The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 334 ฆ่าคนง่ายแค่นี้เอง !
เฉินตงรู้สึกปวดหัว
เขาถูขมับของตนเอง
การเดินทางครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการของเขา
“ฉันแค่ไปหาคุณลุง”
เฉินตงถอนหายใจ เมื่อจูเก่อชิงขับรถมาบรรจบจากถนนสายอื่น เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย
เขากัดฟัน : “ท่านหลง โทรไปหายัยจูเก่อชิงคนนั้น แล้วบอกให้เธอกลับเข้าไปในรถ !”
“คุณชาย ใจเย็นครับ เขาเป็นผู้ชาย”
ท่านหลงเตือนเขาอย่างหวังดี แล้วจึงโทรศัพท์หาจูเก่อชิง
หลังจากสั่งการเรียบร้อยแล้ว
ไม่ช้า เฉินตงก็เห็นจูเก่อชิงลอดผ่านซันรูฟกลับเข้าไปในรถ
“ท่านหลง ให้พวกเขาแยกย้ายกลับไปดีไหม?” เฉินตงเสนอ
ท่านหลงกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม: “มันเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณชาย กระผมไม่อาจปฏิเสธได้”
เฉินตง : “……”
รวยเกินไป บางครั้งก็ลำบากเหมือนกัน
ในที่สุดขบวนรถก็มาถึงชานเมือง
เมื่อเทียบกับเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ชานเมืองค่อนข้างจะดูรกร้างมาก
เมื่อผู้ชมส่วนใหญ่หายไป เฉินตงก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อหันกลับไปมองคาราวานรถอันยิ่งใหญ่ เฉินตงก็ทำอะไรไม่ถูก และคาดว่ารถที่อยู่ปลายแถว……น่าจะยังไม่ออกจากเมือง?
แต่เขาก็รู้สึกกดดันน้อยลง และรู้สึกผ่อนคลาย
เมื่อคิดถึงเฉินเต้าจูนที่กำลังจะได้เจอ หัวใจเฉินตงก็เต้นเร็วขึ้นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เฉินเต้าจูนจึงออกจากคุกมืด
แต่เขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเฉินเต้าจูน ที่สามารถควบคุกทั้งคุกได้อย่างน่าเกรงขาม
ถ้าเขาสามารถขอร้องให้เฉินเต้าจูนช่วยปกป้องเขาได้ในครั้งนี้ได้ เขาก็จะสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจเสียที
นักฆ่าขององค์กร Hidden Killings นั้นน่ากลัวจริงๆ !
จะเปรียบกับคุกมืดได้อย่างไร?
คนที่ถูกคุมขังในคุกมืดนั้น เป็นบุคคลชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก ในจำนวนนั้น มีทั้งทหารและนักรบจำนวนมาก ไม่ต่างอะไรกับฝูงปีศาจ
ในคุกมืดที่ปีศาจถูกคุมขัง เฉินเต้าจูนสามารถควบคุมคุกมืดทั้งหมดได้ด้วยความสามารถของเขาเอง
ความแข็งแกร่งแบบนี้สูงส่งกว่าฆ่าในอันดับยมราชนัก ?
เฉินตงไม่ต้องใช้สมองยังคิดออก !
ไม่ต้องพูดยิวหมินซึ่งอยู่ในอันดับ 10 ของอันดับยมราช แม้กระทั่งอันดับ 1 ในตารางยมราช
จะสามารถเอาชนะเฉินเต้าจูนได้หรือไม่นั้น ก็ยังบอกไม่ได้ +
อันที่จริง ท่านหลงผู้รู้ความจริงทุกอย่าง ก็คิดเช่นเดียวกับเฉินตงเช่นกัน
มิฉะนั้นท่านหลงที่เฉลียวฉลาดจะไม่มีวันเห็นด้วยกับ “การรนหาที่ตาย” ของเฉินตงแน่นอน
บริเวณโดยรอบกลายเป็นที่รกร้างมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีต้นไม้มากขึ้น
ปกคลุมไปด้วยความเขียวชอุ่ม
หลังจากไปถึงตีนเขาแล้ว เฉินตงก็สั่งให้ขบวนรถหยุด
แล้วพาทุกคนไปยังที่ซึ่งกระดูกของแม่ถูกฝังอยู่บนภูเขา
ค่อยๆ เดินไปข้างหน้า
ด้านหลังของเฉินตงมีท่านหลง ฟ่านลู่ และกูหลังคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
ส่วนด้านหน้ามีฉินเย่ จูเก่อชิง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนนับไม่ถ้วนได้ติดตามอย่างทรงพลัง
น่าตื่นตะลึงไม่น้อยไปกว่าขบวนรถที่ผู้คนได้พบเห็นเลย
ดูเหมือนกระแสน้ำที่ไหลขึ้นสู่ภูเขา
เมื่อเฉินตงไปถึงยังที่ฝังศพของแม่
จากระยะไกล เห็นมีคนนั่งไขว่ห้างอยู่หน้าหลุมศพของแม่
ธูปถูกไฟแผดเผา
กลิ่นหอมฟุ้งกระจายเป็นควัน
มีการวางเครื่องบูชาไว้หน้าหลุมศพ
คนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ โยนกระดาษเงินกระดาษทองลงไปในกองไฟ และเมื่อลมพัด ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยขี้เถ้า
เขาคนนั้นคือเฉินเต้าจูน!
เมื่อมองไปเฉินเต้าจูนแล้ว เฉินตงก็รู้สึกใจลอยเล็กน้อย
ท่านหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับแสดงทีท่าหวาดกลัวออกมา ท่านหลงผู้ซึ่งสงบนิ่งมาโดยตลอด มาบัดนี้ที่กลับยืนตัวเกร็งและรออย่างสงบนิ่ง
เขาติดตามเฉินเต้าหลินมาโดยตลอด จึงรู้ดีว่า คนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ด้านหน้าหลุมศพนั้น หมายถึงอะไร !
พวกกูหลังและฟ่านลู่เองก็จ้องมองไปยังเฉินเต้าจูน
ต่อให้จะมีคนอีกหลายพันคนรออยู่เบื้องหลัง แต่เฉินเต้าจูนก็ยังคงนังเผากระดาษเงินกระดาษทองอย่างสงบ
เพียงแค่บรรยากาศนี้ ก็ทำให้ฟ่านลู่รู้สึกหวาดกลัวได้แล้ว
“คุณลุง ผมมาแล้ว”
ในที่สุดเฉินตงก็เอ่ยปาก
“อืม”
น้ำเสียงที่เรียบเฉยดังขึ้น
เฉินเต้าจูนค่อยๆ หันหน้ามา แล้วเหลือบมองฝูงชนที่อยู่ด้านหลังเฉินตง
เขาแสยะยิ้มออกมา : “นี่ลุงยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ นายถึงได้พาคนมาต้อนรับมากมายขนาดนี้ ?”
เฉินตงยิ้มอย่างเก้อเขิน : “ช่วงนี้เกิดเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย คนเหล่านี้มาเพื่อคุ้มกันผม”
“ไร้สาระ!”
เฉินเต้าจูนแสดงท่าทีเย็นชา แล้วหรี่ตาลง
ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งภูเขาก็เงียบสงัดลงทันที
ดูเหมือนอุณหภูมิจะลดต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็ง
การแสดงออกนี้ เมื่อปรากฏขึ้นในดวงตาของกูหลัง ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เกิดความกลัวที่มองไม่เห็นขึ้นมาในใจ แผ่นหลังค่อยๆ เย็นยะเยือก
“คนของตระกูลเฉิน ทำไมถึงทำเรื่องไร้สาระขนาดนี้ได้?”
ท่าทีของเฉินเต้าจูนดูดุดัน ราวกับผู้อาวุโสที่กำลังพูดว่ากล่าวตักเตือนคนรุ่งหลัง
เขาโยนกระดาษเงินกระดาษทองที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างแรง : “นาย มานี่ซิ ! มาไหว้แม่ที่ตายไปแล้วของนาย จะอยากจะดูซิว่า ใครจะกล้าทำร้ายนาย !”
“เฮ้อ~”
เฉินตงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขาหันไปพูดกับท่านหลงว่า : ท่านหลง พาพวกเขาลงไปจากเขาเถอะ”
“คุณชาย นี่มัน……”
ท่านหลงหน้าถอดสีทันที เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตของเฉินตง หากให้คนที่รออยู่ด้านหลังเหล่านั้นกลับไปทั้งหมด หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ใครจะเป็นคนคุ้มกันเฉินตง ?
“ไม่มีอะไรหรอก!”
เฉินตงทำหน้าเคร่งขรึม
ท่านหลงถอนหายใจอย่างจนใจ เขาพาพวกฟ่านลู่และท่านหลงค่อยๆ ทยอยถอยห่างออกไป
แต่ก็ไม่ได้ลงจากเขาเสียทีเดียว อีกทั้งยังรักษาระยะห่างไม่ไกลนัก และคอยระแวดระวังบริเวณโดยรอบอยู่ตลอดเวลา
เฉินตงค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉินเต้าจูน
เฉินเต้าจูนยังคงดูเย็นชา เช่นเดียวกับตอนที่อยู่ในคุกมืด
สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปก็คือ ดูเหมือนเขาจะแอบซ่อนความดุดันที่รุนแรงเอาไว้ในตัวของเขา
แต่นี่เป็นเพียงแค่สิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้เท่านั้น เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยขึ้น ก็ทำให้ต้องรู้สึกตกตะลึง
ราวกับความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้นกับฟ่านลู่เมื่อครู่ ตอนที่เฉินเต้าจูนมีท่าทีเย็นชา
“คุกเข่าลง!”
เฉินเต้าจูนกล่าวอย่างเย็นชา : “ตระกูลเฉินต้องถูกบังคับให้ทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? แม้กระทั่งมากราบไหว้แม่ของตัวเอง ยังต้องพาคนมาคอยคุ้มกันนับพัน ? นายรู้สึกอายบ้างไหม ?”
“อายครับ!”
เฉินตงคุกเข่าลงด้านหน้าหลุมศพของแม่ เก็บกระดาษเงินกระดาษทองที่หล่นอยู่ขึ้นมา แล้วโยนเข้าไปในกองไฟทีละใบๆ
หลังจากที่องค์กร hidden killers ได้ประกาศภารกิจลอบสังหารออกมาแล้ว เขาก็ต้องคอยใช้ชีวิตอย่างระแวดระวัง และเหมือนตกอยู่ในอันตรายอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องที่จะมากราบไหว้แม่ของเขานั้น เขาก็ทำได้เพียงแค่ลังเล”
“เฉินตงคนที่อยู่ในคุกมืด ไปไหนเสียแล้ว?”
เฉินเต้าจูนหยิบเหล้าที่หลุมศพขึ้นมาดื่ม
“ยังอยู่ตลอดครับ แต่เมื่อคนเราอยู่ใต้ชายคา ก็จำเป็นที่จะต้องก้มหัว”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างหดหู่ : “ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนฆ่าคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ จึงได้ประกาศภารกิจลอบฆ่าผมกับองค์กรhidden killers ในดาร์กเว็บ อีกทั้งยังมีคนจงใจชักจูงการลอบฆ่า ทำให้มีนักฆ่าจำนวนมากแย่งกันหมายเอาชีวิตผม ผมไม่ยอมก็คงไม่ได้”
“ยอมเหรอ ? ตอนนายอยู่ในคุกมืดเคยยอมใครที่ไหนกัน !”
เฉินเต้าจูนยิ้มออกมาอย่างน่าเกรงขาม : “นายคนที่อยู่ในคุกมืดเสียดายชีวิต ต่อให้ต้องต่อสู้จนตัวตายก็ต้องออกมาจากคุกมืดให้ได้ นายในตอนนั้นไม่กลัวตาย นายกล้าที่จะต่อสู้อย่างสุดชีวิต นายเลือดร้อน แล้วตอนนี้ล่ะ ?”
“ผม……” เฉินตงพูดไม่ออก
บนตัวของเฉินเต้าจูนดูทรงพลังราวกับมีภูเขาลูกใหญ่อยู่
ทันใดนั้น
ความสง่างามและความเด็ดขาดเฉกเช่นภูเขาลูกใหญ่นั้น ก็ทำให้เฉินตงรู้สึกหายใจไม่ออก
“คนของตระกูลเฉินต้องเด็ดขาด ต้องไม่กลัวตาย! นายทำเช่นนี้ ถือว่าไร้สาระจริงๆ !”
เฉินเต้าจูนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เต็มไปด้วยความดุดัน : “ก็แค่องค์กรนักฆ่าลับๆ ในดาร์กเว็บ ทำให้นายลืมตัวตนตอนที่อยู่ในคุกมืดไปเลยเหรอ? นายยังทำตัวไร้สาระไม่พออีกเหรอ? พวกแมลงวันที่บินไปบินมาพวกนั้น ฆ่าเสียให้ตายกพอแล้วไม่ใช่หรือ ! คนที่รังแกนาย ใส่ร้ายนาย และต้องการจะฆ่านาย ก็แค่ฆ่าเสียให้สิ้นซาก ตัดรากถอนโคนทิ้งอย่าให้เหลือ ทำไมนายจะต้องมามัวแต่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่เช่นนี้ด้วย ?”
ฟึ่บ !
ยังไม่ทันจะพูดจบ
เฉินเต้าจูนก็โยนขวดเหล้าที่อยู่ในมือออกไป
ขวดแก้วลอยทะลุอากาศไป ราวกับกระสุนปืนใหญ่ พุ่งเข้าใส่พุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“โอ๊ย!”
มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังตามมา มีเลือดกระเซ็นออกมาจากในพุ่มไม้
ภาพนี้ ทำให้ทุกคนต่างตกใจจนหน้าถอดสี
เฉินเต้าจูนแสยะยิ้มออกมา : “นายดูสิ ฆ่าคนง่ายแค่นี้เอง !”