The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 349 ทางราชา ทางเผด็จการ ทางของผู้มีมนุษยธรรม
- Home
- The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา
- บทที่ 349 ทางราชา ทางเผด็จการ ทางของผู้มีมนุษยธรรม
ความเย็นที่ไม่สิ้นสุด ทำให้คนขนลุก
ใบหน้าของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินถอดสี หน้าตาบูดบึ้ง
คำพูดของเฉินเต้าหลิน เห็นได้ชัดว่ากำลังว่าเธอ
เฉกเช่นเดียวกันกับตอนนั้นที่อยู่ในลานป่าไผ่คลับสี่ยิ่น ได้บอกให้เธอไปตาย
เฉินเทียนเซิงกับเฉินเทียนฟ่างตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรนานแล้ว รู้สึกไม่ปลอดภัย ยืนแทบจะไม่อยู่
หวาดกลัวเหมือนคลื่นทะเล
เจ้าบ้านกล้าพูดเช่นนี้กับคุณหญิงใหญ่ แล้วพวกเขาสองคน อยู่ในสายตาของเจ้าบ้านจะเหลืออะไร?
ท่านหลงกับคุนหลุนตื่นเต้นดีใจมาก พวกเขาแอบกำหมัดอย่างลับๆ
เฉินตงยิ้มที่มุมปากของเขา และมองไปที่เฉินเต้าหลิน
ความรู้สึกที่มีพ่อคอยหนุนหลัง มันดีมากเลย
ความรู้สึกแบบนี้ เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
“ลูกผมเฉินตง ยอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาดูถูกรังแกทั้งนั้น”
เฉินเต้าหลินกล่าวด้วยคำพูดที่เย็นชา เหลือบมองอย่างเผด็จการ “ไม่ว่าใครก็มีความโกรธทั้งนั้น ลูกฉันต่อต้าน มันผิดตรงไหน? คุณน้าสาม หากคุณถูกประณามเหยียบหยามขนาดนี้ ยังจะยื่นคอให้คนอื่นฆ่าเหรอ?”
คำพูดทรงพลัง แสดงความสามารถที่มีออกมาให้เห็น
คุณหญิงใหญ่กัดฟันแน่น มีความรู้สึกเหมือนอยากจะกระอักเลือด
น้อยนักที่เธอจะถูกคนพูดจาแดกดันถึงขั้นนี้
ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเฉิน ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็อยู่อย่างสูงส่ง มีคนคอยล้อมหน้าล้อมหลัง
แม้แต่เฉินเต้าหลินในอดีต ก็ปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพ
ตอนนี้กลับเพราะเฉินตง มันจึงได้กลายเป็นแบบนี้
ริมฝีปากขยับไปมา คุณหญิงใหญ่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ก็เท่ากับยอมรับอย่างนัยๆ
เฉินเต้าหลินยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนคุณน้าสามก็ทนไม่ได้แล้ว ลูกชายผมไม่ได้ทำผิดเลย ทำถูกเสียด้วยซ้ำ!”
“เฉินเต้าหลิน!”
ในที่สุดคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ทนไม่ได้แล้ว “แก ที่แกพูดแบบนี้ เพราะจะลบล้างความผิดของไอ้ลูกสวะคนนี้ให้หมดจด แกในฐานะเจ้าบ้าน ในใจยังมีกฎระเบียบของตระกูลเฉินอยู่อีกหรือเปล่า?”
ตู๊ม!
เสียงดังขึ้นมาทันที
เฉินเต้าหลินตบฝ่ามือลงไปที่ราวจับวีลแชร์อย่างอุกอาจ “กฎระเบียบคนเป็นคนตั้งขึ้นมา ผมเฉินเต้าหลินเป็นเจ้าบ้าน แต่ผมไม่ใช่เต่าหัวหด คุณน้าสามเหยียบย่ำลูกผมจมดินขนาดนี้ ผมยังจะต้องเป็นเสือร้ายที่กินลูกอีกเหรอ?”
“วันนี้ ผมว่าลูกชายผมทำถูกต้อง มันก็คือถูก! คุณน้าสามมีอะไรไม่พอใจ อย่าไปลงที่เด็ก มาลงที่ผมให้หมด นานแล้วที่ไม่ได้ไหว้บรรพชน!”
“ไหว้บรรพชน” คำพูดประโยชน์ออกมา ทำให้ในเรือนเงียบเหมือนป่าช้าทันที
คำขู่ที่รุนแรง สาดออกมาโดยตรง
ทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเงียบไปจนได้
จากนั้น
เฉินเต้าหลินก็กวักมือ ตะโกนไปทางเฉินตง “ไอ้เด็กน้อย ยังอึ้งอยู่ทำไม? ไปกับพ่อ ครั้งต่อไปหากจะแก้แค้น อย่าลืมเรียกพ่อด้วย!”
“เข้าใจแล้วครับ คุณพ่อ”
เฉินตงยิ้มเยาะ ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาหายไป เหลือเพียงรอยยิ้มอันอบอุ่น
ขณะที่ตอบรับ เขากับท่านหลงและคุนหลุนก็รีบเดินตามเฉินเต้าหลินไป
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว
ในเรือน ยังคงเงียบเหมือนป่าช้า
เฉินเต้าหลินมาเร็ว และก็จากไปอย่างรวดเร็ว
แต่ได้แสดงพลังอำนาจที่น่ากลัวออกมา เผด็จการไม่มีใครเหมือน
กลับกดดันจนทุกคนหายใจไม่ออก ไม่มีคำพูดในการโต้เถียง
ครู่ใหญ่ๆ
“พันธุ์เลว! พ่อก็พันธุ์เลว ลูกชายก็พันธุ์เลว!”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกำหมัดแน่น ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง คำพูดได้ถูกบีบออกมาจากซอกฟัน “ตระกูลเฉิน ช้าหรือเร็วต้องพังย่อยยับอยู่ในมือของพันธุ์เลวสองคนนี้”
“คุณย่าใจเย็นๆครับ!”
เฉินเทียนเซิงรีบพูดปลอบ
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉนหันสายตาที่ดุร้ายมองไปทางเฉินเทียนฟ่าง “เทียนฟ่าง แกมันโง่ เมื่อกี้หากแกลั่นไกรเร็วหน่อย ฉันจะถูกไอ้พันธุ์เลวคนนี้กดขี่ถึงเพียงนี้หรือ?”
เฉินเทียนฟ่าง:“……”
เขาไม่ได้ตอบคำถามของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน แต่ได้ก้มหน้าให้ต่ำลง
คำตำหนิของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ทำให้เขากลัว แต่เขาเข้าใจดี หากเมื่อกี้เขาลั่นไกรเร็วกว่านี้ ตอนนี้เขาคงได้กลายเป็นศพไปแล้ว
เจ้าบ้านที่เผชิญหน้ากับใหญ่ยังกล้าพูดคำว่าไหว้บรรพชนออกมาได้ ซึ่งเป็นการข่มขู่อย่างเปิดเผย
เขาก็แค่คนตระกูลเฉิน แม้แต่ตำแหน่งผู้สืบทอดก็ไม่มี เจ้าบ้านอยากฆ่าเขา ก็ง่ายเหมือนกับการบดขยี้มด
ไปจากเรือนจิ้นซิน
เฉินตงรับวีลแชร์มาต่อจากฟ่านลู่ ค่อยๆเข็นเฉินเต้าหลินไปข้างหน้า
ตลอดทาง ไม่มีใครพูดเลย
ท่านหลงกับคุนหลุนเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ
“ฟ่านลู่ เธอตามหาเจ้าบ้านเจอได้ยังไง?” คุนหลุนกระซิบถาม
คฤหาสน์ตระกูลเฉินที่กว้างใหญ่ไพศาล คนที่มาครั้งแรก ไม่หลงทางก็นับว่าดีแล้ว อย่าว่าแต่จะตามหาเจ้าบ้านที่กำลังนอนรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตระกูลเฉินเพิ่งจะถูกโจมตี แม้ว่าตระกูลเฉินยังคงต้อนรับแขก แต่ระดับความปลอดภัยได้เพิ่มไปในระดับที่สูงที่สุด คนที่เข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเฉิน ไม่สามารถที่จะเดินตามอำเภอใจได้เลย
“มีคนพาฉันไป” ฟ่านลู่กะพริบตา ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน
“ใคร?” คุนหลุนตกตะลึง
ท่านหลงเหลือบตามามอง “คุนหลุน ฟ่านลู่ไม่สะดวกจะพูด นายก็อย่าถามให้มากความ ตระกูลเฉินผู้มากไปด้วยอำนาจบารมี คนส่วนใหญ่จะรังเกียจคุณชาย แต่ก็มีคนที่จิตใจดี อดไม่ได้ที่จะช่วยเหลืออย่างลับๆ”
คุนหลุนจึงเงียบ
และคำสนทนาสั้นๆนี้ ก็ได้เข้าไปในหูของเฉินตง
เขายิ้มอย่างเรียบเฉย
เคยได้ยินท่านหลงพูดนานแล้ว ความสัมพันธ์ในตระกูลเฉินมันซับซ้อน ดูผิวผืนเหมือนมีแต่เจ้าบ้านกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต่อสู้กัน เกรงว่าในที่ลับยังมีหลายพรรคหลายพวก
มีคนที่ช่วยคุณหญิงใหญ่ งั้นก็ต้องมีคนที่ช่วยคุณพ่อ
แม้กระทั่ง ต่อให้เป็นพวกตัวคนเดียว ไม่สนับสนุนฝ่ายใด ได้เข้ามาแทรกแซงในสถานการณ์เมื่อกี้ มันก็สมเหตุสมผล
เพียงแต่ การมาของคุณพ่อ สุดท้ายก็ได้คลี่คลายปัญหาที่ใหญ่หลวงของเมื่อกี้
ทันใดนั้น
“ตงเอ๋อ หากพ่อมาช้ากว่านี้ ดาบเมื่อกี้ นายจะฟันมันลงไปมั้ย?”
เฉินตาหลินที่แววตาลึกๆ ราวกับครุ่นคิด เอ่ยปากถาม
เฉินตงลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “เมื่อก่อนไม่ฟัน ตอนนี้ทำฟัน”
เมื่อก่อน? ตอนนี้? เฉินเต้าหลินสงสัย
เฉินตงยิ้มๆ “เมื่อก่อนผมแค่อยากจะก้าวเข้ามาในตระกูลเฉินอย่างสง่าผ่าเผย ผมมองโลกในแง่ดีเกินไป หากเป็นผมในอดีต บางทีวันนี้แม้แต่ประตูของตระกูลเฉินผมก็คงไม่เข้ามา!”
“ตอนนี้…….มีคนบอกเหตุผลกับผม คนรวยล้วนเป็นปีศาจร้ายที่อยู่ใต้ผิวหนังมนุษย์ หากต้องการเอาชนะพวกมัน ก็ต้องชั่วร้ายกว่าพวกเขา หรือพูดว่าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ”
ความเย็น แทรกซึมเข้าสู่กระดูกโดยตรง
ได้ยินเช่นนี้
เฉินเต้าหลินกลับยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่โล่งใจออกมา
หลายวินาทีต่อมา เขาเลิกคิ้วถาม “ลุงเต้าจูนเป็นคนสอนลูกเหรอ?”
โครม!
ร่างกายของเฉินตงกระตุกไปหนึ่งที เอ่ยปากถาม “คุณพ่อรู้ได้อย่างไรครับ?”
เฉินเต้าหลินยกมือขึ้น ถูไปที่จมูกของเขา รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งอยู่ยิ่งลึกขึ้น
“มันคือหลักการปฏิบัติของลุงเต้าจูนของลูก คงจะบรรยายถึงตระกูลเศรษฐีได้เหมาะเจาะมาก แต่มันก็สุดโต่งเกินไป อย่างไรก็ตามการมองสุดโต่งแบบนี้ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของลูก มันเหมาะสมที่สุด จุดนี้ พ่อเทียบลุงเต้าจูนของลูกไม่ได้เลย”
เฉินตงลังเลไปหลายวินาที กลอกตาไปหนึ่งที
ก็ถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น “แล้วคุณรู้สึกว่าผมควรจะทำอย่างไร?”
“ในใจต้องมีความชอบธรรม ต้องมีความทะเยอทะยานที่ไม่แสดงออกมา มีแสงสว่างในดวงตา เมื่อเดินในเส้นทางราชา(คือการปกครองด้วยความมีเมตตากรุณา) ก็ต้องมีความเผด็จการ และต้องไม่ทิ้งทางมนุษยธรรม(มีเมตตากรุณา)” เฉินเต้าหลินกล่าวอย่างจริงจัง
เฉินตงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดแล้วก็ยังมีค่อยเข้าใจอยู่ดี
“คุณพ่อครับ อะไรคือเส้นทางราชา? อะไรคือเผด็จการ? อะไรคือทางของผู้มีมนุษยธรรม?”
เฉินเต้าหลินยิ้มเล็กน้อย
เขาพูดอย่างลึกซึ้ง “หากคู่ต่อไม่สู้ซื่อสัตย์ ก็เหยียบข้ามจากตัวเขา คือเส้นทางของราชา หากคู่ต่อสู้ซื่อสัตย์ ก็ต้องเหยียบข้ามไป คือเส้นทางความเผด็จการ ก่อนที่จะเหยียบข้าม ก็พูดก่อน มันเป็นหนทางของผู้มีมนุษยธรรม!”