่าเฉินตงเอง อย่างเห็นได้ชัด และรู้ลึกซึ้งกว่าด้วย
สิ่งนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกประหลาดใจนัก
ดวงตาของป๋าเป็นประกายชั่ววูบ ใบหน้าที่มีหนวดเคราของเขาลังเล
และในที่สุด เขาก็ยิ้มออกมา :“ก็นับว่าเป็นทั้งครูและเป็นทั้งเพื่อนล่ะมั้ง ”
ประโยคง่ายๆ
เฉินตงพยักหน้า แสดงความเคารพแล้วพูดว่า :“ขอบคุณที่ดูแลผมตลอดเวลาที่ผ่านมา”
“นายเป็นศิษย์ของคุนหลุน ยังไงฉันก็ต้องดูแล จะขอบคุณก็ต้องขอบคุณที่นายมีอาจารย์ที่ดี”
ป๋าโบกมือ แล้วชี้ไปที่เครื่องบินรบ :“รีบไปเถอะ”
และเฉินตงก็ขึ้นไปยังเครื่องบินรบ
เครื่องบินที่เตรียมรอไว้นานแล้วก็มีเสียงดังสนั่น ส่วนหางมีเปลวไฟพวยพุ่ง แล้วทะยานสู่ท้องฟ้า
มองดูทะเลหมอกนอกหน้าต่าง หิมะที่ขาวโพลน โปรยปรายปกคลุมไปทั่วพื้นดินเบื้องล่าง
และในหิมะที่ขาวโพลนนี้ คุกมืดอันมืดมิดก็ค่อยๆเงียบสงัดลง และเล็กลงไปเรื่อยๆในสายตาของเฉินตง
คุกมืดนี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกราวกับกำลังฝันและมันไม่มีอยู่จริง
แต่ความเจ็บปวดของร่างกาย ก็คอยย้ำเตือนกับเขา ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องจริง
ความสงสัยทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็เติมเต็มอยู่ในความทรงจำของเขา
ราวกับปุยฝ้าย ที่พันกันยุ่งเหยิงไปหมด
ความสัมพันธ์ระหว่าง เฉินเต้าจูนกับพ่อมันยังไงกัน ?
เห็นได้ชัดว่าพ่อของเขาเป็นคนพาตัวเฉินเต้าจูนมาที่คุกมืดนี้ แล้วจองจำมานานกว่ายี่สิบปี เฉินเต้าจูนเองปล่อยวางความแค้นนี้ได้ยังไง ?
อีกอย่างคุกมืดนี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกพร่ามัวแยกแยะได้ไม่ชัดเจน เพราะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา
มันทำให้เขาสงสัย แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่รู้ว่ากำลังสงสัยอะไร
ในที่สุด ก็เป็นการสมคบคิดของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและคนตระกูลฉิน
สิ่งนี้ ก็เป็นสิ่งที่เฉินตงคิดไม่ตก
ตามหลักแล้ว หากฆ่าเขาซะตระกูลโจวคนนั้นก็สามารถแทนที่เขาได้ทุกอย่าง
แต่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและคนตระกูลฉินกลับปล่อยเขาไปไว้ในคุกมืดดินแดนรกร้างที่ถูกลืม
มีเพียงป๋าและเฉินเต้าจูนในคุกมืด ที่ทำลายแผนชั่วของพวกเขาได้อย่างราบคาบ
“บางที พวกเขาเองก็คงคิดไม่ถึง ดินแดนรกร้างที่จองจำเราไปตลอดชีวิต แต่กลับใช้เวลาอันสั้นไม่ถึงเดือน ก็สามารถหลุดพ้นออกมาได้ ?”
มุมปากของเฉินตงเผยยิ้มอันเยือกเย็น ดวงตาแผ่ไอสังหาร :“อยากจะเห็นจริงๆ เวลาที่พวกคุณเห็นผมปรากฏอยู่ตรงหน้า กับท่าทีที่ประหลาดใจนั้น ”
ยกมือขึ้น แล้วลูบไปที่หน้า
เฉินตงกักเก็บทุกความสงสัยในใจ
มองดูทะเลหมอกนอกหน้าต่าง ดวงตาของเขาอ่อนลง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน :“เสี่ยวหยิ่ง รอผมนะ !”
……
ภายในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน
แสงไฟภายในวิลล่า ประดับประดาโคมหลากสีสัน
ห้องหอได้จัดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วิลล่าทั้งหลังเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชื่นมื่น
ที่ระเบียง ลมในยามค่ำคืนเย็นสบาย
กู้ชิงหยิ่งพิงไปที่ราวกั้น มองดูวิวในยามค่ำคืน แล้วรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ด้านหลัง มีมือใหญ่คู่หนึ่งค่อยๆโอบมาที่เอวของเธอ กลิ่นที่คุ้นเคยพัดเข้าจมูก
ใบหน้าสวยของกู้ชิงหยิ่งเห่อแดงขึ้น และร่างกายที่บอบบางของเธอก็ไหวสั่นเล็กน้อย ราวกับถูกไฟช็อต
“ตื่นเต้นเหรอ?”
เฉินตงวางศีรษะลงบนไหล่ของกู้ชิงหยิ่ง หายใจรดต้นคอ
“คุณไม่ตื่นเต้นเหรอ ? พรุ่งนี้ก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้ว ”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆที่รดข้างใบหู ทำให้เธอหูแดง ดิ้นไปมา พยายามให้หลุดออกจากวงแขนของเฉินตง
เฉินตงดึงเบาๆ ทำให้ร่างกายของกู้ชิงหยิ่งกับเขาแนบชิดกันมากขึ้น
พูดอย่างอ่อนโยนไปว่า :“คืนนี้ไม่ไปไม่ได้เหรอ?”
กู้ชิงหยิ่งตกใจ หันกลับมา มองเฉินตง :“คุณลืมเรื่องที่เราตกลงกันแล้วเหรอ ?”
“แค่วันเดียว” เฉินตงมองดูกู้ชิงหยิ่งอย่างรักใคร่เสน่หา
กู้ชิงหยิ่งมองสบตาเขา สติเลือนรางเล็กน้อย
ภายใต้แสงไฟสลัว
ใบหน้าของเฉินตงค่อยๆขยับเข้าหากู้ชิงหยิ่ง
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น ราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก และร่างกายเธอก็ร้อนรุ่มตาม
แต่ สติก็ทำให้เธอผลักเฉินตงออก
“เฉินตงคะ เราไปดูว่าห้องหอจัดไปถึงไหนกันแล้วดีกว่าคะ ?”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มแล้วดึงมือของเฉินตง เดินลงไปยังชั้นล่าง
ภายในห้องนอนใหญ่ เวลานี้มีเสียงหัวเราะของหลี่หลานกับท่านหลงและคนอื่นๆ
กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงก็รีบตามมาก่อน
อีกทั้งมีคุนหลุน กูหลัง ฉินเย่และจางหยู่หลัน
แม้แต่ฉู่เจียนเจียที่อยู่ในเมืองหลวง ก็มาถึงในชั่วข้ามคืน
ทุกคนต่างช่วยกันจัดห้องหอให้สวยสดงดงาม
“ท่านหลง พรุ่งนี้เต้าหลินจะมาถึงกี่โมงคะ ? ”
หลี่หลานดีใจมาก ใบหน้าเปล่งปลั่ง ประกายสุขสมหวัง
เส้นทางความรักสามปีของเฉินตง คนเป็นแม่อย่างเธอก็เห็นมันมาตลอด และรู้สึกปวดใจนัก
แต่เธอในตอนนี้ เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง และเป็นภาระของลูกชาย
แต่ทุกวันนี้ ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปแล้ว ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นกู้ชิงหยิ่งหรือกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยา ก็ทำให้เธอมีความสุขมาก
สมัครสามัคคีเป็นครอบครัวเดียวกัน
ต่างฝ่ายต่างหลอกกันไปมาห้ำหั่นฟาดฟันกัน จะเป็นครอบครัวเดียวกันได้ยังไง ?
เมื่อได้ยินชื่อเฉินเต้าหลิน ดวงตาของกู้โก๋ฮั๋วก็เป็นประกาย จ้องมองไปที่ท่านหลงด้วยเช่นกัน
ความพยายามมานานหลายปี เขาไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะเป็นคนทำมันได้สำเร็จ
สายตาของลูกสาว ช่างไกลเกินกว่าคนเป็นพ่อจะคาดคิด !
ต่อให้กู้โก๋ฮั๋วจะฝัน ก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่า เขากับตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่ จะเกี่ยวดองและเป็นญาติกันกับเฉินเต้าหลินได้
“นายหญิง นายท่านยุ่งๆ พรุ่งนี้เช้าก็มาถึงครับ ”ท่านหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พ่อคนนี้ ลูกชายแต่งงานทั้งที กลับจะมาในวันแต่งซะงั้น ”หลี่หลานแสร้งทำเป็นบ่น
กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะ:“คุณแม่ยาย ไม่เป็นไรหรอก คุณพ่อตาเขาธุรกิจรัดตัว เข้าใจได้”
ขณะนี้เอง
กู้ชิงหยิ่งจับมือเฉินตงเดินลงมา
เมื่อเห็นห้องหอที่ถูกจัดขึ้น กู้ชิงหยิ่งก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
และรีบเอ่ยขอบคุณกับทุกคน
หลี่หลานจับมือของกู้ชิงหยิ่ง :“เด็กโง่ ครอบครัวเดียวกัน ยังจะต้องพูดขอบคุณอะไรกัน ?”
ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอก้มหน้าอย่างเอียงอาย
ภาพนี้ ทำให้ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
หลี่หลานมองไปที่เฉินตงอย่างจริงจัง:“ตงเอ๋อ ต่อไปต้องดีกับเสี่ยวหยิ่งให้มากๆ หากลูกกล้ารังแกเธอ อย่าหาว่าแม่ใจร้ายแล้วกัน”
“รู้แล้วครับ” เฉินตงยิ้ม แล้วตอบอย่างใจเย็น
ดวงตาของหลี่หลานส่องแสงระยิบระยับ
ตั้งแต่ที่เฉินตงกลับมาจากไห่ย่าท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป
จุดนี้ ในฐานะคนเป็นแม่ หลี่หลานรับรู้ได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกย่างก้าวของเฉินตง ก็ไม่พ้นสายตาของเธอ
แต่การเปลี่ยนไปเล็กน้อยนี้ มันทำให้เธอเกิดความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ทำให้คิดมากอะไร
“โอเคครับ นี่มันก็ดึกมากแล้ว เสี่ยวหยิ่งเรากลับกันเถอะ ”
หลี่หวั่นชิงเอ่ยเตือน
คืนก่อนวันแต่งงาน บ่าวสาวไม่ควรพบกัน แต่เพื่อให้ลูกสาวได้พอใจกับบ้านหลังใหม่ ก็เลยไม่ได้เข้มงวดอะไร
“รู้แล้วค่ะ แม่”
กู้ชิงหยิ่งพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยลากับทุกๆคน
หลี่หลานพาคุนหลุน ท่านหลงกับฉู่เจียนเจียและคนอื่นๆไปเลี้ยงส่ง
มีเพียงฉินเย่ ที่รั้งท้าย ไม่ได้ขยับไปไหน
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้แสดงออกถึงความพอใจ
ในดวงตา มีเพียงความเย็นชา
“ฉินเย่คุณทำอะไรอยู่คะ ? งานมงคลของเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง อย่าทำหน้างอแบบนี้สิคะ ”จางหยู่หลันถามด้วยความสงสัย
“แล้วมันธุระอะไรของคุณ?”
ฉินเย่เหลือบมองไปที่จางหยู่หลัน ทำให้จางหยู่หลันยืนแข็งทื่อในทันที ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้น
ฉินเย่ก็ปืนออกทางหน้าต่างของวิลล่า วิ่งฝ่าไปในความมืด แล้วออกไปจากเขตวิลล่าเขาเทียนซานไป
“กู้ชิงหยิ่ง เธอไม่สงสัยอะไรเลยเหรอ ? ”