The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 321 ธนูหนึ่งนัด
ยายเมิ่ง
ในตำนานโบราณ มีหน้าที่รับผิดชอบเฝ้าดูเเลสะพานหน้ายเหอของนรก
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ที่คนนอกพื้นที่ จะสามารถใช้มันเป็นรหัส
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ท่านหลงพยักหน้า “เป็นคนในพื้นที่ และเป็นผู้หญิง แต่ลึกลับอย่างมาก นายท่านได้ใช้หน่อยข่าวกรองของตระกูลเฉินไปสืบ ในเวลาเดียวกันก็ได้เชื่อมโยงไปยังตระกูลจางตระกูลฉู่ทั้งสองตระกูลในเมืองหลวง แต่ข้อมูลของตระกูลฉินกับตระกูลจูเก่อในซีสู่ ล้วนตรวจสอบไม่ได้เลย”
เฉินตงไม่แปลกใจเลย
ในดาร์กเว็บเต็มไปด้วยเลือดและความมืด
มีนักฆ่าจำนวนนับไม่ถ้วนในองค์กรhidden killers และมีอันดับยมราชนับร้อยคน คนเหล่านี้คือมือสังหารที่เปื้อนเลือดในดาร์กเว็บ
แต่เมื่อกลับสู่ชีวิตปกติ สุดท้ายก็จะปรากฏตัวในฐานะคนธรรมดา
คาดว่าก็คงมีไม่กี่คนที่จะยอมบอกในที่สาธารณะ ว่าตัวเองนั้นเป็นนักฆ่าที่มือเปื้อนไปด้วยเลือดหรอกมั้ง?
“คุณว่า เธอจะมาหาผมมั้ย?”
เมื่อเฉินตงคิดย้อนกลับไปในใจยังคงมีความกลัวอยู่เลย อันดับยมราชเป็นรายชื่อหนึ่งร้อยอันดับแรกขององค์กรhidden killersคนที่สามารถฆ่านักฆ่าอันดับยมราชได้ต้องเป็นนักฆ่ามือพระกาฬจริงๆ
จากความสามารถของคุนหลุน ก็พอจะดูอะไรออกบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น อันดับของยายเมิ่งคนนี้ อยู่ในอันดับที่ยี่สิบ สูงกว่าคุนหลุนสองขั้น!
ตอนนี้คุนหลุนยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล เฉินตงนั้นไม่มีความมั่นใจเลย
ไม่ ต่อให้คุนหลุนจะอยู่ข้างกายเขา เขาก็ไม่มีความมั่นใจเพียงพอ
“น่าจะมา” ท่านหลงที่มีสีหน้าที่หนักใจ ไม่ได้เลือกที่จะปลอบหรือให้กำลังใจเฉินตงในเรื่องนี้ ถึงขนาดได้นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “บางที เบื้องหลังยังมีอันดับยมราชอีกมากปรากฏตัวออกมาอีก ยิ่งยืดเวลานาน ก็จะยิ่งมากขึ้น นี่ถือเป็นการแข่งขันและท้าทายชนิดหนึ่ง”
“แข่งขันฆ่าคน?”
เฉินตงเข้าใจทันที มันก็เหมือนกับการสอบ ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เหล่านักฆ่าที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ในทางกลับกันมันจะไปกระตุ้นนักฆ่าที่มีใจอยากจะชนะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และจะมีนักฆ่าหนึ่งร้อยอันดับแรกตามมาอีก ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจะมากขึ้น
มีเพียงคนที่ทำข้อสอบได้จริงๆ ถึงจะสามารถโอ้อวดกับนักฆ่าคนอื่นๆที่ทำข้อสอบไม่ได้อย่างภาคภูมิใจ
หลังจากที่เข้าใจแล้ว เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น ถูคางไปครู่นึ่ง กล่าวด้วยสายตาที่ลึกๆ “ท่านหลง ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นถูกผูกอยู่ในเงื่อนตาย มันค่อยๆรัดผมให้ตายอย่างช้าๆ”
“คุณชายทำใจให้สบาย มันต้องมีโอกาสพลิกสถานการณ์อย่างแน่นอน”
แม้ท่านหลงจะปลอบให้กำลังใจ แต่สีหน้าที่เศร้าและมืดมน กลับได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน
เฉินตงบิดขี้เกียจ “อืม ดึกแล้ว ท่านหลงไปพักผ่อนเถอะ ผมก็จะกลับไปนอนแล้ว”
กลับมาถึงที่ห้องนอน
เฉินตงไม่ได้นอนลงไปทันที แต่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมา ค้นหาเบอร์ของกู้ชิงหยิ่ง
ลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ได้เปิดไปที่หน้าวีแชทของกู้ชิงหยิ่ง แต่แล้ว…………ก็ยังคงลังเล
ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาคิดว่าจะสามารถปลอบใจตัวเองได้ ก็มีเพียงแต่ภรรยาของตัวเองแล้ว
แต่เขาหลอกให้กู้ชิงหยิ่งจากไป ก็เพราะไม่อยากให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับวังวนนี้
หากเวลานี้ติดต่อกับเธอ ไม่เท่ากับเปิดเผยด้วยตัวเอง?
คิดไปสักพักใหญ่
เฉินตงส่ายหัว “ช่างเถอะ หากยัยโง่รู้เรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ ต้องกลับอยู่เป็นเพื่อนฉันอย่างแน่นอน ตอนนี้ฉันติดต่อเธอ ก็เท่ากับร้ายเธอ”
ขณะที่กำลังจะวางโทรศัพท์ ข้อความในวีแชทก็ดังขึ้นมาทันที
เมื่อหยิบขึ้นมาดู เฉินตงตะลึงไปทันที
ข้อความ เป็นกู้ชิงหยิ่งที่ส่งมา
เนื้อหากะทัดรัด
“ที่รัก ฉันกับพี่เสี่ยวลู่ถึงแล้ว”
ในขณะที่เฉินตงกำลังเหม่อลอยอยู่ กู้ชิงหยิ่งก็ได้ส่งข้อความมาอีก
“เรื่องของคุณจัดการไปถึงไหนแล้ว? เป็นเรื่องเล็กจริงๆเหรอ? ห้ามโกหกฉันนะ! ไม่เช่นนั้นฉันจะทุบคุณ! (อิโมจิหน้าดุ)”
เฉินตงเห็นข้อความและรูปอิโมจิ เฉินตงถึงขนาดจินตนาการภาพที่กู้ชิงหยิ่งทำหน้าดุ
ความอบอุ่นเกิดขึ้นในใจอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าความกังวลในใจก็หายไปไม่น้อย
เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว “กำลังจัดการอยู่น่ะ วางใจเถอะ เรื่องเล็กจริงๆ ผมได้สาบานไปแล้วไม่ใช่เหรอ จะหลอกคุณได้ยังไง?”
ในไม่ช้า กู้ชิงหยิ่งก็ตอบข้อความกลับ
“อืม เชื่อคุณนะ คุณก็จัดการธุระดีๆล่ะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว อย่าลืมคิดถึงฉันนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกคิดถึงคุณแล้ว(อิโมจิรูปหัวใจ)ราตรีสวัสดิ์”
เฉินตงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา “ราตรีสวัสดิ์”
วางโทรศัพท์ลง เขาพิงอยู่บนเก้าอี้ สองมือหนุนอยู่ตรงท้ายทอย
การสนทนาเพียงไม่กี่ประโยค กลับทำให้เขาผ่อนคลายไปมาก
มีคำปลอบใจและกำลังใจของภรรยา ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหนมันก็เป็นเรื่องเล็ก
หลังจากหาวไปหนึ่งที เฉินตงก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ จากนั้นก็จะมานอนหลับพักผ่อน
แต่ในขณะที่เขาลุกขึ้นนั้น
ลมเย็นได้พัดเข้ามาในห้องนอน
ตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ลมในเวลาสี่ทุ่มกว่า เต็มไปด้วยความหนาวเย็น
เฉินตงหันหลังเพื่อจะไปปิดหน้าต่าง แต่ในขณะที่เขาเดินเข้าไปตรงหน้าต่าง
ฉูบ!
ทันใดนั้นเสียงลมแตกที่แสบหูก็ดังขึ้น
เฉินตงมีสีหน้าที่หนักใจ หนังหัวชาในพริบตา ให้ความรู้สึกถึงความอันตรายที่รุนแรง
ด้วยสัญชาตญาณ เขาขยับร่างกาย ไปพิงอยู่กำแพงที่ใกล้กับหน้าต่าง
ในเวลาเดียวกัน ลูกธนูที่ส่องแสงเย็นยะเยือกราวกับสายฟ้า เฉียดผ่านไปต่อหน้าต่อตาเขา ไปกระทบกับผนังหน้าต่างโดยตรง!
แรงและหนัก ถึงขั้นเกิดเสียง “ตูบ!” ดังขึ้นมาหนึ่งที ขนของลูกธนูสั่นอย่างรุนแรง
เพียงนิดเดียว!
สีหน้าท่าทางของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างมาก
หัวใจเต้นเร็ว ราวกับว่าหัวใจเกือบจะหลุดออกมาด้านนอก
กำลังจะตะโกนเรียกบอดี้การ์ด ทันใดนั้น สายตาของเขาเหลือบเห็นลูกธนูที่สั่นอยู่บนกำแพงเสียบจดหมายไว้หนึ่งแผ่น
เห็นตัวหนังสือที่อยู่ข้างบนอย่างเลือนราง
สีหน้าของเฉินตงจริงจังมาก ทันใดนั้นก็หันไป ปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็กลิ้งลงไปบนพื้น ไปถึงด้านใต้ลูกธนู ยื่นมือขึ้นไป ทันใดนั้น “เซอร์คัมเฟลกซา” ก็พุ่งออกมาจากกล่องโลหะที่ผูกติดไว้กับข้อมือได้พันลูกธนูไว้อย่างแน่นๆ
ใช้แรงในการกระชาก ลูกธนูก็หล่นลงมาในมือตัวเอง
ดึงจดหมายที่อยู่บนลูกธนูลงมา เฉินตงเปิดออกมาดู ทันใดนั้นก็โกรธจนลูกตาแทบจะกระเด็นออกมา
ความหนาวเย็นที่น่ากลัว พริบตาเดียวจากฝ่าเท้าขึ้นมาที่หัวทันที ราวกับห้อยอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
ตัวอักษรบนจดหมายมีความสวยงาม แต่กลับแฝงไปด้วยความเฉียบขาด
สิ่งที่รู้สึกแปลกมาก ความสวยงามกับความเฉียบขาดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับมารวมอยู่ด้วยกัน
แต่ในเนื้อหากลับเขียนว่า
“แท่นหินขนาดใหญ่หลังป่าไผ่ ไม่ได้ป้องกัน? ฆ่าแกง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ อนุญาตให้แกป้องกันตัวได้ ! คราวหน้าค่อยฆ่าแก!”
ผู้ลงนาม ยายเมิ่ง!
เมื่อเห็นชื่อคนลงนาม สมองของเฉินตงก็ระเบิดขึ้นด้วยเสียงโครมคราม
มาเร็วขนาดนี้เลย?
แล้วมองดูตัวอักษรที่อยู่บนจดหมายทีละตัว เขาถึงขนาดสามารถรับรู้ได้ถึงความเย้ยหยันและความดูถูก
ลูกธนูนัดเมื่อกี้
ยายเมิ่งสามารถฆ่าเขาด้วยการโจมตีอย่างลับๆได้เลย!
ในทางตรงกันข้าม ยายเมิ่งกลับไม่ฆ่าเขา แต่ใช้ลูกธนูกับจดหมายในการเตือนเขา!
นี่มันไม่ใช่ความหวังดีของยายเมิ่ง แต่มันคือการเหยียบหยามที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง และมั่นใจความสามารถในการฆ่าของตัวเอง
เธอรู้สึกว่าการฆ่าฉัน เป็นเรื่องที่สบายมาก!
เฉินตงหัวใจเย็นวาบ ขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว
ในความงุนงง เขานึกถึงที่ตั้งของลานป่าไผ่
ตัวคลับสี่ยิ่นก็สร้างขึ้นมาโดยใกล้ภูเขาและลำธาร ลานป่าไผ่นี้เป็นลานป่าไผ่ที่พิเศษ เงียบสงบ
แต่ด้านหลัง กลับเป็นหินผาแห่งหนึ่ง และมีโขดหินยื่นออกไปทั้งสองข้าง แสดงถึงแนวการล้อมรอบ ได้ล้อมป่าไผ่และคลับสี่เย่นไว้ด้านใน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเฉินตงก็เปล่งแสง และเขามองไปทางหน้าต่างที่ถูกปิดแน่น ในทิศทางนั้น มีหินผายื่นออกไปอยู่พอดี
เวลานี้ ยายเมิ่งอาจจะยืนอยู่บนหินผา ใช้สายตาแบบที่มองคนตาย มองมาทางนี้?
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆ เฉินตงก็มีความกล้าหาญอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้น
เขาลุกขึ้น เดินไปตรงหน้าต่าง เปิดหน้าต่างออกหน้าไม่ลังเล………..