The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 260 เมื่องานแต่งงานยังคงดำเนินต่อ
ในขณะที่พูดคำนี้นั้น
ฉินเย่กับเฉินตงก็มองหน้ากัน
ในขณะนี้เอง ทุกคนในบริเวณนี้ก็สังเกตเห็นรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ท่านหลงก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น เพื่อทำลายบรรยากาศนี้
“จางหยู่หลัน กูหลัง ยังไม่รีบพาฉินเย่ไปพักอีก ?”
หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป
ท่านหลงเอ่ยทักทายเฉินตงและคนอื่นๆ จากนั้นรีบตามหลังไปทันที
ในอีกมุมที่อยู่ไม่ไกล บรรยากาศแตกต่างจากภายนอก ซึ่งดูหนาวเย็นเล็กน้อย
“เมื่อกี้คุณทำอะไร ?”
จางหยู่หลันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย สีหน้าของฉินเย่กับเฉินตงเมื่อครู่มันดูไม่ได้เลย
เธอไม่เข้าใจว่า คนสองคนที่เคยรักใคร่สนิทสนมกัน ทำไมถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ไปได้
กูหลังที่อยู่ข้างๆก็ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
และในขณะนี้เอง
ท่านหลงก็เดินมาอย่างรีบร้อน สีหน้าเรียบนิ่งถามฉินเย่ :“นี่เจ้าฉินเย่ แกมาแสดงความยินดี หรือมาทำลายงานแต่งกันแน่ ?”
“ก็ต้องมาแสดงความยินดีสิ ”
มุมปากที่ซีดเซียวของฉินเย่ยกขึ้น แล้วเผยยิ้มออกมา
“เจ้าเด็กคนนี้ คนอื่นไม่รู้ แต่ฉันจะไม่รู้เชียวเหรอ? ”ท่านหลงขมวดคิ้วแน่น “แกอย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจ แม้ว่าคนแก่อย่างฉันจะดีกับแกยังไงแต่ก็เป็นเพียงคนรับใช้ของตระกูลเฉิน”
“ผมมาแสดงความยินดีจริงๆ ” ฉินเย่พูดอย่างจริงจัง
ดวงตาของท่านหลงดำดิ่ง และจ้องมองสบตากับฉินเย่อยู่สักพัก
ทันใดนั้นเขาก็พูดสื่อความหมาย:“คนแก่อย่างฉันรู้ว่าแกคิดอะไร แต่ฉันก็ยังงง เหตุการณ์เมื่อกี้ แกบังอาจมาก !”
ฉินเย่ตะลึง ดวงตาเป็นประกาย
แต่ก็พูดไปด้วยรอยยิ้มว่า :“ท่านหลง คุณคิดว่าที่ผมฆ่าพ่อตัวเอง ผมทำถูกไหม ?”
“ถูก!”ท่านหลงพยักหน้า
“เขาบอกว่าผมทำไม่ถูก!”ฉินเย่เลิกคิ้ว “คนอย่างผม ไม่ธรรมดา จะฆ่าพ่อตัวเองได้ยังไง ?”
“แก……”สีหน้าของท่านหลงเปลี่ยนไป
ไม่รอให้เขาได้พูดจบ ฉินเย่ก็โบกมือ :“วางใจเถอะ ผมแยกแยะได้ แค่ปกป้องบางอย่างที่อยู่ในใจ ไม่ทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้แน่นอน ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้
ท่านหลงก็ถอนหายใจอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มองไปที่ฉินเย่แวบหนึ่ง หันหลังแล้วจากไป
เขารู้นิสัยของฉินเย่ดี
คนที่สามารถฆ่าพ่อตัวเองได้ จะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก ?
ในเมื่อฉินเย่พูดแล้วว่าแยกแยะได้ งั้นก็คงไม่ทำอะไรที่มันเกินไปนัก
ข้างนอกยังมีแขกอีกมากมายที่เขาต้องไปทักทายเขาไม่มีเวลาที่จะมาต่อปากต่อคำกับฉินเย่ได้
จนกระทั่งท่านหลงเดินจากไป จางหยู่หลันและกูหลังก็กลับมาได้สติ
บทสนทนาของคนทั้งคู่ มีความหมายที่ไม่ชัดเจน
ดวงตาของกูหลังมีไอของความเกลียดชังปรากฏ:“ฉินเย่ นายจะหาเรื่องคุณเฉิน อย่าหาว่าฉันไม่เกรงนะ ”
“วางใจเถอะ”
ฉินเย่หรี่ตาลง แล้วยิ้ม
ใกล้เที่ยงแล้ว
ภายในคลับสี่ยิ่น เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ
บรรยากาศครึกครื้น
คึกคักเป็นประวัติการณ์
และในจังหวะนี้
โครม……
เสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากท้องฟ้า
ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็เงียบลง
ทุกสายตาต่างจ้องมองไปบนท้องฟ้า
จากนั้น ทุกดวงตาก็ลุกโชนขึ้น
“นายหญิง คุณชาย นายท่านมาถึงแล้วครับ !”
ท่านหลงมองไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่ร่อนลงจอดอย่างช้าๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลงจอด
ภายใต้สายตาของทุกคนที่มองมาที่เฉินเต้าหลิน ค่อยๆเดินออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ ใบหน้ายิ้มแย้มแล้วเดินตรงเข้ามายังที่เฉินตงยืนอยู่
“พ่อ……”
เฉินตงเอ่ยเรียกออกไปก่อน
เฉินเต้าหลินพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า :“ตงเอ๋อ พ่อพลาดงานแต่งงานครั้งแรกของลูก นี่งานแต่งงานครั้งที่สอง ในที่สุดก็ได้มาร่วมยินดีสักที”
“คุณนี่ งานมงคลนะคะพูดอะไรแบบนั้น ?”
หลี่หลานพูดตำหนิเฉินเต้าหลิน และมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย
มันเป็นงานแต่งงานครั้งที่สองของเฉินตง ในใจเธอ มันคือความไม่ยุติธรรมกับกู้ชิงหยิ่ง พ่อแม่ใครไม่รักลูกบ้าง ?
เฉินเต้าหลินพูดต่อหน้ากู้โก๋ฮั๋วและภรรยาของเขา มันช่างไร้มารยาท !
“โอเคๆ ผมผิดเอง ”
เฉินเต้าหลินยิ้มอ่อนโยน แล้วตีไปที่หลังของหลี่หลานเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยทักทายกับกู้โก๋ฮั๋วและภรรยาของเขา
ทั้งสองฝ่ายต่างพูดคุยแล้วหัวเราะ
บุคคลสำคัญที่อยู่รายล้อมยังไม่มีใครเข้าไปทักทาย
สามารถมาอยู่ในระดับแบบพวกเขาได้ วิสัยทัศน์ในการมองก็ต้องมีบ้าง
ต่อให้มิตรภาพที่มีจะแนบแน่นยังไง ในตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกกดดันอยู่บ้าง
“คุณชาย ใกล้ถึงเวลาฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มงานได้แล้วครับ ”
ท่านหลงขยับเข้ามาใกล้ เอ่ยเตือนเสียงเบา
เฉินตงยิ้มและพยักหน้ารับ :“พ่อครับแม่ครับ ใกล้ได้เวลาฤกษ์แล้วนะครับ ”
เสียงเพลงที่ไพเราะก็ดังขึ้น
สะท้อนก้องไปทั่วบนพื้นหญ้าที่ว่างเปล่าของคลับสี่ยิ่น
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เงียบลง
บุคคลใหญ่โตทั้งหลายก็นั่งลงกับที่
มีฉู่เจียนเจียคอยช่วยจัดการ นำทีมฝีมือที่ดีที่สุด ทำให้พิธีงานแต่งงานทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างอลังการ
แม้แต่พิธีกรเองก็ยังเป็นผู้ดำเนินงานมากฝีมือ
งานแต่งงานนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นไปตามในแบบที่กู้ชิงหยิ่งวาดฝันเอาไว้
หลังพิธีกรกล่าวเปิดงาน
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าสู่พิธีการสำคัญ
เมื่อเฉินตงก้าวขึ้นไปบนเวที เสียงปรบมือก็ดังสนั่นไปทั่ว
แม้จะเป็นผู้ที่ร่ำรวยและสูงศักดิ์ หรือจะเป็นยักษ์ใหญ่ผู้มั่งคั่ง ตอนนี้ต่างก็ไม่ลังเลที่จะปรบมือยินดี
เพราะ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า
ตระกูลเฉิน ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าพวกเขา ในสายตาของตระกูลเฉิน พวกเขาอาจเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น
และคนที่อยู่บนเวทีนั้น คือลูกชายของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!
มองดูผู้คนที่ปรบมือ เฉินตงที่ยืนอยู่บนเวทีก็อดไม่ได้ที่จะยืนตัวตรง
รอยยิ้มบนใบหน้า ก็ยิ่งภาคภูมิใจมากขึ้นไปอีก
ความรุ่งเรืองมั่งคั่งนี้ ……อยู่ตระกูลไปตลอดชีวิตก็คงจะไม่มีวันได้เป็น !
หากไม่ใช่เพราะโอกาสนี้ฉันก็คงไม่สามารถที่จะมาเป็นตัวแทนแทนที่เขาได้ ?
หากผ่านวันนี้ไปได้ ฉัน……ก็จะกลายเป็นเฉินตงตัวจริง!
“เฉินตง”ในใจเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ และในความงุนงง ก็ได้เห็นภาพอำนาจและความมั่งคั่งอยู่ในมือ
แต่เมื่อสายตาของเขาจ้องมองไปที่ฝูงชน และฉินเย่ที่นั่งอยู่บนรถเข็น อดไม่ได้ที่จะทำใจให้นิ่งสงบ
และงานแต่งงานก็ดำเนินต่อไป
กู้ชิงหยิ่งที่สวมใส่ชุดแต่งงานกระโปรงยาวตัดเย็บขึ้นโดยเฉพาะ ภายใต้การประคองของฉู่เจียนเจีย ค่อยๆเดินไปยังเวที
ชุดแต่งงานที่ถูกตัดเย็บโดยทีมฝีมือระดับแนวหน้า ทำให้รูปร่างของกู้ชิงหยิ่งสวยสง่าสมบูรณ์แบบ
โครงหน้าที่สวยงาม ถูกบรรจงแต่งแต้มอย่างวิจิตร พูดได้ว่าเวลานี้ไม่มีผู้ใดเทียบได้
ทันทีที่ปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาทุกคน และทุกคนต่างก็ตกตะลึง
พอได้ยินเสียงชมเปาะจากความตะลึง
ร่างกายของกู้ชิงหยิ่งสั่นเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
เธอค่อยๆเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
และเพราะแบบนี้ ในตอนที่เธอก้าวเท้าขึ้นไปบนเวที เธอก็เห็นว่า เวทีก็ส่องแสงสว่าง ดอกกุหลาบสีแดงสด ก็ปรากฏขึ้น
กู้ชิงหยิ่งตกใจ
เมื่อเธอก้าวขาไปข้างหน้า ทุกก้าวบนพื้นเวทีก็จะมีดอกกุหลาบสีแดงสดปรากฏขึ้น
ราวกับกำลังเดินอยู่บนดอกไม้
ในที่สุด กู้ชิงหยิ่งก็เดินมาถึงตรงกลางเวที
“ตื่นเต้นไหม?”
เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นในหู
หัวใจของกู้ชิงหยิ่งเต้นแรงขึ้น ภายในใจลึกๆ มีความรู้สึกมากมายหลากหลายเต็มไปหมด
ความตื่นเต้น ความสุขและอารมณ์อื่นๆรวมกัน ทำให้เธอพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าเงียบๆ
ฉากนี้ เธอรอมันมานานกว่าสามปี !
ในตอนที่เฉินตงกับหวางหนันหนันเข้าประตูวิวาห์นั้น จิตใจของเธอแตกต่างจากในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
ความเพ้อฝันที่นับไม่ถ้วน หากคนที่เข้าประตูวิวาห์นั้นเป็นตัวเอง มันจะดีแค่ไหนกัน ?
ตอนนี้……ความฝันเป็นจริงแล้ว!
ในที่สุดเธอก็สมหวัง !
ในตอนนี้ กู้ชิงหยิ่งรู้สึกคัดจมูก และน้ำตาก็เริ่มไหลซึมออกมา
เฉินตงคว้ามือของกู้ชิงหยิ่ง หันหน้าไปยังแขกทุกคนที่มาในงาน
ภายใต้การดูแลงานของพิธีกร งานแต่งงานดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างเป็นระเบียบ
เพียงไม่นาน ก็ถึงเวลาที่ต้องเชิญพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายขึ้นบนเวที
เมื่อพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ก้าวขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังสนั่น
พิธีกรก็เอ่ยพูดอย่างช้าๆว่า
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันนี้ ทำให้งานแต่งงานที่มีค่าลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
พอสิ้นเสียง
แขกก็ปรบมือขึ้นอีกครั้ง
ด้านนอกของคลับสี่ยิ่น เสียงประทัดเก้าสิบเก้าลูกก็ดังขึ้นพร้อมกัน
เสียงดังกระหึ่ม !
จากนั้น ก็เป็นพิธีที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวต้องยกน้ำชาให้กับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย
มีเสียงที่เกรี้ยวกราด ดังกลบเสียงปรบมือและเสียงประทัดด้านนอก
“ฉันขอคัดค้านการแต่งงานนี้!”