The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 306 ครั้งนี้ต่อให้ถูกฟ้าผ่าตาย ก็ต้องโกหกเธอแล้วล่ะ!
- Home
- The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา
- บทที่ 306 ครั้งนี้ต่อให้ถูกฟ้าผ่าตาย ก็ต้องโกหกเธอแล้วล่ะ!
ในห้องนั่งเล่น
บรรยากาศเงียบสงัดราวน้ำนิ่ง
อากาศรอบกายคล้ายหยุดไหลเวียน แข็งค้างชะงักงัน
ขนทั่วทั้งสรรพางค์กายของเฉินตง ถึงกับลุกชี้ชันจนตั้งตรง ไม่รับรู้ถึงอุณหภูมิโดยรอบเลยแม้แต่น้อย
เขาในเวลานี้ ฉากหน้าอาจดูแล้วสงบนิ่ง แต่ในความเป็นจริง หัวใจเขากลับเต้นระทึกจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
เขาไม่กลัวที่จะถูกคนวางแผนการร้ายใส่ ทั้งไม่กลัวว่าจะถูกลอบฆ่าด้วย
ก่อนจะมาแต่งงานกับกู้ชิงหยิ่ง เขาก็เคยได้เจอมาก่อน ถึงขั้นที่ว่าภายใต้เจตนาที่พ่อของเขาเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า งัดเอากลยุทธ์ “ปิดฟ้าข้ามทะเล” มาใช้ส่งตัวเขาไปที่คุกมืดเพื่อหาประสบการณ์มาแล้วด้วยซ้ำ
ในสถานที่แบบคุกมืดนั่น ไม่ใช่สถานที่ที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายหรอกหรือ?
ประเด็นสำคัญคือ มันไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีแม้ช่องว่าง ถึงขั้นที่เกิดการลอบฆ่ากันได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น
สิ่งนี้ต่างหาก คือสิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกจริง ๆ
นั่นหมายความว่า เขาจะต้องคอยระวังตัวตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เพียงแต่ต้องคอยระแวดระวังป้องกันตัวเองเท่านั้น แต่ยังต้องคอยระแวดระวังป้องกันคนรอบข้างอีกด้วย
ท่านหลง ฉินเย่ และคุนหลุนต่างก็มีสีหน้าหนักอึ้งเคร่งเครียด ทุกคนต่างก็จมอยู่ในความเงียบงันไปด้วยกันทั้งหมด
พวกเขารู้ดี ถึงความน่ากลัวของนักลอบฆ่าที่ซ่อนอยู่ในดาร์กเว็บดีกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น
ยิ่งรู้ด้วยว่า ตระกูลหลี่สั่งการให้ลอบฆ่าในครั้งนี้ เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่พาลพาโลอย่างไม่มีเหตุผลขนาดไหน
พูดแบบจริงจังไม่อ้อมค้อม ตระกูลหลี่ถึงกับกล้าเปิดเผยชื่อจริงออกมา ความหมายย่อมเป็นไปตามที่ฉินเย่พูดมาจริง ๆ นั่นคือเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า พวกเขาพร้อมจะชนแหลกกับเฉินตงจนกว่าจะตายกันไปข้าง
แม้จะพูดได้ว่าในวันนี้ สถานการณ์ของตระกูลหลี่ในเมืองหลวง จะตกอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแล้วก็ตาม ทั้งมีหมาป่าที่เฝ้ารอรุมทึ้งอีกเป็นโขยง แต่ก่อนที่วิมานเทียมฟ้านั่นจะพังถล่มลงมา ในตอนที่พวกเขาตัดสินใจชนแหลกให้ตายกันไปข้างกับเฉินตง ตระกูลหลี่ก็ยังมีพลังอำนาจที่มากพอจะสร้าง “เทศกาลรื่นเริง” บนดาร์กเว็บขึ้นมาได้แบบไม่ยากเย็นเลย
และเทศกาลรื่นเริงที่ว่านี้ มีเป้าหมายก็คือการล่าชีวิตของเฉินตงนั่นเอง!
“เฮ้อ~”
เฉินตงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อมองดูเงินรางวัลราคาค่าหัวของเขา ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคนหัวเราะเจือสะอื้นว่า: “ตระกูลหลี่ดูจะประเมินฉันไว้สูงไม่น้อยเลยนะเนี่ย ตั้งราคาไว้ที่พันล้านดอลลาร์เชียวนะ”
“คุณชาย…” ท่านหลงถึงกับผงะไปชั่วขณะ ทำไมจนเวลาแบบนี้แล้วแท้ ๆ เขาก็ยังหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองได้อยู่อีกล่ะนี่?
เฉินตงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ วางโทรศัพท์ลง: “ไอ้ภารกิจลอบฆ่านี่ พอจะมีวิธียกเลิกมันบ้างมั้ย?”
พวกท่านหลงทั้งสามต่างส่ายหน้าพร้อมกัน
คุนหลุนพูดว่า: “หลังจากที่องค์กรhidden killersประกาศภารกิจ หากไม่เพราะภารกิจนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ต้องเป็นเพราะลูกค้าเป็นฝ่ายยกเลิกงานโดยสมัครใจ ไม่อย่างนั้น ภารกิจนั้นจะไม่มีวันหายไปครับ”
“แล้วถ้าใช้ชื่อของตระกูลเฉินเข้ากดดันล่ะ?” เฉินตงลองถามอย่างไม่มั่นใจ
“ตอนนี้คุณท่านกำลังคิดหาหนทางเจรจากับพวกคนในดาร์กเว็บอยู่ครับ”
ท่านหลงยิ้มอย่างขมขื่น: “แต่ความหวังคงมีไม่มาก ดาร์กเว็บเป็นสถานที่ที่อยู่นอกกฎหมาย มันมืดมิดและโหดร้ายอย่างยิ่ง ผมยังจำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สมาชิกคนหนึ่งของตระกูล Rothschild ถูกประกาศชื่อไปยังองค์กรนักฆ่าอำพราง The hidden killer ที่ซ่อนตัวอยู่ในดาร์กเว็บให้ทำภารกิจลอบฆ่า ก็ถูกจัดอยู่ในระดับ S และมีการเสนอเงินรางวัลมูลค่าถึงแปดร้อยล้านดอลลาร์เลยทีเดียวครับ”
“ในเวลานั้น ตระกูล Rothschild พยายามคิดหาหนทางอย่างสุดความสามารถ ถึงขั้นยอมวางเงินรางวัลที่มากกว่ารางวัลค่าหัวตัวเอง เพื่อลบล้างภารกิจลอบฆ่า แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ประสบความสำเร็จ สมาชิกในตระกูลคนนั้น ก็ยังมีจุดจบคือลงไปนอนจมกองเลือดอยู่ดีครับ”
“เฮ้อ~”
เฉินตงแอบถอนหายใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับดาร์กเว็บ กับองค์กรนักฆ่าอำพราง The Hidden Killer
แต่ตระกูล Rothschild นั้นเรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในระดับโลก มีประวัติศาสตร์ที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานมากเชียวนะ!
สัตว์ประหลาดระดับอสุรกายนั่น ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องแบบนี้เหมือนกันเหรอเนี่ย ?
“ในตอนนั้น นักฆ่าระดับมือพระกาฬสามคนลงมือพร้อม ๆ กัน ภายใต้การคุ้มกันของบอดี้การ์ดจำนวนหลายร้อยคน พวกเขาก็สามารถทำได้สำเร็จ!” คุนหลุนกล่าวเสริมอีกประโยคหนึ่ง
เฉินตงตกตะลึง: “ทำไมนายถึงรู้รายละเอียดได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ล่ะ?”
คุนหลุนช้อนดวงตาขึ้น มองไปที่เฉินตงแน่วนิ่ง : “เพราะผมคือหนึ่งในสามนักฆ่านั่นไงครับ!”
เฉินตง: “…..”
“ตอนนั้นเพราะเรื่องนี้นี่เอง จึงเป็นเหตุให้คุนหลุนถูกนำตัวไปลานประหาร สุดท้ายเป็นคุณท่านที่บุกเดี่ยวเข้าไปช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ครับ ” ท่านหลงอธิบาย
เฉินตงเข้าใจได้โดยพลัน เขารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุนหลุนกับพ่อของเขามานานมากแล้ว
แต่เหตุผลที่คุนหลุนถูกตัดสินประหารชีวิตในตอนนั้น เป็นเรื่องที่เพิ่งมารู้เอาตอนนี้นี่เอง
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกใหญ่ พยายามทำให้จิตใจสงบผ่อนคลายลง
เฉินตงถามว่า: “ดังนั้น แปลว่าตอนนี้ไม่มีหนทางเลยสักนิดจริง ๆ น่ะเหรอ?”
พวกท่านหลงทั้งสามส่ายหน้าพร้อมกัน
“เว้นเสียแต่ว่า คุณจะเกลี้ยกล่อมให้ตระกูลหลี่ยอมเพิกถอนคำสั่งได้ครับ”
ฉินเย่ยกยิ้มประหลาด: “แต่เงื่อนไขนี้ยากเกินไป คิดว่าต่อให้คุณท่านใหญ่หลี่ที่นอนเป็นศพอยู่ใต้ดินแล้วจะตอบตกลง แต่คนตระกูลหลี่ที่ยังอยู่บนพื้นดินจะไม่ยอมตกลงน่ะสิ พวกเขาถึงขั้นคิดจะยอมตายไปพร้อมกับฉันแล้วชัด ๆ”
เฉินตงหัวเราะเยาะตัวเอง รู้สึกอับจนหมดหนทางแล้วจริง ๆ
ไม่อยากเข้าไปพัวพันอะไรกับตระกูลหลี่อีก
เขาหาทางยุติมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งมาโดยตลอด
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะถูกหมาบ้าที่ทำทุกวิธีได้อย่างไร้ยางอายตัวนี้ กัดเข้าจนจมเขี้ยวเต็มคำ
อีกทั้งเหตุผลที่ถูกกัด แบบ….อยู่ดีๆก็งานเข้าซะงั้น
“เรื่องของคุณท่านใหญ่หลี่ จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแน่ มันทำให้ฉันรู้สึกเลยว่า เหมือนเป็นการพุ่งเป้ามาที่ฉันโดยตรง”
เฉินตงขมวดคิ้ว นัยน์ตาลึกล้ำทอประกายวาววับน้อย ๆ : “ฉันไม่ได้หมายถึงการจ้างวานให้มาลอบฆ่าฉันของตระกูลหลี่หรอกนะ แต่เป็นการฆาตกรรมคุณท่านใหญ่หลี่ ที่ต้องการพุ่งเป้ามาที่ฉันต่างหาก”
“พวกเราหลายคนก็คิดอย่างนั้นครับ แต่ตอนนี้กุญแจสำคัญคือ เราไม่สามารถหาหลักฐานที่จะใช้โน้มน้าวให้ตระกูลหลี่ยอมเชื่อคุณ ทั้งยังไม่มีวิธีที่จะทำให้ตระกูลหลี่ยอมเพิกถอนคำสั่งได้ด้วย” เสียงของท่านหลงแผ่วต่ำและสั่นเครือ: “ผมรู้สึกว่าคุณชายควรต้องระวังให้มาก พวกเราต้องเตรียมการรับมือไว้เสียแต่เนิ่นๆ”
“ต้องเตรียมการไว้สักหน่อยแหละ”
เฉินตงยิ้มอย่างจนใจ: “เรื่องมันเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้ฉันไม่กลัวตาย ฉันก็สมควรต้องคิดเผื่อคนรอบข้างสักหน่อยแล้วล่ะ”
เขามองไปที่คุนหลุน: “คุนหลุน ให้พี่เสี่ยวลู่เก็บข้าวของให้เรียบร้อย ฉันจะให้เธอไปบ้านตระกูลกู้กับเสี่ยวหยิ่งคืนนี้เลย”
จากนั้นเฉินตงก็พูดว่า: “ยังมีฉินเย่ นายกับเสี่ยวเชียนกลับไปซ่อนตัวที่บ้านตระกูลฉินสักพักก่อน ท่านหลงก็กลับไปบ้านตระกูลเฉินคืนนี้เลย ฉันต้องการทีมรักษาความปลอดภัยระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ ให้เรียกกูหลังมาที่นี่ด้วยเถอะ” .”
เฉินตงไม่ใช่คนที่มีนิสัยเหยาะแหยะโลเล หรือตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาด
เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มัวแต่ตีอกชกหัวโกรธเคืองไป ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้
ใจเย็น ๆ เตรียมการให้ดี รอรับมือพวกนักฆ่าที่จะดาหน้าเข้ามา นี่ต่างหากคือวิธีการที่ดีที่สุด
เขาไม่อาจยอมให้กู้ชิงหยิ่งมาอยู่ข้าง ๆ เขาในเวลานี้ แล้วต้องมาร่วมเผชิญอันตรายไปด้วยกันกับเขาได้จริง ๆ
เขาถึงขั้นไม่ยอมให้ใครก็ตามที่อยู่รอบตัว ต้องมาร่วมแบกรับอันตรายไปพร้อมกันกับเขาด้วย
“คุณชายครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
“พี่ตง ให้เสี่ยวเชียนกลับไปตระกูลฉินคนเดียวก็พอแล้ว ให้ฉันอยู่ที่นี่เถอะ ฉันแฮกระบบเก่งอยู่นะ!”
ท่านหลงกับฉินเย่พูดขึ้นพร้อมกัน
ปึง!
เฉินตงตบฝ่ามือกับโต๊ะอย่างโกรธจัด: “ฟังที่ฉันพูดซะ!”
เผด็จการ เย่อหยิ่งจองหอง ไม่มีที่ว่างสำหรับการโต้แย้ง
ท่านหลงกับฉินเย่หันมองหน้ากัน เห็นความจนใจทั้งยังไม่เต็มใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“ท่านหลง ฉินเย่ ที่คุณชายพูดมาก็ถูกนะ สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้ คงจะเหนือการควบคุมจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าพวกคุณอยู่ข้าง ๆ คุณชาย คงจะไม่เป็นผลดีแน่”
คุนหลุนพูดช้าๆ: “พวกคุณอยู่ที่นี่ มีแต่จะทำให้เกิดตัวแปรเพิ่มขึ้นซะเปล่า ๆ ยิ่งเป็นภาระให้คุณชายต้องหันเหความสนใจมาคอยดูแลอีก”
เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ฉินเย่กับท่านหลงต้องก้มหน้าผงกหัวรับโดยสดุดี
“คุณชาย ผมจะไปเรียกเสี่ยวลู่เดี๋ยวนี้เลยนะครับ” คุนหลุนลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ส่วนเฉินตงก็ลุกขึ้นในเวลาเดียวกัน แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
ในห้องนอน ทุกอย่างยังคงเงียบสนิท
กู้ชิงหยิ่งขดตัวกลมเหมือนลูกแมวตัวน้อยอยู่บนเตียง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ
เฉินตงที่หนักใจมาตลอดทางระหว่างที่เดินขึ้นมา เพียงชั่วขณะที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอน แล้วได้เห็นกู้ชิงหยิ่ง สีหน้าเขาก็พลันผ่อนคลายลงไปทันที
ราวกับว่าแค่ได้เห็นหน้ากู้ชิงหยิ่ง ความกระสับกระส่ายไม่สบายใจทั้งหมด ก็มีอันมลายหายไปจนสิ้น
เขาเดินไปข้าง ๆ กู้ชิงหยิ่ง โน้มตัวลงแล้วจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของกู้ชิงหยิ่ง
จูบอันแผ่วเบานี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งส่งเสียงครางฮือในลำคอ จากนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณสามี มากอดกันจุ๊บกันหน่อยเร็ว”
กู้ชิงหยิ่งเหมือนเด็กตัวน้อยที่แสนไร้เดียงสา อ้าแขนกว้างเข้าใส่เฉินตงอย่างออดอ้อน
เฉินตงยิ้มอย่างอ่อนโยน กอดกู้ชิงหยิ่งพลางพูดเบา ๆ ว่า “เด็กโง่ พอดีช่วงนี้ฉันมีเรื่องยุ่ง ๆ ที่ต้องจัดการนิดหน่อย ตอนนี้เธอช่วยเก็บของแล้วไปอยู่กับคุณพ่อตาแม่ยายที่ต่างประเทศ สักพักดีมั้ย”
เพิ่งสิ้นเสียง
ร่างกายนุ่มนิ่มบอบบางของกู้ชิงหยิ่งก็พลันสั่นสะท้าน เธอปล่อยมือจากเฉินตง แล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า: “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเล็ก ๆ แค่นั้นเอง”
เฉินตงไม่ได้อธิบายอะไร เขาไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งต้องเป็นกังวล: “เชื่อฉันนะเด็กดี ไปอยู่กับคุณพ่อตาแม่ยายสักพักก่อน หลังจากที่เราแต่งงานกันมา ไม่ใช่ว่าเธอยังไม่เคยกลับไปเยี่ยมหาพวกท่านเลยหรอกเหรอ? นี่มันก็นานมากแล้วนะ หรือเธอไม่คิดถึงพวกท่านบ้างเลยเหรอ?”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกงุนงง คล้ายตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง
เธอ คิดถึงพ่อแม่ของเธอมากจริง ๆ นั่นแหละ
แต่กู้ชิงหยิ่งกลับเป็นฝ่ายจ้องมองเฉินตงอย่างจริงจัง: “คุณมองตาฉันสิคะ”
ดวงตาทั้งคู่มองประสาน
กู้ชิงหยิ่งพูดว่า: “มันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ จริงเหรอ? คุณอย่าโกหกฉันนะ!”
เฉินตงจ้องไปที่ดวงตาใสกระจ่างของกู้ชิงหยิ่ง ยกยิ้มน้อย ๆ พลางชูสามนิ้วแล้วพูดว่า : “ฉันขอสาบานต่อสวรรค์เลยว่า มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยจริง ๆ ถ้าฉันโกหก นร. กู้ชิงหยิ่งแล้วล่ะก็ ขอให้ถูกฟ้าผ่าตาย!”
คำพูดนั้นช่างรวดเร็วเด็ดขาด รวดเร็วจนกู้ชิงหยิ่งที่สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นซีดเผือดแล้ว รีบยกมือขึ้นมาปิดปากไม่ทัน
สุดท้าย กู้ชิงหยิ่งก็พยักหน้าตอบรับ: “เอาเถอะ ฉันจะไปเก็บของเลยแล้วกัน”
“อื้ม ฉันจะให้พี่เสี่ยวลู่ไปช่วยเธอนะ ให้พี่เสี่ยวลู่ไปพร้อมกับเธอเลย จะได้ดูแลเธอได้สะดวกหน่อย”
เฉินตงแสร้งทำเป็นเดินออกจากห้องไปอย่างสบาย ๆ พ้นห้องนอน รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายวับไป เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างฝืดฝืน: “เพื่อเธอแล้ว ครั้งนี้ต่อให้ถูกฟ้าผ่าตาย ก็ต้องโกหกเธอแล้วล่ะ”