The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 302 ข่าวดี ข่าวร้าย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เฉินตงกับฉินเย่พบกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณชั้นล่างของบริษัทไท่ติ่ง
“ อยากฟังข่าวดีก่อน หรือข่าวร้ายก่อน? ” ฉินเย่จิบกาแฟพลางยกยิ้มประหลาด
“ข่าวร้ายก่อนละกัน”
เฉินตงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ฉินเย่เลิกคิ้ว: “โอ๊ะโอ! ฉันยังนึกว่านายจะอยากฟังข่าวดีก่อนซะอีก”
“ร้ายก่อนแล้วค่อยดีถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ ถ้าดีก่อนแล้วค่อยร้าย นั่นจะกลายเป็นเรื่องน่าผิดหวังซะมากกว่า” เฉินตงยิ้มน้อยๆ
“เอางั้นก็ได้ ”
ฉินเย่ถูมือ แล้วยกกาแฟขึ้นมาจิบอีก
เห็นได้ว่าเขาเร่งรีบเดินทางมาที่นี่อย่างมาก ที่หน้าผากยังมีเหงื่อเกาะพราวจนเต็ม น่าจะเป็นเพราะทันทีที่ลงจากเครื่องบินก็ตรงมาที่นี่เลย
หลังจากวางถ้วยกาแฟลง
ฉินเย่ยิ้มเล็กน้อย: “ข่าวร้ายก็คือ เฉินหยู่เฟยไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงจริง ๆ หรอก หลังจากที่เธอกลับไปตระกูลเฉิน ด้วยการสนับสนุนจากตระกูล เธอเลยได้เปิดบริษัทบันเทิงในเมืองหลวงขึ้นมาบริษัทหนึ่ง เปลี่ยนไปอยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริง ”
พูดพลาง ฉินเย่ก็กะพริบตาวิ้ง ๆ พลางพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ว่า “นอกจากนี้ ฉันกับฉู่เจียนเจียก็วิเคราะห์กันว่า ที่เฉินหยู่เฟยทำแบบนี้ เป็นไปได้ว่าเธอทำเพื่อบริษัทบันเทิงที่นายร่วมหุ้นกันกับตระกูลจางและตระกูลฉู่นั้นแน่ๆ เลย”
“ในสงครามคอมเม้นท์บนโลกโซเชียลเมื่อครั้งก่อน เธอล้มเหลวแบบพังไม่เป็นท่าไปในตอนสุดท้าย แถมความช่วยเหลือสำคัญ คือผลงานที่เป็นการแนะนำแบบลับ ๆ ของตระกูลจางกับตระกูลฉู่ซะด้วย เธออาจจะอยากสะสางบัญชีแค้นนี้ก็ได้ล่ะนะ”
ยังไม่ยอมแพ้อีก?
เฉินตงขมวดคิ้ว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สงครามคอมเม้นท์บนโลกโซเชียลคราวนั้น ได้บีบคอจนความเป็นไปได้ที่จะอยู่รอดต่อไปในวงการบันเทิงของเฉินหยู่เฟย ต้องปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ลากเอาตระกูลเฉินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างเขากับเฉินหยู่เฟยอีกต่อไป แต่กลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันไปถึงทั้งตระกูลแล้ว
การออกจากวงการบันเทิงอย่างถาวร จึงเป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องไม่ให้คำวิจารณ์บนโซเชียลแพร่กระจายไปถึงตระกูลเฉินทั้งตระกูลได้
แต่ทั้ง ๆ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแท้ ๆ เฉินหยู่เฟยก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฉิน ให้เริ่มเปิดบริษัทบันเทิงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเรื่องไม่คาดฝันสำหรับเฉินตงอย่างมาก
ผู้หญิงที่ร้ายกาจไม่ต่างจากอสรพิษคนนี้ ช่างเป็นอัญมณีอันแสนมีค่าในฝ่ามือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินซะจริงเชียว !
“เพราะงั้น ผู้หญิงถึงเป็นอะไรที่ยุ่งยากใช่มั้ยล่ะ?” เมื่อเห็นเฉินตงขมวดคิ้วมุ่น ฉินเย่ก็ยกยิ้มพลางพูดติดตลก
เฉินตงเลิกคิ้ว แสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “นายหมายถึงจางหยู่หลันงั้นเหรอ?”
“แม่งเอ๊ย..…” รอยยิ้มของฉินเย่หายวับไปทันที ไม่ลืมยกนิ้วกลางให้เฉินตงไปหนึ่งดอก
เฉินตงยิ้มสัพยอกแล้วถามต่อว่า: “แล้วข่าวดีล่ะ?”
เฉินหยู่เฟยไม่ยอมแพ้ ทั้งยังคิดจะหวนคืนวงการอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้สนใจกับมันมากนัก
สูญเสียที่ยืนในวงการบันเทิง ภายใต้ความคิดเห็นของผู้คนที่กำลังดุเดือด ณ ขณะนั้น ยังทำการเผยแพร่วิดีโอขอโทษต่อสาธารณชนออกไปด้วย
สิ่งนี้นับเป็นการฆ่าบรรดาแฟนคลับ ที่เธอเฝ้าสะสมมาทิ้งไปจนหมดในคราวเดียวอย่างแท้จริง
แม้ว่าเธอจะได้อยู่ในวงการบันเทิงต่อ แต่ถ้าคิดจะสร้างคลื่นลูกมหึมาแบบครั้งก่อนขึ้นมาอีก ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ คือการชี้ปลายดาบไปที่บริษัทบันเทิงของฉู่เจียนเจีย แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่เขาเตือนให้ตระกูลจาง ไปเข้าร่วมบริษัทบันเทิงกับตระกูลฉู่ไว้ล่วงหน้าแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงหลัก ๆ สองแห่ง ผนึกขุมกำลังทั้งอำนาจเก่าและอำนาจใหม่เข้าไว้ด้วยกัน เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเฉินหยู่เฟยจะพลิกแผ่นฟ้าผืนนี้ยังไง?
ถ้าหากว่าตระกูลจางยังคงอยู่โดดเดี่ยวลำพังล่ะก็ เมื่อเฉินหยู่เฟยไปเข้าร่วมกับตระกูลจาง เฉินตงก็คงมีนึกหวั่น ๆ อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ต่างก็เป็นคนตระกูลเฉินแล้วทั้งนั้น ใครจะเป็นฝ่ายรังแกใคร มันก็ไม่แน่แล้วทีนี้
ฉินเย่ปัด ๆ มือ แล้วพูดอย่างมีนัย: “เป็นเรื่องแม่ของนายที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่!”
“ตระกูลหลี่?”
เฉินตงขมวดคิ้วจนพันกันเป็นปม
ก่อนหน้านี้เพิ่งได้เจอสองพ่อลูกตระกูลหลี่ไม่ทันไร ตอนนี้ฉินเย่ก็มาพูดถึงตระกูลหลี่ตามหลังมาติด ๆ อีก
เรื่องพวกนี้ มันมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันอะไรต่อกันรึเปล่านะ?
“ใช่ ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง!”
ในดวงตาของฉินเย่ทอประกายวิบวับ พูดด้วยท่าทีตื่นเต้น: “ไม่ใช่ว่านายเกลียดตระกูลหลี่หรอกเหรอ ? ตอนนี้ผลกรรมของตระกูลหลี่กำลังมาถึงแล้วนะ ครั้งก่อนที่นายกับพ่อพยายามจะช่วยแม่ของนาย เลยไปทะเลาะเอะอะกับตระกูลหลี่ซะจนวุ่นวาย ทำเอาตำแหน่งมหาเศรษฐีของตระกูลหลี่ตกไปอยู่ในสถานภาพสั่นคลอน กระแสคลื่นโหมซัดสาดเมืองหลวงจนโกลาหลกันไปหมด”
“ในเมืองหลวงที่มีทั้งบรรดามังกรหมอบ พยัคฆ์ซ่อนอยู่ดาษดื่นนั่น พวกนั้นก็เริ่มกางเขี้ยวกางเล็บ ฉวยเอาโอกาสนี้วางแผนเตรียมยักยอกทั้งทรัพยากร ทั้งยึดครองกิจการทั้งหลายที่อยู่ภายใต้อุ้งมือของตระกูลหลี่กันครึกครื้นเลยเชียวล่ะ”
พูดไปพลาง ฉินเย่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่ท้ายทอย แสดงท่าทีเหมือนปลงอนิจจัง
“ทุกวันนี้ ตระกูลหลี่ถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าหิวโซอย่างแท้จริง ทุกคนต่างก็กำลังลับมีด เตรียมรอกินเนื้ออันโอชะ จากตระกูลมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในเมืองหลวงกันทั้งนั้น เวลานี้ ตระกูลหลี่ก็ต้องตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อกันอยู่แล้วล่ะ”
เสียงถอนหายใจดังเฮือกนั้น ไม่ได้ทำให้เฉินตงรู้สึกมีความสุขเลยสักนิด
ตรงกันข้าม สีหน้าของเขากลับยิ่งคล้ำทะมึนขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาก็มืดมนหม่นแสง
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าตระกูลหลี่ ไม่มีทางจะมีความเมตตากรุณาอะไรแบบนี้มาก่อนแน่ ๆ !”
เฉินตงพึมพำเบา ๆ ความสงสัยในใจได้รับการไขจนกระจ่างขึ้นมาทันที
“นายหมายความว่ายังไงน่ะ?” ฉินเย่ถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่ กับหลี่เต๋อซานอยู่ในเมืองนี้ ฉันเพิ่งได้เจอพวกเขาทั้งคู่เมื่อกี้นี้เอง ตาเฒ่าหลี่นั่นอยากเชิญแม่ของฉันไปตั้งบูชาที่หอบรรพชนตระกูลหลี่ จะได้ไปรับอานิสงส์จากกลิ่นธูปบูชาของตระกูลหลี่ที่มีมาหลายชั่วอายุคน ถือซะว่าเป็นการชดใช้ให้ฉันกับแม่ตลอดช่วงเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา”
เฉินตงแค่นยิ้มเย็นชาพลางยักไหล่ แล้วพูดว่า : “นายว่าพวกนั้นต้องหยิ่งยโสถึงขั้นไหนเหรอ?ถึงได้มีความคิดว่า แค่เชิญป้ายวิญญาณของแม่ฉันไปตั้งบูชาในหอบรรพชนตระกูลหลี่ ก็จะสามารถชดเชยเรื่องเลวร้ายทั้งหลาย ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาได้หมดน่ะ?”
ม่านตาของฉินเย่หดตัวลงไปชั่วขณะ
อึดใจต่อมา ถึงเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง
“เชี่ย! การชดเชยเฮงซวยอะไรแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ใส่ใจ แต่จริง ๆ แล้วมีเจตนาไม่ดีแอบแฝง ทำเป็นเชิญคุณป้ากลับไปหอบรรพชน นี่ไม่เท่ากับว่าคิดจะมัดมือชกนายหรอกเรอะ ? นี่มันก็แค่การหาเครื่องช่วยชีวิตให้ตระกูลหลี่ชัด ๆ!”
“อาศัยยืมมือของฉัน อาศัยชื่อเสียงของตระกูลเฉิน มาเป็นเครื่องป้องกันตระกูลหลี่ที่กำลังจะจบสิ้น จะได้ไม่ถูกดึงทึ้งแยกชิ้นส่วนสินะ จุ๊ ๆ ๆ…”
สีหน้าเฉินตง เต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจและเย็นชา: ” ตระกูลหลี่ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังในแง่ของความไร้ยางอาย ทำได้ทุกอย่างแบบไม่สนวิธีการซะจริง ๆ เลยนะเนี่ย”
“แล้วนายคิดจะทำยังไงต่อไปล่ะ?” ฉินเย่ถามด้วยความสนใจใคร่รู้
“ถ้าให้แม่ของฉันเข้าไปในหอบรรพชนตระกูลหลี่ นั่นคือการดูถูกแม่ของฉันอย่างร้ายกาจที่สุด”
เฉินตงส่ายหน้าด้วยความรังเกียจ: “ในเมื่อตระกูลหลี่ไร้ยางอายถึงขั้นนี้ ฉันก็ได้แต่อวยพรให้พวกเขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ซะก็แล้วกัน”
ฉินเย่ตะลึงค้างไปชั่วขณะ จากนั้นจึงหลุดหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่
เฉินตงลูบจมูก ไม่ว่าจะข่าวดีหรือข่าวร้าย ล้วนไม่ส่งผลให้เขาสะดุ้งสะเทือนอะไรมากนัก
ครั้งนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่า การได้มองทะลุความคิด ความปรารถนาของคุณท่านใหญ่หลี่ก็เท่านั้น
แต่การได้เห็นตระกูลหลี่ล่มสลายลงด้วยตาตัวเอง ก็นับว่าเป็นข่าวดีจริง ๆ นั่นแหละ
ความคับข้องใจของแม่ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ท้ายที่สุดก็ได้รับการตอบแทนสักที เขารู้สึกเหมือนบ่งหนามที่มันยอกในอกมานานออกไปได้ในที่สุด
เมื่อมองไปที่ฉินเย่ที่ยังคงหัวเราะไม่หยุด เฉินตงก็ถามขึ้นทันทีว่า ” นายกับจางหยู่หลันเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ? ”
ทันใดนั้น ฉินเย่ก็หัวเราะไม่ออกซะแล้ว
“ไม่พูดเรื่องนี้ เรายังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน”
“ก็เพราะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันไง ฉันเลยต้องถามสักหน่อย” เฉินตงย้อน
ฉินเย่เกาหัวอย่างหงุดหงิด: “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของนาย ให้ตายฉันก็ไม่คิดจะไปเมืองหลวงจริง ๆ นะ ยัยจางหยู่หลันนั่นไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้อนใจเป็นหมูโดนน้ำมันรึยังไง ช่วงสองสามวันที่ฉันอยู่เมืองหลวง เธอเอาแต่ตามติดฉันอย่างกับตังเมเลย ตอนกลางคืน ยังไปค้างอยู่ที่ห้องพักฉันในโรงแรมไม่ยอมไปไหนอีก ถ้าไม่ใช่เพราะฉันฉลาดมีไหวพริบ วางยาสลบเจ้าหล่อนแล้วโยนไปไว้ห้องข้าง ๆ นะ ฉันคงถูกลอกคราบไม่มีเหลือแน่!”
“ ก็ทีแรก ใครให้นายจงใจหลอกล่อให้พวกเราช่วยนายตื๊อจีบคนอื่นเขาล่ะ? ” เฉินตงกลอกตา “จริง ๆ แล้วนายก็ถึงวัยที่น่าจะแต่งงานได้แล้ว เอาแต่อยู่คนเดียวเป็นโสดก็ไม่ใช่เรื่องดีนะ”
“เพ้อเจ้อ! เป็นเหมือนกับท่านหลงนั่นก็ดีจะตายไม่ใช่เหรอ ? คนอย่างฉันไม่คุ้มกับการแต่งงานหรอกน่า”
ฉินเย่ทำคอแข็ง สายตาหลุกหลิกไม่นิ่ง มีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยพูดอย่างหนักแน่นว่า “ใช่! ก็คือไม่คุ้มนั่นแหละ!”
เฉินตงถูจมูก ยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
ในเวลาเดียวกัน.
ภายในโรงพยาบาล
คุณท่านใหญ่หลี่ฟื้นขึ้นมาในที่สุด เขานอนสีหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงโรงพยาบาล
หลี่เต๋อซานยินดีอย่างมาก “พ่อ ในที่สุดพ่อก็ฟื้นซะที เมื่อกี้พ่อทำให้ผมตกใจแทบตาย”
“ที่นี่ที่ไหน?” ดวงตาของคุณท่านใหญ่หลี่ดูเลื่อนลอยเล็กน้อย สีหน้าก็ยังมึนงงสับสน
“ที่นี่คือโรงพยาบาลครับ”
หลี่เต๋อซานพูดอย่างรีบร้อน “ แต่พ่อวางใจเถอะ ผมจัดการทุกอย่างให้แล้ว เดี๋ยวผมจะพาพ่อกลับเมืองหลวง กลับไปแล้วพักผ่อนให้เยอะ ๆ เรื่องของเฉินตงพ่อไม่ต้องไปใส่ใจแล้วนะครับ”
“เจ้าลูกชั่ว!”
สีหน้าคุณท่านใหญ่หลี่ พลันปรากฏแววเป็นปรปักษ์ขึ้นมาทันควัน หลังจากด่าด้วยความโกรธจัด ก็พยายามจะลุกขึ้น: “ฉัน ฉันจะออกจากโรงพยาบาล! ครั้งนี้ ต่อให้ฉันต้องคุกเข่าให้เฉินตง ก็ต้องขอให้เขาปกป้องตระกูลหลี่ของฉันให้ได้!”