The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 355 ความมั่นใจของเฉินตง
ระหว่างทางกลับคฤหาสน์หลัก
พวกของท่านหลงทั้งสามคน สังเกตได้ถึงความผิดปกติของเฉินตงและเฉินเต้าหลิน หลังออกมาจากห้องอภิปราย
แต่ทั้งสามก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม
ด้วยฐานะแล้ว ไม่ควรถาม
ใบหน้าของเฉินเต้าหลินเย็นชา แววตาดูลึกซึ้ง
เฉินตงที่กำลังเข็นรถเข็นอยู่นั้น ก็หรี่ตาลงด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมเช่นกัน
ระยะเวลาหนึ่งปี เป็นเวลาที่สั้นจริงๆ
โครงการหลายอย่างของเขา เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน รวมไปถึงภารกิจลอบฆ่าขององค์กรhidden killers ก็ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อเทียบกับผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ ของตระกูลเฉินแล้ว เขายังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องเดิน
ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหน แต่ไม่อาจขจัดความพยายามของผู้อื่นที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปี หลายสิบปี ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้นได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเป็นผู้สืบทอดมรดกระดับหัวกะทิ ที่ถูกตระกูลเฉินฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินบีบบังคับให้พ่อกำหนดเวลา “หนึ่งปี” เห็นได้ชัดว่าเป็นการโจมตีเขา
แต่ต่อให้รู้ดี ก็ไม่อาจโต้แย้งได้
เพราะพ่อใช้ประโยชน์จากการบีบบังคับ เพื่อควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไปแล้ว
ถ้าหากตอนนี้ ยังไม่ยอมถอยแม้เพียงครึ่งก้าวอีก สถานการณ์อาจนำมาซึ่งความไม่พอใจของสมาชิกระดับสูงของตระกูลเฉินได้ ถึงขั้นอาจทำให้เกิดการต่อต้านขึ้นมา
เฉินตงรู้สึกหดหู่ภายในจิตใจ ระยะเวลาเพียงหนึ่งปี จะเพียงพอจริงหรือ?
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์หลัก
ในที่สุดเฉินเต้าหลินก็เอ่ยปากพูด
“ตงเอ๋อ ลูกจะโทษพ่อไหม?”
เฉินตงส่ายหัว ถึงแม้เขาจะรู้สึกหดหู่ แต่ก็ยังส่ายหัวแล้วพูดว่า “เป็นการใช้ทั้งบุญคุณและการข่มขู่ในเวลาเดียวกัน นี่ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต้องการเล่นงานผม การกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีก็เพื่อที่จะโจมตีผม ถ้าหากพ่อยังไม่ยอมอ่อนข้อให้ อาจทำให้สถานการณ์ที่ดี ต้องพังทลายลงไปกับตาก็ได้”
แววตาของเฉินเต้าหลินสั่นคลอน และเปล่งประกายออกมา
เขามองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีชื่นชมออกมา
สามารถมองทุกอย่างออกได้ถึงขั้นนี้ สมแล้วที่เป็นลูกชายของเฉินเต้าหลิน
“ลูกไม่โทษพ่อก็ดีแล้ว” เฉินเต้าหลินถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “เห็นได้ชัดว่ายัยแก่นั่น จงใจที่จะใช้กลอุบายเล่นงานเราสองพ่อลูก โดยอ้างชื่อของบรรพบุรุษ รวมไปถึงผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวโยงกันภายในตระกูล กำหนดเวลาหนึ่งปีนี้ หากพ่อไม่รับปากก็คงไม่ได้”
เฉินตงยังคงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร แต่ในใจนั้นรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
กลอุบายนั้นไม่น่ากลัว แต่ความกลัวนั่นแหละคือกลอุบาย
เมื่อเผชิญหน้ากับกลอุบาย อย่าคิดที่จะทำอย่างอื่นนอกจากพุ่งเข้าชน
“นายท่าน กำหนดเวลาหนึ่งปีคืออะไรหรือครับ?” ท่านหลงฟันจนรู้สึกสับสน จึงเอ่ยปากถาม
เฉินเต้าหลินยิ้มออกมาอย่าหดหู่ แต่ไม่ได้พูดตอบ
เฉินตงพูดว่า “ในห้องอภิปราย คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน คิดที่จะใช้เรื่องที่ฉันจะฆ่าเธอ มาเป็นเหตุผลในการจัดการกับฉัน แต่พ่อกลับควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ แต่ก็ถูกคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน บีบบังคับให้รับปากเรื่องการแต่งตั้งเจ้าบ้านคนต่อไป ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบห้าสิบปี ซึ่งก็คือหนึ่งปีหลังจากนี้”
“หนึ่งปี?!”
ท่านหลงหน้าถอดสีทันที
คุนหลุนและฟ่านลู่เอง ก็รู้สึกตกใจพร้อมกัน
“ระยะเวลาหนึ่งปีจะไปพอได้อย่างไร?”
ท่านหลงประสานมือทั้งสองข้างไว้แน่น แล้วพูดด้วยความโมโห “ผู้สืบทอดมรดกเหล่านั้น มีใครบ้างที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน? บางคนถึงขั้นมีประสบการณ์เกือบสิบปี แล้วเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี นี่มันเป็นการไม่ยุติธรรมต่อคุณชายชัดๆ!”
ตั้งแต่ที่นายท่านสั่งให้เขาออกตามหาคุณชายกลับมา และให้คุณชายเข้ามารับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก เพิ่งจะกินเวลาไปแค่ไหนกัน?
ต่อให้มีเวลาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี คิดไปคิดมาก็ยังไม่ถึงสองปี ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่นี้ ไม่สามารถทำให้คุณชายเติบโตได้เลย
ด้วยระยะเวลาแล้ว คุณชายถือว่าเสียเปรียบอย่างมาก!
ความเป็นเลิศทุกด้าน ต้องอาศัยเวลาในการสั่งสม
ด้วยอายุของท่านหลงแล้ว เขาอยู่รับใช้ตระกูลเฉินมาเป็นเวลานาน เรื่องนี้เขาจึงมองออกอย่างชัดเจน
เฉินเต้าหลินสีหน้ามืดหม่น เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?
แต่เป็นเพราะไม่มีทางเลือก!
ในฐานะเจ้าบ้าน มีอำนาจในการควบคุมทุกอย่าง แต่ก็ถือเป็นตำแหน่งที่ตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคนเช่นกัน
โดยปกติแล้ว เขาสามารถฉวยโอกาสจากผู้ที่คิดร้ายได้ แต่ถ้าหากบีบบังคับทุกคนให้ต้องจนมุม สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะกลายเป็นการต่อต้านอย่างหัวชนฝา
ต่อให้เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน จะไม่กลัวก็คงไม่ได้!
“นายท่าน ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือครับ?”
คุนหลุนเองก็ร้อนใจ “มีเวลาแค่หนึ่งปี นี่มันเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับคุณชาย นี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการกีดกันคุณชายออกไป หลังจากหนึ่งปีให้หลังนี้”
ทว่า
ทันทีที่พูดจบ
ก็มีน้ำเสียงเย็นชาที่ฟังดูแน่วแน่มั่นคงดังขึ้น
“หนึ่งปีก็พอแล้ว!”
เปรี้ยง!
เสียงราวกับฟ้าผ่า ถึงแม้จะเป็นน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ
พวกของเฉินเต้าหลินและท่านหลง ค่อยๆ หันไปมองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ
เฉินตงในตอนนี้ ยืนตัวตรงตระหง่าน แววตาเต็มไปด้วยประกายแวววาว กลับไม่มีความไม่พอใจและสับสนหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่มีอยู่กลับเป็นแววตาที่เฉียบแหลมและความมุ่งมั่น ดูราวกับดาบคมที่ชักออกมาจากฝัก
หนึ่งปี……เพียงพอจริงๆ หรือ?
“ในเมื่อเขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี ก่อร่างสร้างตัวมาได้ถึงขั้นนี้ หากให้เวลาเขาเพิ่มอีกหนึ่งปี ก็คงจะเพียงพอแล้ว!”
แววตาของเฉินตงเฉียบคม ดูราวกับมีรัศมีเปล่งปลั่งออกมา ทั้งยิ่งใหญ่และทรงพลัง
ตอนนี้ ดูเหมือนทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องเล็กในสายตาเขา
ทุกคนต่างหันไปมอง
จะเรียกว่าเป็นความบ้าระห่ำก็ได้
เมื่อได้ยิน
“ดี! ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายของฉัน เฉินเต้าหลิน ความกล้าหาญขนาดนี้ก็เพียงพอแล้ว!” เฉินเต้าหลินพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
ท่านหลง คุนหลุนและฟ่านลู่เอง ต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อรับรู้ได้ถึงการมองสถานการณ์อย่างประมาทของเฉินตง ทำให้ทั้งสามคนอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ!
เฉินตงลูบจมูก แล้วยิ้มออกมาอย่างเฉยเมย “ฉันรู้ดีว่าพวกนายกังวลเรื่องอะไร แต่สิ่งที่ฉันกังวลตอนนี้ก็คือ หนึ่งปีหลังจากนี้ ตอนที่ฉันและผู้สืบทอดมรดกทั้งหมดส่งกระดาษคำตอบ พวกของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน จะกล้ารับกระดาษคำตอบฉบับนี้ของฉันหรือไม่!”
ความมั่นใจอย่างยิ่งยวดนี้ แม้กระทั่งเฉินเต้าหลินเองก็ยังรู้สึกตกใจ
เขาอดไม่ได้ที่จะตบขาไปหนึ่งฉาด “มีพ่ออยู่ ขอแค่กระดาษคำตอบของตงเอ๋อนั้นยอดเยี่ยมมากพอ หากพวกเขาคิดจะไม่ยอมรับ ก็ไม่อาจทำได้!
“ได้ยินพ่อพูดเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้ว!”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน เขาดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “พ่อครับ ผมควรจะไปได้แล้ว ไม่ว่าลุงเต้าจูนจะยกเลิกภารกิจลอบสังหารขององค์กร hidden killers ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้เมื่อมีเวลาจำกัดเพียงหนึ่งปี ผมก็ควรที่จะต้องกลับไปได้แล้ว!”
“ระวังตัวด้วย!”
เฉินเต้าหลินเองก็ไม่คิดจะรั้งไว้
อันที่จริงแล้ว ตอนนี้เฉินตงเองก็ตกเป็นเป้าโจมตีของตระกูลเฉิน
หากรั้งเอาไว้ ชะตาชีวิตก็จะเปลี่ยน
เมื่อไหร่ที่เฉินตงสามารถส่งกระดาษคำตอบที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ แล้วค่อยเหยียบเข้ามาในตระกูลเฉินอีกครั้ง เขาเชื่อว่า ทุกคนที่จ้องจะโจมตี จะต้องเปลี่ยนเป็นจ้องจะเข้ามาห้อมล้อมอย่างแน่นอน!
นี่คือความมั่นใจที่มากที่สุด ที่พ่อคนหนึ่งจะมีให้แก่ลูกชายได้
เมื่อจัดกระเป๋าเรียบร้อย เฉินตงก็พาพวกของคุนหลุนทั้งสามคนไปบอกลาพ่อ และเตรียมตัวกลับ
เพียงแต่ตอนที่เฉินตงก้าวออกมาจากคฤหาสน์ของเจ้าบ้าน จู่ๆ เฉินตงก็หยุดฝีเท้า
และเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นนัย “พ่อครับ ฐานะของคุณหญิงใหญ่ในตระกูลเฉิน ยากที่จะสั่นคลอนจริงๆ หรือครับ?”
เฉินเต้าหลินใจลอยไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “สั่นคลอนคุณหญิงใหญ่นั้นง่าย แต่สั่นคลอนคนที่หนุนหลังเธอนั้นยาก!”
หนุนหลัง?!
เฉินตงลูบจมูก แววตาลึกซึ้ง “เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
หากเพียงเพราะกฎระเบียบของครอบครัว ด้วยวิธีการของพ่อที่ใช้ในห้องอภิปรายก่อนหน้า หากต้องการที่จะจัดการกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจริงๆ ก็ไม่ถือว่าง่ายเสียทีเดียว
ถึงแม้ทุกครั้งที่พ่ออยู่ต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน จะแสดงความแข็งแกร่งออกมา แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ถูกคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินควบคุมเอาไว้ได้ทุกครั้ง
เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้สูงส่ง แต่กลับถูกคุณหญิงใหญ่แก่ชราคนหนึ่งควบคุมเอาไว้ ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระเล็กน้อย
ไม่ทันถามอะไรมาก เฉินตงก็เดินจากไป
เมื่อเห็นเฉินตงเดินจากไปแล้ว แววตาของเฉินเต้าหลินก็ลึกซึ้ง ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ
“ตระกูลมั่งคั่ง ต่อให้เป็นตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ก็ง่ายดายเหมือนอย่างที่ลูกคิด”
พักใหญ่ เฉินเต้าหลินก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “หลานเอ๋อ โทษที่ผมเป็นพ่อที่ไม่ดี ผมสู้คุณไม่ได้….