The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 264 เฉินตงที่สงบนิ่ง
ความโศกเศร้ายังคงวนเวียนอยู่
ทุกคนต่างร้องไห้ออกมา
เฉินตงกอดหลี่หลานเอาไว้ เขากัดฟัน แต่น้ำตายังคนไหลรินออกมาราวกับสายฝน
ความทรงจำย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา ราวกับมีดที่ค่อยๆ เขามาเชือดเฉือนความรู้สึกของเขา
“ฮ่าๆ……ตายแล้ว ในที่สุดก็ตายแล้ว ความรู้สึกที่ครอบครัวถูกเข่นฆ่าทำลาย แกรับรู้ได้อย่างชัดเจนรึยังล่ะ ?”
โจวสวนที่ถูกกดอยู่บนพื้นหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ตาย ฉันจะให้แกตาย !”
เฉินตงมีท่าทีราวกับคนเสียสติ เขาหันหน้ากลับไปด้วยดวงตาที่แดงก่ำในทันที ดูราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธจัด
จากนั้น
มีร่างร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของคุนหลุนและโจวสวน
“ส่งมาให้ฉัน !”
ฉินเย่ที่ใบหน้าเย็นชาแย่งกริชไปจากมือของคุนหลุน
จากนั้น เขาก็โน้มตัวลงมา
ฉึบ !
กริชปักลงไปบนเสื้อกั๊กของโจวสวน
เลือดสีแดงสาดกระเซ็นใส่ใบหน้าของฉินเย่ แต่ท่าทีของเขายังคงเย็นชา
น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังก้องไปทั่วเวที
เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าจับใจ
“แม่ของเขาทำอะไรผิดต่อแกกัน ? แกลงมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง ศพของแกควรจะถูกตัดออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น !”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น กริชที่อยู่ในมือของฉินเย่ ก็กระหน่ำแทงอยู่ในเสื้อกั๊กของโจวสวนอย่างบ้าคลั่ง
แต่กระทั่งในลำคอของฉินเย่ก็ส่งเสียง “โฮกๆ” ออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ ท่าทีของเขาราวกับคนเสียสติไปแล้ว
ภาพนี้ทำให้คุนหลุนตะลึงงัน
และทำให้คนอื่นๆ ต่างก็ยืนมองอย่างตกตะลึง
ความโหดเหี้ยมเช่นนี้ ราวกับปีศาจที่มาอยู่ในโลกมนุษย์ ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
ไม่มีใครคาดคิดว่า ฉินเย่จะชิงลงมือก่อนเฉินตง
“ฉินเย่ หยุดเดี๋ยวนี้ คุณรีบหยุดเดี๋ยวนี้ !”
ท่านหลงลืมความโศกเศร้าไปชั่วขณะ เขารีบวิ่งเข้าไปหาฉินเย่ด้วยความตกใจ จากนั้นจึงกอดฉินเย่ไว้จากทางด้านหลัง แล้วพยายามดึงให้เขาถอยหลังออกมาอย่างสุดกำลัง
แต่ฉินเย่กลับมาท่าทางราวกับสัตว์ร้ายที่เสียสติไปแล้ว เขาผลักท่านหลงล้มลง กริชที่อยู่ในมือของเขาก็ยังคงกระหน่ำแทงไม่หยุด
เสียงแหบพร่าของเขาดังออกมาจากในลำคออย่างต่อเนื่อง และเอาแต่เอ่ยถามซ้ำๆ ไม่หยุด : “ฆ่าแม่ของเขาทำไม ?”
“คุนหลุน ห้ามเขาเอาไว้ !”
ท่านหลงตะโกนด้วยความโกรธ
คุนหลุนตั้งสติได้ ก็รีบเตะฉินเย่ลอยกระเด็นออกไปทันที
แต่ฉินเย่กลับพลิกตัวแล้วยืนกลับขึ้นมา และพุ่งเข้าไปหาโจวสวนที่สิ้นใจไปนานแล้วอีกครั้ง
ทันใดนั้น มีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าฉินเย่
“เฉินตง หลีกไป !”
ดวงตาของฉินเย่แดงก่ำราวกับปีศาจ เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น : “มันฆ่าแม่ของนาย ควรถูกสับออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น !”
พึ่บ !
เฉินตงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาดึงฉินเย่เข้ามากอดเอาไว้
เขาพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น : “พอแล้ว น้องชาย”
“ยังไม่พอ นี่มันยังน้อยเกินไป มันฆ่าแม่ของนายนะ ! นายไม่มีแม่แล้ว……” ฉินเย่พยายามดิ้นรน แล้วตะโกนกู่ร้องเสียงดังออกมา
ตุ๊บ !
เฉินตงใช้ด้ามของกริชทุบเข้าที่ท้ายทอยของฉินเย่จนเขาสลบไป
“พอแล้ว……จริงๆ”
น้ำเสียงของเฉินตงเคร่งขรึมอย่างมาก
หลังจากที่เขายกฉินเย่ให้ท่านหลงดูแลต่อ เขาก็หันหลัง แล้วเดินกลับไปที่ร่างของแม่เขา
หลังจากอุ้มหลี่หลานขึ้นมาแล้ว เขาก็พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า : “แม่ครับ……ผมจะพาแม่กลับบ้านนะครับ”
จากนั้น
ขณะที่เพิ่งจะก้าวเท้าเดิน จู่ๆ ร่างกายของเฉินตงก็อ่อนแรง เขาเดินโซเซและล้มลงทันที
“เฉินตง !”
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก และรีบวิ่งกรูกันเข้าไปทันที
……
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
หลี่หลานถูกฝัง โดยมีเฉินเต้าหลินเป็นผู้ประกอบพิธี
ภายในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ทุกอย่างยังคงดูหดหู่
บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขก ทุกคนหันมองหน้ากัน ใบหน้าเต็มใบด้วยความกังวล
“อาทิตย์นี้เขาขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งอาทิตย์เลยหรือ ?”
ใบหน้าของเฉินเต้าหลินแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าและเศร้าโศก แต่ยังเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ตลอดหนึ่งสัปดาห์มานี้ ตั้งแต่งานมงคลอันยิ่งใหญ่จนถึงโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าบ้าน มีเรื่องมากมายที่เขาต้องรีบจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ถึงขั้นไม่มีเวลาแวะเข้ามาที่วิลล่าเลย แม้กระทั่งเวลาที่จะนอนพักก็ยังไม่มี
“หนึ่งสัปดาห์แล้วครับ มีแต่ตอนที่ฝังคุณผู้หญิงเท่านั้นที่เขายอมออกมา”
ใบหน้าของท่านหลงเต็มไปด้วยความกังวล : “อีกอย่างนายท่านครับ ท่านก็ได้เห็นอาการที่คุณชายแสดงออกมาในตอนนั้นแล้ว ดูสงบนิ่งจนน่าตกใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ พวกกู้ชิงหยิ่ง ฉินเย่ และคุนหลุน ต่างก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที
“ทั้งงานมงคลและโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ คงจะทำให้เฉินตงรู้สึกช็อกไม่น้อย” แววตาของกู้โก๋ฮั๋วลึกซึ้ง คิ้วของเขาขมวดแน่น
หลี่หวั่นชิงถอนหายใจออกมา แล้วหันมองกู้ชิงหยิ่ง : “เสี่ยวหยิ่ง สถานการณ์ของเฉินตงในตอนนี้ เขาต้องการลูก ลูกต้องช่วยชี้ทางสว่างให้เขาหน่อย”
กู้ชิงหยิ่งกล่าวด้วยใบหน้าที่โศกเศร้าและดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา : “หลายวันมานี้หนูก็คอยอยู่เป็นเพื่อนเขา และพยายามพูดชี้ทางสว่างให้เขา แต่ตอนนี้แม้กระทั่งหนูเขาก็ไม่ยอมพบหน้าแล้ว และไม่ยอมฟังในสิ่งที่หนูพูดอีกด้วย”
ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ กู้ชิงหยิ่งคอยอยู่ข้างกายเฉินตงไม่ห่าง
เพราะเขารู้สึกความสัมพันธ์ระหว่างแม่และเฉินตงดี ดังนั้นจึงกลัวว่าเฉินตงจะคิดสั้น
แต่หลังจากที่หลี่หลายตายไป และเฉินตงฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เขานิ่งสงบจนกู้ชิงหยิ่งรู้สึกกลัว
เขาไม่สนใจไยดีเธอแม่แต่น้อย ไม่แม้แต่จะพูดตอบกลับเธอมาสักประโยค
เฉินตงทำตัวราวกับกำลังขังตัวเองเอาไว้ในเปลือกหอย แล้วให้คนอื่นๆ อยู่เพียงแค่ด้านนอก
และหลังจากที่หลี่หลานถูกฝังเรียบร้อยแล้ว เฉินตงก็กลับมาด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ แล้วตรงกลับเข้าไปที่ห้องของเขาทันที หลังจากที่ผลักเธอออกมาจากห้องแล้ว เขาก็ล็อกประตูห้องจนสนิท
ความรู้สึกที่ไร้พลังเช่นนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งแทบจะทรุดตัวลง
“หากคุณชายยังคงเก็บกดอยู่อย่างนี้ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่นอน อาจถึงขั้นทำให้อารมณ์ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ท่านหลงถอนหายใจออกมา แล้วหันมองเฉินเต้าหลิน : “คุณท่าน คิดหาวิธีเถอะครับ !”
“ต้องโทษฉัน โทษฉันที่ดูแลพวกเขาสองแม่ลูกได้ไม่ดี”
เฉินเต้าหลินถอนหายใจออกมาด้วยความโศกเศร้า : “ฉันเป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลเฉินที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ใครจะไปคิดว่า แม้กระทั่งลูกเมียของตัวเอง ฉันยังปกป้องไม่ได้ ไร้น้ำยาจริงๆ”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกสิ้นหวัง
แต่ใครก็รู้ดีว่า
สภาพของเฉินตงในตอนนี้ ต้องได้รับการชี้ทางสว่างให้โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่นอน
อารมณ์ที่ได้รับการปลดปล่อยออกมา อาจจะทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่หลังจากได้ระบายอารมณ์ออกมาแล้ว ก็สามารถกลับไปเป็นปกติได้เหมือนเดิม
แต่อารมณ์ที่ถูกเก็บกดเอาไว้ อาจไม่เกิดความผิดปกติขึ้นในชั่วระยะเวลาอันสั้น แต่เมื่อไหร่ที่อารมณ์ถูกปลดปล่อยออกมา ก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นได้
และเฉินตง เป็นประเภทหลัง
“เฮ้อ……”
เสียงถอนหายใจดึงดูดความสนใจของทุกคน
ฉินเย่ค่อยๆ ลุกขึ้น เขาลูบใบหน้าของเขาแล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า : “ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล ก็คงต้องใช้ไม้แข็งแล้ว พวกคุณใกล้ชิดกับเขามากเกินไป จึงทนไม่ได้ที่ต้องใช้ไม้แข็ง เช่นนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
“ฉินเย่……”
กู้ชิงหยิ่งอยากจะรั้งฉินเย่เอาไว้ แต่กลับถูกเฉินเต้าหลินปรามด้วยสายตา
ฉินเย่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า แล้วเดินไปที่หน้าห้องของเฉินตงด้วยท่าทีไม่แยแส
“พี่ตง เปิดประตูหน่อย”
แต่เสียงภายในห้องกลับเงียบสงัด
เฉินตงไม่ตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย
ฉินเย่หรี่ตาลง
ปัง !
เขายกเท้าขึ้น แล้วเตะประตูห้องให้เปิดออกทันที
เสียงดังนั้น จนทำให้กู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ด้านล่างรู้สึกตกใจจนกระโดดตัวลอยขึ้นมา เธอรู้สึกเป็นห่วงจึงอยากเดินขึ้นไปดู
แต่เฉินเต้าหลินกลับคว้าข้อมือของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ : “เสี่ยวหยิ่ง อย่าเพิ่งรีบร้อน”
“แต่ว่า หนูกลัวว่า……” กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
ในฐานะที่เป็นภรรยาของเฉินตง จู่ๆ ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้เธอเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเฉินตงและเฉินเต้าหลิน
แต่ทว่า
ท่านหลงกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย : “ให้ฉินเย่ลองดูเถอะครับ เขากับคุณชายเป็นคนประเภทเดียวกัน”
ภายในห้อง
บรรยากาศมืดสนิท
ผ้าม่านผืนหน้าบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ จึงมีเพียงแค่แสงสีจางๆ ที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างผ้าม่านเข้ามาทั้งนั้น
กลิ่นของเหล้าและบุหรี่ตลบอบอวลอยู่ภายในห้อง จนรู้สึกแสบจมูก
บนพื้นมีขวดเหล้าและซองบุหรี่วางเกลื่อนกลาดอยู่
ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาเตะขวดเหล้ากระเด็นออกไปสองสามใบ แล้วก้าวเข้าไปในห้อง
เขามองเห็นเฉินตงกำลังนั่งตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้อยู่ข้างๆ เตียง กำลังกอดรูปถ่ายที่เก่าจนซีดใบหนึ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน
ฉินเย่ยิ้ม แล้วเดินเข้าไปหาเฉินตง
ฟึ่บ !
เขาจุดบุหรี่ขึ้นสองม้วน ม้วนหนึ่งใส่เข้าไปในปากของเฉินตง จากนั้นตนเองก็นั่งลงด้วยเช่นกัน
เขาหยิบเหล้าที่วางอยู่ข้างๆ เฉินตงขึ้นมาดู : “เหล้า XO ปี 12 ? นายนี่รสนิยมดีไม่เบาเลยนะ “
เฉินตงไม่พูดไม่จาและไม่เคลื่อนไหว
ฉินเย่พูดเองเออเองว่า : “เมื่อก่อนนายสูบบุหรี่ไม่เป็น แต่ตอนนี้กลับหัดสูบบุหรี่จนช่ำชองแล้วหรือ”
เฉินตงยังคงไม่พูดไม่จา และไม่เคลื่อนไหว
ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์สั้นๆ ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้าของเขาซูบผอมจนเผยให้เห็นกระดูก : “ช่างน่าหดหู่”
“ตอนนี้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในนรกใช่ไหม ?”
ฉินเย่พิงลงไปที่เตียง มือทั้งสองข้างของเขาวางพาดลงบนเตียง คาบบุหรี่เอาไว้ในปากแล้วพูดว่า : “จริงๆ แล้ว ฉันเองก็เคยเป็นแบบนายมาก่อน เคยตกลงไปอยู่ในขุมนรก แต่ฉันปีนออกมาแล้ว ฉันคิดว่านายจะเป็นคนประเภทเดียวกันกับฉันเสียอีก แต่สุดท้ายก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี นายไม่สามารถปีนออกมาจากขุมนรกได้”
ห้องที่เงียบสงัด
มีควันของบุหรี่สองมวลลอยโขมงอยู่
เสียงที่ฟังดูเคร่งขรึมและอ้างว้างค่อยๆ ดังขึ้น
“ดังนั้น นายก็เลยช่วยฉันฆ่ามันใช่ไหม ?”