The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 278 ฆ่าตัวตาย
คฤหาสน์สู่ซาน
แสงไฟสว่างไสวงดงาม
ในฐานะที่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ จึงสามารถจัดแสดงนิทรรศการศิลปะชั้นนำของซีสู่ได้ทั้งหมด
ถึงแม้จะเป็นแสงสว่างในตอนกลางคืน ก็ยังคงงดงามชวนฝัน
ที่หน้าระเบียง
เฉินตง ฉินเย่ และคุนหลุน นั่งล้อมวงอยู่ที่โต๊ะกลมตัวเล็กๆ พวกเขานั่งรับสายลมยามค่ำคืนพร้อมกับมองดูทิวทัศน์และบรรยากาศในช่วงค่ำของคฤหาสน์
“สายลมวันนี้ช่างพัดเย็นจริงๆ”
จู่ๆ ฉินเย่ก็พูดติดตลกออกมา ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบตรงระเบียง
“คุณแน่ใจหรือว่าพวกเขาจะมา ?” คุนหลุนถาม
ฉินเย่หันไปมองเฉินตง แล้วยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร
จะมาไหม ?
อันที่จริงแล้วเฉินตงเองก็ไม่แน่ใจ เขาเองก็กำลังรออยู่
แต่เห็นได้ชัดว่า เงื่อนไขที่เขาเสนอให้นั้น ถือว่า “ชัดเจน” อย่างยิ่งแล้ว
ข้อแรกคือให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินถือดาบมาขอโทษด้วยตัวเอง กับข้อที่สองชีวิตของตระกูลฉินทั้งตระกูล
คำถามที่ต้องเลือกคำตอบเช่นนี้ ชายชราที่เชื่องช้าอย่างเขา จะไม่รู้หรือว่าควรจะเลือกข้อไหน ?
ถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์ให้พันธมิตรหันมาต่อสู้กันเอง เขาคงไม่เหลือทางเลือกให้กับตระกูลฉินเช่นนี้
แม่คือทุกอย่างของเขา เป็นเหมือนต่อมโมโหของเขา
ต่อมโมโหของมังกร ใครกล้าแตะต้องผู้นั้นต้องตาย !
เขายังอุตส่าห์เมตตาหลงเหลือทางรอดให้แก่ตระกูลฉิน !
ในสมองของเขาปรากฏภาพของแม่ซ้ำไปซ้ำมา
ท่าทางของเฉินตงค่อยๆ ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
ไฟแค้นปะทุขึ้นมาในแววตาของเขา
ฉินเย่และคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างรับรู้ได้ถึงความอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง
ทั้งสองหันมองหน้ากัน คุนหลุนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “ฉินเย่ อย่างไรเสียเขาก็เป็นปู่ของคุณ คุณไม่รู้สึกเสียใจบ้างเลยหรือ ?”
“เชอะ……”
ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างดูถูก “ตอนที่แม่ของฉันและน้องชายของฉันต้องตายอย่างน่าอนาถ ตระกูลฉินของพวกเขาไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากตอนนั้นฉันไม่ฆ่าพ่อที่สมควรตายของฉัน เขาก็คงเสวยสุขอยู่ในตระกูลฉินต่อไป ตระกูลฉินที่กินเลือดกินเนื้อคนเช่นนี้ สมควรที่จะได้รับความเห็นใจจากฉันด้วยหรือ ?”
มีความโกรธแค้นแฝงอยู่ในคำพูดที่เอ่ยออกมา
การที่ต้องเห็นแม่ตายอย่างน่าอนาถต่อหน้าต่อตา วัยเด็กที่มืดมนเช่นนี้ คงไม่ต่างกับสิ่งที่เฉินตงเพิ่งจะประสบมามากนัก
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
จากนั้น เสียงของเฉินทงก็ดังเข้ามาจากด้านนอกห้อง
“คุณชายครับ เจ้าบ้านตระกูลฉินและลูกชายคนโตฉินเห้อเหนียนมาขอเข้าพบครับ”
เลือกได้แล้วหรือ ?
เฉินตงดูนาฬิกา เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว
เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก
คุนหลุนกับฉินเย่ลุกขึ้นแล้วเดินตามไป
สายลมยามค่ำคืนพัดเย็น
ถึงแม้ห้องรับแขกจะไม่ใหญ่มาก แต่แสงไฟก็สว่างไสว
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างภายในห้องโถง ล้วนได้รับการออกแบบและจัดวางอย่างพิถีพิถัน เป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินถือดาบยาวเดินเข้ามาอย่างโดดเดี่ยว เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
เส้นผมของเขาขาวโพลน ใบหน้าของเขาบูดบึ้งดูราวกับคนที่กำลังใกล้จะตาย
หลังจากที่ความหวังทุกอย่างพังทลายลง แผ่นหลังที่เคยยืดตรงอย่างสง่างามของเขา ก็ไม่อาจยืดตรงได้อีกต่อไป
ฉินเห้อเหนียนยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
การเปลี่ยนแปลงในแววตา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้ส่วนลึกในใจของเขาอาจสงบลงได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่เต็มใจ โกรธ สิ้นหวัง ไร้ที่พึ่ง ความรู้สึกทุกอย่างประเดประดังเข้ามา แต่กลับทำได้เพียงต้องข่มความรู้สึกเอาไว้
“เห้อเหนียน”
จู่ๆ คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็ส่งเสียงแหบพร่าออกมา
“พ่อครับ ผมอยู่นี่” ฉินเห้อเหนียนรีบตอบรับ
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเลิกคิ้วแล้วพูดว่า : “อีกเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แกคอยดูอยู่เฉยๆ ก็พอ ห้ามเข้าไปยุ่งเด็ดขาด”
“พ่อครับ……” ฉินเห้อเหนียนรู้สึกร้อนใจมาก “หรือว่าพวกเราจะยอมสู้ให้ถึงที่สุดครับ ?”
“เหอะ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เขาจำได้ดีว่าเสียงของผู้ชายที่ดังขึ้นในโทรศัพท์ของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั้นคือเสียงของใคร
เฉินเต้าหลิน !
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว
เฉินตงมาที่นี่โดยมีตระกูลเฉินคอยหนุนหลัง คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินถูกเฉินเต้าหลินเชิญให้เข้าไปสวดมนต์อยู่ในห้องพระ พ่อลูกร่วมมือกัน แล้วตระกูลฉินจะมีโอกาสอะไรได้อีก ?
ทันใดนั้น
เสียงที่เย็นชาก็ดังเข้ามาจากด้านนอกห้องรับแขก
“หากตระกูลฉินคิดจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดจริง ฉันจะขอเป็นคนร่วมต่อสู้ไปจนสุดทางเอง”
น้ำเสียงเย็นชาและทรงพลัง
ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียน หันไปมองด้วยความตกตะลึงพร้อมกัน
เฉินตงค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องรับแขก
ก้าวเดินอย่างสบายใจ ไม่รีบร้อน แต่บนใบหน้าที่สงบกลับเผยให้เห็นถึงความอำมหิตและเย็นชา
ทุกท่วงท่าของเขาทำให้คนรู้สึกตกตะลึง
แม้กระทั่งคุนหลุนและฉินเย่ที่เดินตามมาทางด้านหลัง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
ทั้งสองหันมองหน้ากัน ต่างก็เห็นความหวาดกลัวในแววตาของกันและกัน
เฉินตง……เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ !
“คุณชายเฉิน”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินรีบลุกขึ้น เขายิ้มออกมาอย่างโดดเดี่ยว แล้วหันไปคารวะเฉินตง
เฉินตงนั่งลงตรงที่นั่งหลักโดยไม่ได้สนใจ เขาเลิกคิ้วแล้วหันไปมองคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียน
ในที่สุด แววตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ดาบเล่มยาวที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกอดเอาไว้อยู่
จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า : “ในเมื่อนำดาบมาแล้ว ก็ฆ่าตัวตายเองเถอะ”
คำพูดที่ตรงไปตรงมา ทำให้บรรยากาศภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง
คำพูดที่ตรงไปตรงมา จนไม่เหลือที่ว่างให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบเลย
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกตะลึงไปพร้อมๆ กัน
ถึงแม้จะคาดการมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
ถึงแม้เขาจะยอมปล่อยวางทุกอย่างแล้ว แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงเจ้าบ้านผู้สูงส่งของตระกูลฉินเชียวนะ !
“คุณชายเฉิน……”
ฉินเห้อเหนียนรู้สึกไม่เต็มใจ เขาพยายามเอ่ยปากวิงวอน
แต่เฉินตงกลับเหลือบไปมองด้วยสายตาอำมหิต ทำให้ฉินเห้อเหนียนรู้สึกกลัวจนขนหัวลุกในทันที คำพูดที่อยากจะพูดออกมาเหมือนติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถพูดออกมาได้
เผียะ !
เสียงตบหน้าดังก้องกังวาน
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตบหน้าฉินเห้อเหนียนจนเขาเดินโซเซถอยหลังไป พลางพูดออกมาด้วยความโกรธว่า : “เจ้าโง่ แกมีสิทธิ์พูดที่นี่หรือยังไง ?”
จากนั้น
เขาก็หันหลังกลับไปอย่างเดียวดาย ในขณะที่จ้องมองเฉินตง ใบหน้าอันหงอยเหงาและแก่ชราของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ดูถูกเยาะเย้ยออกมา
“คุณชายเฉินผู้มีเกียรติ เห้อเหนียนอายุยังน้อย ไม่รู้ประสีประสา ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
หลังจากได้ยิน แววตาของเฉินตงก็เย็นชาขึ้นทันที
“พรวด !”
ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา : “ไอ้แก่ แกใช้ฐานะมาจัดลำดับความอาวุโส กดขี่ทายาทนอกสมรสให้อยู่ต่ำลงไปขั้นหนึ่ง พ่อของฉันแก่กว่าไอ้หมอนี่สักหน่อย แต่ฉันกลับต้องเรียกมันว่าลุง นี่หรือที่แกบอกฉันว่าเขาเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา ?”
“ฉินเย่ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินโกรธจนหน้าแดง เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “ถือว่าตระกูลฉินของเราเมตตากับแกมาก เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ถ้าฉันไม่หลงเหลือความเมตตาให้แกแล้วล่ะก็ หากเรื่องเกิดขึ้นในตระกูลอื่น แกคงต้องตายสถานเดียว !”
“เลิกพูดถึงคุณธรรมจอมปลอมนั่นเสียที !”
ฉินเย่โต้กลับอย่างรุนแรง : “ถ้าฉันไม่มีเงินหมื่นล้าน ที่สามารถใช้ค้ำจุนฐานะของตระกูลฉินอยู่ในมือแล้วล่ะก็ ฉันจะมีชีวิตรอดอยู่อย่างนี้หรือ ?”
“แก……” ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป
ก๊อกๆ !
เฉินตงเคาะโต๊ะเบาๆ
“เจ้าบ้านตระกูลฉิน คุณมาเพื่อชดใช้หนี้ให้ผม หรือมาเพื่อพูดคุยกับผมกันแน่ ?”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตัวสั่นเทา เขาโค้งคำนับแล้วพูดว่า : “มาชดใช้หนี้อย่างแน่นอน !”
“หากจะชดใช้หนี้ก็เร็วเข้า หากยังมีอะไรจะพูดคุยอีกล่ะก็ รอให้ลงไปเมื่อไหร่ จงไปตามหาแม่ของฉันที่ปรโลก แล้วตั้งใจคุกเข่าขอโทษเธอสักครั้ง !”
เฉินตงลุกขึ้น ตอนนี้ เจตนาฆ่าของเขารุนแรงราวกับคลื่นลูกใหญ่ ที่กำลังซัดสาดเข้าไปหาคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน
ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “หน้าที่ของฉันก็คือ ส่งแกลงไปพบแม่ของฉัน !”
“รับทราบ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินมีท่าทีแน่วแน่ เขาโบกมือทั้งสองข้าง
ฉึบ !
เขาชักดาบเล่มยาวออกจากฝัก ส่องแสงสะท้อนวิบวับ
“พ่อครับ……”
ฉินเห้อเหนียนยกมือขึ้นมาปิดหน้าครึ่งหนึ่งแล้วร้องไห้ออกมา
“หุบปากเดี๋ยวนี้ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตะโกนดุออกมาอย่างรุนแรง
เขารู้ดีว่า เหตุการณ์ในคืนนี้นากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว
พ่อลูกตระกูลเฉินร่วมมือกัน ตั้งใจจะให้เขาตาย หากเขาไม่ตาย คนที่ต้องตายคือตระกูลฉินทั้งตระกูล !
ขณะที่ดาบเชือดลงไปบนคอ คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
หากรู้ว่าวันนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลือกที่จะยอมแพ้ เขาคงไม่มีทางร่วมมือเพื่อจัดการกับเฉินตงตั้งแต่แรกแน่นอน
แต่ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว !
“คุณชายเฉิน นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมชดใช้ให้แก่คุณ หนึ่งชีวิตชดใช้ให้กับหนึ่งชีวิต !”
แต่ทว่า
ขณะที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกำลังจะฆ่าตัวตายนั้น
ก็มีมือใหญ่มือหนึ่งยื่นเข้าไปจับดาบเอาไว้
จากนั้น น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาและเต็มไปด้วยความดูถูกก็ดังก้องขึ้นในหูของเขา
“หนึ่งชีวิตชดใช้หนึ่งชีวิต ? ชีวิตน่าอนาถของแกชีวิตนี้ จะเทียบกับชีวิตที่มีฆ่าดั่งทองคำของแม่ฉันได้อย่างไร ?”