The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 300 ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
โรงแรมคาร์ลตัน
โรงแรมระดับสี่ดาวแห่งหนึ่ง
ถึงแม้บรรยากาศโดยรอบ การตกแต่ง และการบริการต่างๆ ล้วนไร้ที่ติ แต่เมื่อเทียบกับโรงแรมระดับห้าดาวอย่างโรงแรมไท่ซาน อย่างไรเสียก็ยังขาดไปหนึ่งดาวอยู่ดี
ต่างกันเพียงหนึ่งดาว ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดินแล้ว !
เฉินตงคิดไม่ถึงเลยว่า คนคนนั้นจะยอมเข้าพักโรงแรมเช่นนี้ได้
หลังจากจอดรถเสร็จ เฉินตงก็ค่อยๆ เดินเข้าโรงแรมด้วยท่าทีเคร่งขรึม
เขาไม่รู้ว่าทำไมคนคนนั้นถึงมาในเวลานี้ แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่มาพบหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ก็เป็นการทำเพื่อมารดาผู้ล่วงลับ
ติ๊งต่อง !
ประตูลิฟต์เปิดออก
เฉินตงเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วเดินไปตามทางเดิน จนพบเข้ากับห้องชุดหมายเลข99999
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เพียงครู่เดียว ประตูก็เปิดออก
คนที่เปิดประตูก็คือหลี่เต๋อซาน หลังจากที่พบกันที่เมืองหลวงเมื่อคราวก่อน ดูเหมือนว่าตอนนี้หลี่เต๋อซานจะซีดเซียวลงไปไม่น้อย ดูมีความเฉียบแหลมน้อยลงจากวันที่พบกับเฉินตงวันนั้นมาก
“มาแล้วหรือ ?”
หลี่เต๋อซานหลีกทางให้ด้วยท่าทีเรียบเฉย : “เชิญเข้ามาข้างใน”
เฉินตงเดินเข้าไปในห้อง มีกลิ่นไม้จันทน์ลอยเตะจมูก
มีเสียงสวดมนต์ดังก้องกังวานไปทั่วห้อง
ในห้องรับแขก มีคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ซึ่งสวมใส่เสื้อคลุมสีเทานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ในมือถือลูกประคำ แล้วปิดตาพึมพำอยู่
“คุณเริ่มเชื่อในพระพุทธศาสนาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
เฉินตงหลุดขำออกมา รู้สึกว่าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องน่าขำ
ตระกูลหลี่ที่เห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง กล้ากินเลือดกินเนื้อคน
แต่คุณท่านใหญ่ของตระกูลหลี่ผู้ซึ่งกุมอำนาจอยู่ กลับเชื่อในพระพุทธศาสนา ?
คุณว่ามันน่าขำไหมล่ะ ?
“เงียบก่อน รอให้เจ้าบ้านสวดมนต์เสร็จ แล้วจะมาพูดกับนายเอง”
หลี่เต๋อซานพูดด้วยนำเสียงเคร่งขรึม หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเมืองหลวง พ่อที่เคร่งครัดและจริงจังของเขา ก็ดูจะมีความเมตตาขึ้นมาก
และในขณะเดียวกัน ก็มีการสวดมนต์เพิ่มเข้ามาเป็นกิจวัตรประจำวัน
ตอนนี้ ในขณะที่คุณท่านใหญ่สวดมนต์ ห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวน ได้กลายเป็นกฎเกณฑ์ของตระกูลหลี่ไปเสียแล้ว
“อ่อ ถ้าเช่นนั้นผมคงไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
เฉินตงหันหลังและเตรียมจะเดินจากไป
“นาย……” หลี่เต๋อซานทำสีหน้าบึ้งตึงด้วยความโมโห
“เดี๋ยวก่อน !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ซึ่งกำลังปิดตาสวดมนต์อยู่ ได้ลืมตาขึ้นมา แล้วตะโกนเรียก : “อย่างไรเสียฉันก็เป็นปู่ของนาย หรือแม้กระทั่งความอดทนในการรอคอยเช่นนี้ นายก็ไม่มีเลยหรืออย่างไร ?”
“ความอดทนผมมีให้เฉพาะคนที่ผมรู้สึกว่าสมควรจะได้รับ ซึ่งคุณไม่ใช่หนึ่งในนั้น”
ท่าทีของเฉินตงเย็นชา เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอดกับแม่มานานกว่ายี่สิบปี ความชั่วร้ายต่างๆ นานาที่ตระกูลหลี่ทำไว้กับแม่ รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่วันนั้น
ชาตินี้เขาไม่มีวันลืมได้ลง !
เขาไม่ใช่คนลังเล เขาถือคติที่ว่า หากคุณให้สิ่งมีค่ากับฉันมา ฉันก็จะตอบแทนสิ่งมีค่าให้กับคุณ
ความอดทนที่มากที่สุดที่เขาจะมอบให้ตระกูลหลี่ได้ก็คือ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องข้องเกี่ยวกัน
แต่ถ้าหากคิดที่จะเข้ามาใกล้ชิดเพราะเหตุผลของความสัมพันธ์ทางสายเลือด เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน !
“เฮ้อ……”
คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ถอนหายใจออกมา เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและปิดเสียงบทสวดมนต์ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฉินตง พลางนับลูกประคำไปด้วย : “ครั้งนี้ที่มา ก็มาเพื่อแม่ของนาย”
เฉินตงเหลือบไปมองคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ในตอนนี้ ทำให้คนที่พบเห็นเกิดความรู้สึกหดหู่ ร่างกายของเขาดูซีดเซียวลงไปมาก ถึงขั้นที่ทำให้ใบหน้าของเขา ดูไม่น่าเกรงขามอย่างเช่นแต่ก่อนอีกต่อไป
จะว่าไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นไม่เมืองหลวง ก็คงส่งผลกระทบต่อเขาไม่น้อย !
ในใจของเฉินตงคิดถึงคำพูดของแม่สองคำ ในที่สุดจึงสงบสติอารมณ์ลง และนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ
ภาพนี้ทำให้หลี่ต๋อซานรู้สึกตกใจ และโมโหมากยิ่งขึ้น
คนที่ดื้อรั้นและอกตัญญูเช่นนี้ ทำไมพ่อถึงตัดเขาไม่ลงเสียที ?
ผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ถึงสองคน แต่เขากลับนั่งลงก่อน ช่างไร้มารยาทสิ้นดี !
“เต๋อซาน ชงชามา”
คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ไม่ได้ถือสา เขานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ เฉินตง
“พ่อครับ……” หลี่เต๋อซานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แต่หลังจากที่คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่เหลือบไปมอง แล้วพูดว่า “อืม” เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาชงชาทันที
“พูดมาสิ มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับแม่ของผม”
เฉินตงพูดขึ้นอย่างสงบ เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
ถึงแม้แม่จะล่วงลับไปแล้ว แต่เรื่องที่เกี่ยวกับแม่ ในฐานะที่เขาเป็นลูก จะไม่สนใจก็คงไม่ได้
คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ไม่ได้รีบร้อน ใบหน้าที่แก่ชราของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ก็ยังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่หลี่เต๋อซานวางน้ำชาลงบนโต๊ะแล้ว เขาก็ค่อยๆ พูดขึ้นว่า : “แม่ของนายจากไปแล้ว แต่อย่างไรเสียแม่ของนายก็เป็นคนของตระกูลหลี่……”
“เธอไม่ใช่คนตระกูลหลี่ของคุณตั้งนานแล้ว”
เส้นเลือดบริเวณหางตาของเฉินตงปูดโปนขึ้นมา ในจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น : “แม่ของผมเป็นคนของตระกูลเฉิน”
“เหอะๆ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่หัวเราะออกมาอย่างไม่แยแส เขานับลูกประคำไปพลาง พูดไปพลาง : “แต่อย่างไรเสีย เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของแม่นายก็คือเลือดของฉัน เธอยังคงใช้แซ่หลี่อยู่”
“แล้วยังไง ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่จางหายไป กลายเป็นความเงียบเหงาและเศร้าหมองเข้ามาแทนที่
“อันที่จริงแล้ว ฉันน่าจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่แม่ของนายถูกฝัง แต่ตอนนั้นนายกับพ่อมีสภาพจิตใจและอารมณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ฉันจึงได้แต่อดกลั้นเอาไว้”
คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่มองเฉินตงด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง : “แม่ของนายเป็นคนของตระกูลหลี่ เกิดมาก็เป็นคนของตระกูลหลี่ ตายไปก็เป็นวิญญาณของตระกูลหลี่ สิ่งที่เคยทำกับเธอทั้งหมดในตอนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของฉันเอง แต่ตอนนี้เธอได้ตายจากไปแล้ว เพื่อชดเชยความผิดพลาดตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาของฉัน ฉันอยากให้นำแม่ของนายมาไว้ในศาลบรรพชนของตระกูลหลี่ เพื่อรับการสักการะจากตระกูลหลี่ ซึ่งสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน”
ที่มาไกลถึงที่นี่ ก็เพื่อที่จะมาพูดเรื่องนี้ ?
เฉินตงมองดูคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ด้วยท่าทีที่สงบ และไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นเช่นนี้ แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลี่เต๋อซานอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา : “เฉินตง ถ้านายไม่รู้ว่าการที่จะเข้ามาอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ได้นั้น เป็นเรื่องยากขนาดไหนแล้วล่ะก็ ฉัน ในฐานะที่เป็นลุง ก็อยากจะขอพูดให้นายได้ฟังสักหน่อย”
เฉินตงแสยะยิ้มออกมา แล้วหันไปมองหลี่เต๋อซานด้วยรอยยิ้ม
หลี่เต๋อซานแสดงความภูมิใจออกมาเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่สั่งสมมาหลายปี ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในฐานะตระกูลที่มั่งคั่ง
ต่อให้ตอนนี้ตระกูลหลี่จะประสบกับวิกฤติ แต่ก็ไม่อาจลบล้างความภาคภูมิใจนี้ออกไปได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
“ศาลบรรพชนตระกูลหลี่ มีไว้เพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษของตระกูลหลี่ที่เกิดมาถูกต้องตามจารีตเท่านั้น หากเป็นลูกนอกสมรส ต่อให้จะสร้างผลงานยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่อาจเข้ามาอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ได้”
“หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ คนที่มีสิทธิ์เข้ามาอยู่ในศาลบรรพชน และได้รับการสักการะจากตระกูลหลี่นั้น สำหรับคนในตระกูลหลี่แล้ว ถือเป็นเกียรติอันสูงสุด และถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังความตายอีกด้วย”
“อย่าว่าแต่แม่ของเธอเลย แม้แต่ฉัน หากท้ายที่สุดไม่สามารถขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งของเจ้าบ้านได้ หรือไม่อาจสร้างคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้กับตระกูลหลี่ได้ ต่อจากนี้อีกร้อยปี ก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ได้”
พูดถึงตรงนี้ หลี่เต๋อซานก็เชิดหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
คำพูดและท่าทางของเขา แสดงออกถึงความภาคภูมิใจอย่างชัดเจน
เขาหันมองเฉินตงด้วยแววตาที่เป็นประกาย : “ดังนั้น เธอคงรู้แล้วสินะว่า ที่เจ้าบ้านตัดสินใจทำเพื่อแม่ของเธอขนาดนี้ ถือเป็นการให้เกียรติแม่ของเธอแค่ไหน ?”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยการพรรณนาของหลี่เต๋อซาน ทำให้คุณท่านใหญ่หลี่เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมา
แต่ทว่า
ทันทีที่พูดจบ
เฉินตงกลับหัวเราะออกมาทันที
เขาแสดงท่าทีเยาะเย้ยออกมาโดยไม่แยแส
ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่และหลี่เต๋อซานผงะไปพร้อมกัน
“ช่างเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่จริงๆ !”
เฉินตงยักไหล่ จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วโบกมือ : “เกียรติยศสูงสุดสำหรับคนตระกูลหลี่อย่างพวกคุณ ก็ควรจะเก็บเอาไว้ให้พวกคุณใช้กันเอง ผมจะกล้าให้แม่ผู้ล่วงลับของผม ซึ่งทำลายแสงสว่างของตระกูลหลี่ เข้าไปอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ของพวกคุณได้อย่างไร ?”
การดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง ทั้งคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่และหลี่เต๋อซานต่างฟังออกอย่างชัดเจน
แต่การดูถูกนี้ กลับทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสับสนในเวลาเดียวกัน
ยอมทำถึงขนาดนี้แล้ว เฉินตงยังไม่พอใจอีกหรือ ?
คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ตั้งสติกลับมาได้ก่อน เขาเรียกเฉินตงที่กำลังจะเดินจากไปเอาไว้ : “ตงเอ๋อ นี่คือการรำลึกถึงและการให้เกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ปู่จะสามารถมอบให้กับแม่ของหลานได้แล้ว !”
“เก็บการให้เกียรติกับการรำลึกถึงของคุณเอาไว้เถอะ !”
เฉินตงลูบจมูก แล้วหลุดขำออกมา : “ศาลบรรพชนตระกูลหลี่ของคุณ ไม่คู่ควรกับแม่ผู้ล่วงลับของผม ตอนนี้แม่ของผมถูกฝังเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น สักวัน ผมจะพาเธอเข้าไปอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลเฉินให้ได้ เพื่อรับการสักการะชั่วลูกชั่วหลาน ! นั่นถึงจะเป็นเกียรติที่แม่ของผมสมควรจะได้รับ !”
“เมื่อนำตระกูลหลี่ของคุณมาเทียบกับตระกูลเฉิน พวกคุณมีค่าแค่ไหนกัน ?”
คำพูดดูถูกเหยียดหยามตระกูลหลี่ที่ดังก้องกังวานและทรงพลัง ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้คนรู้สึกตื่นตะลึงได้
เป็นเหมือนกับคำสาบาน !