The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 395 ไปแล้วย้อนกลับ
เช้าวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
เฉินตงทำตัวว่างหนึ่งวัน โดยไม่ยอมไปบริษัท
เขาใช้ข้ออ้างที่ฟังดูดีว่าจะย้ายบ้าน
แต่อันที่จริงแล้วเขาต้องการอยู่เป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่ง
เวลาตั้งครรภ์ หากสามีมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนได้จะช่วยลดอาการโรคซึมเศร้าของสตรีที่ตั้งท้องได้
เฉินตงไม่รู้ว่าคำพูดนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับความต้องการที่จะอยู่เป็นเพื่อนภรรยาของเขา
ในความคิดของเขา หากสามารถเฝ้ามองท้องของกู้ชิงหยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ได้ และสัมผัสถึงร่องรอยของอีกชีวิตที่อยู่ในครรภ์ นั่นถือเป็นเรื่องที่สวยงามและมีความสุขมากสำหรับเขา
ตอนเช้าตรู่
ท่านหลงกับคุนหลุนได้จัดเตรียมรถเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้าเดินทางกลับไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน
บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่ได้กลับมาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานนานแล้ว ทุกคนจึงต่างพากันอารมณ์ดี
เป็นความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน
แม้ว่าการอาศัยอยู่ที่คลับสี่ยิ่นจะสะดวกสบาย เพราะท่านเมิ่งดูแลทุกอย่างอย่างเรียบร้อยก็ตาม
แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความเป็น “บ้าน”
อาจจะมีเพียงคนที่เคยมีบ้านเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าบ้านมีคุณค่ามากขนาดไหน
ขบวนรถยาวเหยียดได้เคลื่อนตัวมาถึงเขตวิลล่าเขาเทียนซาน
เมื่อเห็นภาพบรรยากาศรอบๆ ที่กลับมามีสภาพเหมือนอย่างในตอนแรก เฉินตงพลันรู้สึกจิตใจล่องลอย
“คุนหลุน ยังจำเหตุการณ์คืนนั้นได้ไหม”
คุนหลุนพยักหน้า “หากไม่ได้คุณชาย พวกเราทั้งกลุ่มคงจบเห่กันไปหมดแล้วแน่ๆ”
จบเห่กันทั้งกลุ่ม ไม่ได้เป็นคำที่ตั้งใจเอ่ยออกมาเพื่อยกยอเฉินตง
แต่มาจากประสบการณ์การต่อสู้จริงที่เคยเป็นแม่ทัพทหารมาหลายปีในสนามรบนับครั้งไม่ถ้วน
เหตุการณ์ในวันนั้น กองกำลังการ์ดทั้งหมดถูกการโจมตีของทหารรับจ้างเดดพูลห้อมล้อมเอาไว้ทั้งหมด
หากไม่ใช่เพราะเฉินตงขับรถฝ่าโจมตีขบวนของเหล่าทหารรับจ้างเดดพูล คนที่อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นทั้งหมดคงจะไม่เหลือรอดเลยสักชีวิต!
“อย่าชมผมเยอะเลย คืนนั้นผมก็แค่อยากช่วยพวกคุณเท่านั้น” เฉินตงขำตัวเอง “ผมไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น”
“ถึงคุณชายไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ประสบความสำเร็จมาก สามารถช่วยการ์ดคนอื่นๆ ที่เหลือเอาไว้ได้” คุนหลุนยิ้มตาม
เฉินตงขยี้จมูกก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “โจวเย่นชิวจัดการทุกอย่างได้ละเอียดรอบคอบมาก ของทุกอย่างที่โดนทำลายกลับคืนเหมือนอย่างในตอนแรก ดูเหมือนว่าไม่เคยเกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่เลย”
ระหว่างที่พูดคุยกัน
ขบวนรถก็ขับมาถึงประตูใหญ่ของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน และการ์ดของเขตวิลล่าก็ออกมาขวางเอาไว้
การ์ดทั้งสองคนเดินเข้ามาสอบถามด้วยท่าทางสุภาพและเป็นมิตรอย่างยิ่ง
เพราะขบวนรถที่มีรถมากกว่าสิบคัน ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
“ท่านผู้นี้คือคุณชายเฉินตงของพวกเรา พวกเราคือเจ้าของเขตวิลล่าแห่งนี้”
ท่านหลงเอ่ยมาดนิ่ง
หลังจากผ่านเหตุการณ์ทหารรับจ้างมาแล้ว การที่เขตวิลล่ายกระดับการรักษาความปลอดภัยของการ์ดขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
หากถามการ์ดคนอื่นที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ อาจจะไม่เข้าใจคำพูดของท่านหลง
แต่โชคดีที่การ์ดสองคนนี้คือการ์ดคนเดียวกับการ์ดที่เข้าเวรเมื่อคืน
เมื่อได้ยินคำว่า “เฉินตง” สองคำนี้
อากัปกิริยาของทั้งสองก็เปลี่ยนไปทันที หัวใจของพวกเขาเต้นกระหน่ำ
สายตาของพวกเขาแอบเหลือบมองไปยังเฉินตงที่นั่งอยู่เบาะแถวหลัง
“เอ๊ะ?”
ท่านหลงเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจ จากนั้นเอ่ยเสียงแข็ง “คุณชายของตระกูลเราใช่คนที่พวกแกอยากจะมองก็มองได้งั้นรึ?”
การ์ดทั้งสองตกใจกลัว รีบหลบสายตาไปทางอื่นทันที
จากนั้นจึงปล่อยขบวนรถเข้าไปโดยไม่มีพิธีรีตองใดๆ ต่อจากนนั้นอีก
เพราะว่าพวกเขารู้ดี ตัวตนของบุคคลที่เป็นรายชื่อลับในเขตวิลล่าแห่งนี้ เบื้องหลังจะต้องมีเส้นสายที่ใหญ่โตอย่างแน่นอน
มดปลวกอย่างพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้พวกเขาทำตามขั้นตอนที่ยุ่งยากอย่างแน่นอน
เมื่อขบวนรถเข้าไปด้านใน
เฉินตงขยี้จมูกแล้วยิ้ม “ท่านหลง พวกการ์ดเขาก็ลำบากนะ ท่านจะขู่พวกเขาทำไม สองคนนั้นหน้าตาไม่คุ้น คงจะเพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน”
“ก็เพราะว่าหน้าไม่คุ้น กระผมจึงต้องทำแบบนี้”
ท่านหลงยิ้มอย่างเมตตา แววตาของเขาวับไหว “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วิลล่าเขาเทียนซานร้ายแรงขนาดนั้น คุณชายรอดพ้นจากความตายมาได้ แต่ก็เปรียบเหมือนเป็นการเปิดสัญญาณเตือนภัย ดังนั้นจะไม่ป้องกันเลยไม่ได้”
เฉินตงยิ้มแล้วไม่เอ่ยอย่างอื่นต่ออีก
ความสำเร็จอย่างยาวนานที่เกิดมาจากความรอบคอบ จำเป็นต้องจัดการเช่นนี้
ประตูใหญ่เขตวิลล่า
การ์ดทั้งสองมองตามขบวนรถที่แล่นเข้าไปอยู่พักใหญ่กว่าจะหลุดจากภวังค์
“นี่คือคุณเฉินที่ลูกพี่บอกใช่ไหม? ยังวัยรุ่นอยู่เลย!”
“ใช่ๆ!”
การ์ดอีกคนสมทบพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วถามขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน ต้องเล่าให้คุณเฉินฟังด้วยไหม?”
“เกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ พวกเขากลับไปแล้ว ต่อไปคงไม่มาที่นี่อีก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ ไม่ต้องใส่ใจมากจะดีกว่า”
วิลล่าได้ถูกฟื้นฟูกลับมาดังเดิมแล้ว
ทุกซอกทุกมุมถูกซ่อมแซมอย่างประณีต ไม่เพียงไร้จุดแตกต่าง แต่ยังดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ
“คุณชายครับ โจวเย่นชิวจัดการได้ดีมาก คราวนี้นอกจากจะปรับปรุงซ่อมแซมวิลล่าอย่างดีแล้ว ยังเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้นด้วย” ท่านหลงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“เขาค่อยๆ กลายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้ว” เฉินตงพูดคำพูดแปลกประหลาดออกมา และนึกถึงเรื่องในตอนนั้นที่โจวเย่นชิวเอ่ยยกยอเฉินเทียนเซิง
คนทั้งหมดลงรถและเริ่มขนของ
แน่นอนว่า งานงานนี้เป็นงานของคุนหลุนกับฟ่านลู่
เฉินตงยืนอยู่ด้านข้าง เขาโอบเอวของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้แล้วมองดูรอบตัวอย่างเงียบๆ
แต่สายตาของเขาดันเหลือบไปเห็นเสื้อตัวน้อยที่อยู่ตรงอกของกู้ชิงหยิ่งจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “มันก็แค่ไหมกองหนึ่ง เสื้อผ้ายังไม่ทันจะถักเสร็จ คุณจะทะนุถนอมขนาดนี้ไปทำไม?”
“ไร้สาระ!”
กู้ชิงหยิ่งหันไปค้อนใส่เฉินตงอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่คือเสื้อผ้าของลูกเรานะ แถมเป็นชุดตัวแรกที่ฉันถักได้ใหญ่ขนาดนี้ ต้องทะนุถนอมเป็นธรรมดา”
“ได้ๆๆ คุณทะนุถนอมเสื้อผ้า ผมทะนุถนอมคุณ” เฉินตงฉีกยิ้ม
ใบหน้าเรียวของกู้ชิงหยิ่งเริ่มแดงระเรื่อ เธอลดเสียงลง “คนเยอะแยะอยู่แถวนี้ ไม่รู้จักอาย”
“ผมจะพูดจาหวานๆ กับเมีย พวกเขาจะมีปัญหาอะไร?”
เฉินตงยืดอกอย่างภาคภูมิแล้วกล่าวต่ออย่างได้ใจว่า “คุนหลุนกับฟ่านลู่กำลังวุ่นวายเรื่องย้ายของ ท่านหลงก็คอยสั่งการอยู่ เขาอายุเยอะขนาดนี้แล้ว หูของเขาคงใช้งานได้ไม่ดีเท่าไหร่ คงจะไม่ได้ยินหรอก”
“อะแฮ่ม…”
สิ้นเสียงพูดไม่นาน ท่านหลงที่กำลังออกคำสั่งอยู่ก็กระแอมออกมาแล้วหันไปเอ่ยอย่างเศร้าๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ กระผมได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน”
เฉินตง “…”
เพี๊ยะ!
กู้ชิงหยิ่งอายจนก้มหน้างุด เธอแอบสอดมือด้านขวาของเธอเข้าไปตรงเอวของเฉินตงแล้วหยิกอย่างแรง
และในเวลาเดียวกันนี้
บนถนนรอบเขา
รถแท๊กซี่คันหนึ่งกำลังขับมุ่งหน้าไปทางเขตวิลล่าเขาเทียนซานด้วยความเร็วจี๋
บนรถ
สายตาของหวางเต๋อมืดมน ท่าทางของเขากำลังคล้ายตกอยู่ในภวังค์
ข้างกายเขา
จางซิ่วจือกำลังบ่นด่าไม่หยุด
“ฉันว่าเมื่อคืนพวกเราสองคนต้องถูกหมาเฝ้าประตูสองตัวนั่นหลอกแน่ๆ วิลล่าเขาเทียนซานราคาแพงเป็นร้อยล้าน คนเส็งเคร็งอย่างเฉินตงจะย้ายออกไปดื้อๆ ได้ยังไง”
“เป็นเพราะเศษสวะทึมทื่อไร้ความรู้สึกอย่างแก ถ้าตอนนั้นแกไม่ห้ามฉัน ฉันคงบุกเข้าไปรื้อบ้านแล้ว”
“แกมันไม่ได้เรื่อง เศษสวะ ชีวิตจางซิ่วจือช่างโชคร้ายจริงๆ ถึงต้องมาเจอเรื่องราวเฮงซวยแบบนี้ วันนี้จะต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตาให้ได้!”
เสียงพูดไม่ขาดสายทำเอาคนขับแท๊กซี่ขมวดคิ้ว
เขามองหวางเต๋อผ่านกระจกหลัง และพูดแซวเล่นว่า
“พี่ชายใจเย็นมากเลย จะต้องเป็นคนรักเมียมากแน่ๆ”
“แล้วมาเสือกอะไรด้วย?” จางซิ่วจือถลึงตาตวาดด่าออกไป
คนขับรถหัวเราะ แล้วไม่ต่อปากต่อคำอีก
“เขาก็แค่ล้อเล่นเฉยๆ เธอจะอะไรนักหนา?”
สายตาของหวางเต๋อเริ่มกลับมามีโฟกัสขึ้นบ้าง “เขาก็บอกว่าย้ายไปแล้ว ทำไมเธอจะต้องทำแบบนี้ด้วย และอีกอย่าง พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาแล้ว!”
เพี๊ยะ!
จางซิ่วจือตบหน้าหวางเต๋อเต็มแรง “มันเรื่องของฉัน แกมาเกี่ยวอะไรด้วย? แกพูดอย่างนี้ แสดงว่าแกมีวิธีทำให้พวกทวงหนี้ไม่มาทวงเงินคืนได้งั้นเหรอ ต้องหาเงินมาใช้หนี้อีกตั้งหลายแสน ถ้าฉันต้องกระโดดตึกตาย ฉันจะลากแกกระโดดลงไปด้วย!”