The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 262 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เงาที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
ทำให้ทุกคนในงานต่างอยู่ในความเงียบ
แม้แต่บรรดาตระกูลใหญ่มั่งคั่งที่มาร่วมงาน ที่ปกติแล้วก็เคยภาพเหล่านี้จนชินยา ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
นี่……คือใครกันแน่ ?
คนที่เครื่องบินรบบินเข้ามาส่งถึงในงานแต่งงานของตระกูลเฉิน ?
เมื่อระยะห่างค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ ใบหน้าของคนที่อยู่ภายใต้ร่มชูชีพก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น
ฉินเย่เงยหน้าขึ้นมองคนที่ค่อยๆ โรยตัวลงมาจากท้องฟ้า แววตาที่แน่วแน่ของเขาเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาทันที
ส่วนบนเวที
เฉินตงที่กำลังโกรธจัดก็ได้แต่ยืนตะลึง
เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขาปูดโปนขึ้นอย่างรวดเร็ว และรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
เกิดความคิดที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในสมองของเขาทันที
จากนั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น
เป็นไปไม่ได้ !
เพราะอะไร ? ทำไมถึงเกิดเรื่องพลิกผันเช่นนี้ขึ้นได้ ?
งานแต่งงานของตระกูลเฉินที่เต็มไปด้วยตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย เป็นโอกาสสำคัญอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
แค่คนบ้าระห่ำอย่างฉินเย่เพียงคนเดียวเข้ามาทำลายบรรยากาศงานแต่ง ก็ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากพอแล้ว
ตอนนี้กลับมีคนที่ถูกส่งเข้ามาในงานโดยเครื่องบินรบ และโรยตัวลงมากลางอากาศเพิ่มเข้ามาอีกคน
เพียงแค่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความคิดที่น่ากลัวขึ้นในสมองของเขา และยิ่งเพิ่มขึ้นๆ โดยไม่อาจหยุดยั้งได้
ทุกคนต่างกำลังเงยหน้าขึ้นไปมอง
ทุกคนรู้สึกตกใจจนกระสับกระส่าย
บรรยากาศในงานเงียบสงัด
ทันใดนั้น
“ฮ่าๆๆ……ฉันรู้อยู่แล้วว่านายยังไม่ตาย !”
ฉินเย่รู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่น มีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในตาของเขา และรินไหลออกมาทางหางตา เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง : “พี่ชาย ฉันก็ได้เจอนายแล้ว ในที่สุดฉันก็ได้เจอนายแล้ว ! นายวางใจได้ ผู้หญิงของนาย ฉันช่วยดูแลให้เป็นอย่างดี รอให้นายกลับมาแต่งกับเธอ ฮ่าๆๆ……”
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน
เปรี้ยง !
ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อเทียบกับความตกใจของคนส่วนใหญ่แล้ว คนที่อยู่ใกล้ชิดกับฉินเย่ กลับยิ่งรู้สึกตกใจยิ่งกว่า เหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
ชั่วขณะหนึ่ง
ท่านหลง กู้ชิงหยิ่ง ฉู่เจียนเจีย คุนหลุน กูหลัง ฟ่านลู่และคนอื่นๆ อีกหลายคน ต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี
เพราะพวกเขารู้ดีว่า
พี่น้องของฉินเย่นั้นมีน้อยมาก
มีน้อยเสียจนมีอยู่แค่เพียงคนเดียว
และคนคนก็นั้นคือ……เฉินตง !
ถ้าหากคนที่อยู่บนท้องฟ้าคือเฉินตง แล้วคนที่อยู่บนเวที……คือใครกัน ?
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ทำไมถึงมีเฉินตงอีกคนหนึ่ง ?”
“สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”
“ใครก็ได้บอกฉันที ทำไมถึงได้มีเฉินตงสองคน ?”
……
เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความตกตะลึง ค่อยๆ ดังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เสียงของผู้คนดังขึ้นต่อเนื่องราวกับคลื่น
แม้กระทั่งเหล่าบรรดาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ตอนนี้ก็ยังยากที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้
ยิ่งมีคนเห็นใบหน้าของบุคคลที่อยู่ภายใต้ร่มชูชีพชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความตกใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ราวกับจะสามารถทำให้คลับสี่ยิ่นระเบิดออกได้
บนเวที
“เฉินตง” รู้สึกโกรธจนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าของเขาซีดเผือด
ตอนนี้ดูเหมือนจิตใจของเขาจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป
เพราะอะไร ?
ทำไมแผนการที่วางเอาไว้อย่ารอบคอบ สุดท้ายกลับพลิกผันเช่นนี้ได้ ?
สมควรตาย !
สมควรตายจริงๆ !
ชีวิตของฉัน อนาคตของฉัน ฉันยอมเสียสละตระกูลโจวเพื่อแลกกับสิ่งนี้ ฉันไม่มีทางยอมให้แกทำลายทุกอย่างเด็ดขาด
ตอนนี้ดูเหมือนว่า “เฉินตง” จะเริ่มเสียสติ
แต่สติที่ยังพอหลงเหลืออยู่ ทำให้เขาสงบลงได้
ฟึ่บ !
ในที่สุดร่มชูชีพก็ตกลงสู่พื้นดิน
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น คนที่อยู่ภายใต้ร่มชูชีพก็ค่อยๆ เปิดร่มชูชีพขึ้น จากนั้นจึงลุกขึ้นและหันหน้าไปทางเวที
“เฉินตง !”
ตอนนี้ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่ง เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
และทุกคนที่อยู่บนเวทีเอง ต่างก็รู้สึกตกตะลึงไปตามๆ กัน
จู่ๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเฉินเต้าหลิน ก็เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงงในทันที : “มีสองคน ?”
ภาพที่เกิดขึ้นช่างน่าเหลือเชื่อ
และตอนนี้เอง
เฉินตงเหลือบไปมองฉินเย่ที่กำลังหัวเราะเสียงดังอยู่ จากนั้นจึงชูมือขวาขึ้นอย่างมีความสุข และกำหมัดวางลงบริเวณหัวใจของเขา
“ขอบคุณ !”
“ขอบคุณบ้าอะไรกัน ! ฮ่าๆๆ……ฉันรู้ดี ว่าฉันต้องคิดถูกแน่นอน นายต่างหากคือเฉินตง นายต่างหากคือเฉินตงตัวจริง” ฉินเย่โบกมือ รอยยิ้มของเขายิ่งดูสดใสขึ้น : “ถ้านายมาช้ากว่านี้ ฉันคิดว่าตัวเองคงต้องแพ้เดิมพันแล้วจริงๆ ถึงขั้นเตรียมตัวที่จะลงนรกไปพร้อมกับนายแล้วนะ”
เฉินตงรู้สึกตกตะลึง
เขามองดูกลุ่มคนที่ถืออาวุธยืนล้อมฉินเย่เอาไว้อยู่
ถ้ามาสายอีกหน่อยหนึ่ง อาจจะเป็นไปตามอย่างที่ฉินเย่พูดแล้วก็ได้
ทันใดนั้น เฉินตงก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที
การได้มีพี่น้องที่กล้ายืนหยัดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยไม่ห่วงเรื่องความเป็นความตาย ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ !
เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วหันหน้ากลับไปมองบนเวที
ใบหน้าที่คุ้นเคยค่อยๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ รู้สึกกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่กู้ชิงหยิ่งที่กำลังอยู่ในท่าทีตื่นตระหนก
เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน : “ยัยโง่ ผมกลับมาแล้ว !”
กู้ชิงหยิ่งตัวสั่นเทา ความตื่นกลัวที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอจางหายไปหมดสิ้น น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลรินออกมา
ชื่อเรียกเฉพาะแบบนี้ !
“เฉินตง” ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเรียกเฉพาะเพียงเพราะก้าวผ่านความเป็นความตายมา
ชื่อเรียกเฉพาะนี้ ยังคงอยู่
เพียงแต่คนที่เรียก เปลี่ยนคนเท่านั้น !
เช่นนั้นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ……
กู้ชิงหยิ่งค่อยๆ หันหน้าไปมอง “เฉินตง”
ในขณะเดียวกัน พวกของเฉินเต้าหลินเอง ก็ค่อยๆหันไปมองอย่างระมัดระวัง
“เฉินตง” กำลังยืนตัวสั่น เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “ฉันต่างห่างคือเฉินตง แก แกเป็นตัวปลอมที่มาจากไหนกันแน่ ?”
“เหอะ !”
เฉินตงหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “โจวสวน แกต้องกล้าขนาดไหนกัน ถึงได้ปลอมตัวเป็นฉัน ?”
น้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างรุนแรง
ต่างกับ “เฉินตง” ที่อยู่บนเวทีราวฟ้ากับดิน
บรรยากาศเงียบสงัด
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้อย่างชัดเจน
ทุกสายตาเป็นประกายและจ้องเขม็งไปที่ “เฉินตง” ที่ยืนอยู่บนเวที
“โอ้โห ความจำของนายนี่เยี่ยมจริงๆ ฉันบอกนายแค่ครั้งเดียว นายก็จำได้แล้ว !” ฉินเย่ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้ พี่น้องได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
และยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่ต้นนั้นถูกต้อง !
เขาเอาชีวิตเข้าแลกก็ถือว่าคุ้มค่า !
“อ้า !”
ตอนนี้เอง
จู่ๆ โจวสวนที่ยืนอยู่บนเวทีก็ส่งเสียงคำรามออกมา
ในเสี้ยววินาที เขาดึงกริชที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของเขาออกมาทันที แล้วพุ่งเข้าไปหาหลี่หลานซึ่งยืนอยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุด
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว
จากนั้นหลี่หลานก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
โจวสวนดึงหลี่หลานเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นจึงใช้มือซ้ายรัดคอของหลี่หลานเอาไว้ ส่วนมือขวาก็ถือกริชจี้ไปที่หน้าอกของหลี่หลาน
“ปล่อยเธอ !”
เฉินเต้าหลินหน้าถอดสี เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“คุณป้า !”
“แม่ !”
บนเวที กู้ชิงหยิ่งสีหน้าซีดเผือด เธอเกือบจะวิ่งเข้าไปในทันที แต่ถูกกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยารั้งเอาไว้
ส่วนด้านล่างเวที ท่าทีของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบกระโจนขึ้นบนเวทีในทันที
ในขณะเดียวกัน
พวกของคุนหลุน กูหลัง ท่านหลง รวมไปถึงบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่ง ต่างก็กระโจนขึ้นไปบนเวทีแทบจะพร้อมกัน
“ฮ่าๆๆๆ……หมดกัน ทุกอย่างหมดกัน ทำไมแกถึงไม่ตาย ? พวกเขาฆ่าแกตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ?”
โจวสวนตัวสั่น ดวงตาของเขาแดงก่ำและเอล้นไปด้วยน้ำตา ตอนนี้ เขารู้สึกหมดสิ้นทุกอย่างแล้วจริงๆ เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธราวกับคนเสียสติ : “แกสมควรตาย แกทำลายทุกอย่างของฉัน ถ้าฉันไม่ได้ตายดี แกก็อย่าหวังเลยว่าแกจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ถ้าต้องตาย ฉันก็จะลากคนไปตายกับฉันด้วย !”
ฉึบ !
กริชที่อยู่ในมือของเขาแทงเข้าไปที่หัวใจของหลี่หลานอย่างแรง โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เลือดสาดกระเซ็นออกมา !
“แม่……”
เฉินตงกระโดดขึ้นบนเวทีอย่างรวดเร็ว ด้วยความโกรธอย่างสุดขีด ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังถล่มลงมา…..