The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 396 ร้ายกาจไม่เคยเปลี่ยน
ตลอดทาง ในรถเต็มไปด้วยเสียงก่นด่าของจางซิ่วจือ
แววตาของหวางเต๋อกลับไปมืดมนอีกครั้ง เขาจมอยู่ในภวังค์ คล้ายวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว
คนขับแท็กซี่เองก็รีบเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วขึ้น หูของเขาจะได้เงียบสงบลงเสียที
เอี๊ยด!
รถแท๊กซี่หยุดลงหน้าประตูใหญ่ของเขตวิลล่า
จางซิ่วจือลากหวางเต๋อลงมาจากรถแล้วหันไปบอกคนขับรถว่า “แกรอพวกเราอยู่ตรงนี้ก่อน อีกเดี๋ยวค่อยคิดเงินทีเดียว พวกเราต้องนั่งรถกลับด้วย”
“เจ๊จ่ายของเที่ยวนี้มาก่อนดีกว่า ส่วนขากลับค่อยว่ากันใหม่” คนขับรถแท๊กซี่ตอบ
“ถุย! ไอ้ประสาท เมื่อคืนฉันเพิ่งโดนหลอกมา เห็นว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง ไอ้พวกคนขับรถใจดำถึงเอาแต่หลอกฉันอยู่เรื่อย?”
จางซิ่วจือถ่มน้ำลายใส่พื้น “ถ้าฉันให้เงินแก แกก็คงไสหัวไปทันที รออยู่ที่นี่แหละ ฉันอยู่ที่เขตวิลล่านี้ได้ จะมีปัญหาอะไรกับเงินเล็กน้อยแค่นี้”
คนขับรถแท็กซี่เอือมระอา จึงไม่โต้ตอบ
เพราะเขาคิดจะรับเงินแล้วหนีไปให้พ้นจริงๆ
ส่วนคำพูดของจางซิ่วจือนั้น เขาไม่ใส่ใจเลยสักนิด
คนที่อยู่ในเขตวิลล่านี้มีหรือที่จะนั่งรถแท๊กซี่?
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวที่จางซิ่วจือบ่นด่ามาตอนอยู่บนรถ เขาก็ได้ยินทุกอย่างเต็มสองรูหู
ตอนนี้เขาจึงหวังอยากจะเคลียร์ค่ารถเที่ยวที่แล้วให้จบๆ
จางซิ่วจือลากหวางเต๋อเดินไปยังประตูใหญ่ของเขตวิลล่า
เธอเชิดหน้าก้าวอาดๆ เข้าไปอย่างรวดเร็ว
ราวกับไม่เห็นหัวการ์ดของวิลล่า
“คุณผู้หญิง หยุดก่อน!”
การ์ดรีบเดินออกมารับและขวางทางจางซิ่วจือกับหวางเต๋อเอาไว้
เพี๊ยะ!
ดวงตาของจางซิ่วจือแดงก่ำขึ้นแล้วยกมือขึ้นตบหน้าการ์ด “ไอ้หมาเฝ้าประตู คิดจะขวางเจ้าของบ้านของแกหรือไง? ไสหัวไป!”
ฝ่ามือนั้นทำให้การ์ดมึนงง เริ่มงานมาได้ไม่กี่วัน ได้พบเจอเจ้าของบ้านในวิลล่ามาก็ไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนแบบนี้
“ขอโทษด้วยครับคุณผู้หญิง ผมแค่ทำตามหน้าที่”
การ์ดพยายามฝืนกลั้นความรู้สึกและก้มหน้าขอโทษ
“เก็บไว้พูดกับแม่แกเถอะ!”
จางซิ่วจือยกมือเท้าเอว “วันนี้ฉันจะต้องเข้าไปข้างในให้ได้ เทวดาหน้าไหนก็ห้ามไม่ได้ทั้งนั้น!”
หยาบคาย ไร้มารยาท ไม่สนใครหน้าไหน
แต่ยังไม่ทันจะลงมือตบอีกครั้ง หวางเต๋อก็เข้ามาขวางเอาไว้
“เธอพูดดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง ทำไมนับวันนิสัยยิ่งน่ารังเกียจแบบนี้?”
จางซิ่วจือเลิกคิ้วหันกลับไปถลึงตามองหวางเต๋อ “แกห้ามฉันอีกแล้วหรอ”
เสียงโหวกเหวกโวยวาย ทำให้เจ้าของบ้านในวิลล่าที่ผ่านเข้าออก และการ์ดคนอื่นๆ เริ่มได้ยิน
และหนึ่งในนั้นก็คือการ์ดที่เข้าเวรเมื่อคืน
“ดวงซวยจริงๆ ไปแล้วแล้วจะกลับมาทำไมอีก?”
การ์ดบ่นพึมพำและรีบสาวเท้าออกไปด้านหน้าแล้วโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ “พวกคุณมาอีกทำไม รีบไปซะ คิดว่าวิลล่าของพวกเรา ใครคิดอยากจะเข้าก็เข้ามาได้งั้นเหรอ?”
เมื่อคืนเขาพอรู้เรื่องคร่าวๆ มาจากลูกพี่บ้างแล้ว
ดังนั้นตอนนี้ การ์ดผู้นี้จึงไม่ไว้หน้าจางซิ่วจืออีก
มนุษย์ป้าที่ท่าทางเหมือนคนบ้า แค่เขาไม่ลงไม้ลงมือก็ถือว่ามีมารยาทมากแล้วสำหรับเขา
ทว่า
จางซิ่วจือกลับไม่แยแส แผดเสียงออกไปอีก “นี่หมาเฝ้าประตูอย่างแกเริ่มนิสัยเสียขึ้นแล้วหรอ เมื่อคืนก็เป็นแกใช่ไหม ฉันก็รู้สึกว่าเมื่อคืนมันมีอะไรแปลกๆ ที่แท้หมาเฝ้าประตูอย่างแกรู้จักหลอกเจ้านายด้วยเหรอ?”
“คุณ…” การ์ดโมโหจนหน้าแดงก่ำ
ไม่รอให้ทันได้ตอบโต้ จางซิ่วจือก็แสยะยิ้มออกมาอย่างน่าสยดสยอง “เอาล่ะ ถ้าแกไม่ยอมให้เจ้านายเข้าไป อย่างนั้นแกก็เข้าไปลากไอคนเส็งเคร็งเฉินตงออกมา! มันนอนกับลูกสาวฉันฟรีๆ มาสามปี วันนี้ฉันจะให้มันชดใช้!”
นอนฟรี?!
หวางเต๋อถลึงตาด้วยความเดือดดาล
คำพูดเช่นนี้ เป็นคำพูดที่คนเป็นแม่ใช้พูดถึงลูกสาวตัวเองหรือ?
“มัวแต่ยืนงงอะไร ยังไม่รีบเข้าไปอีก?”
จางซิ่วจือเห็นการ์ดไม่ยอมขยับเขยื้อน ตอนนั้นเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ตนสังหรณ์ใจนั้นถูกต้อง
ด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดของเธอ จึงยกมือตบหน้าการ์ดอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
การ์ดรีบยกมือขึ้นมาคว้าข้อมือของจางซิ่วจือเอาไว้ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางเอ่ยเสียงแข็ง “นายหญิงของเขตวิลล่าเขาเทียนซานแซ่กู้ และไม่มีความข้องเกี่ยวใดกับลูกสาวคนบ้าอย่างคุณ!”
“แซ่กู้?”
ท่าทีของจางซิ่วจือแปรเปลี่ยน ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอโดนกระซวกเข้าอย่างรุนแรง
เมื่อย้อนนึกถึงอดีต หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง นายหญิงของเขตวิลล่าแห่งนี้จะต้องแซ่หวาง จางซิ่วจือรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ยิ่งเจ็บใจ เธอก็ยิ่งโกรธจัด
โดยไม่ทันตั้งตัวมาก่อน
จู่ๆ จางซิ่วจือพลันนั่งลงไปบนพื้น ดิ้นไปดิ้นมา ร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
“โธ่เอ๊ย ฟ้าดินไม่เป็นใจ คนเลวทรามนั่นสมควรตาย นอนกับลูกสาวฉันมาฟรีๆ ตั้งสามปี ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จักรับผิดชอบ”
“ถีบหัวส่งเมียหลวงเพื่อเมียน้อย ทำไมใจดำอำมหิตแบบนี้”
“ลูกสาวของฉันน่าสมเพชจริงๆ ต้องนอนกับเขาฟรีๆ ตั้งสามปี ตอนนี้ก็เป็นแค่นางฟ้าตกสวรรค์ แถมยังไม่ได้รับการชดเชยอะไรสักอย่าง”
……
เสียงโวยวายทำเอาคนในวิลล่าที่กำลังเข้าออกพากันกระอักกระอ่วน
“พระเจ้า! ในวิลล่าของพวกเรา มีคนไร้ศีลธรรมแบบนี้เข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก! ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้คลุ้มคลั่งพูดไม่รู้เรื่อง พยายามใส่ร้ายใครอยู่รึเปล่า?”
“คนเราร้อยพ่อพันแม่ ถ้าเป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูดจริงๆ คนคนนั้นก็เลวทรามจริงๆ”
เมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์ของคนรอบๆ จางซิ่วจือก็นึกดีใจ และยิ่งร้องโวยวายดังขึ้น
เธอรู้ดีว่า ยิ่งสร้างเรื่องให้วุ่นวายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีโอกาสได้เจอเฉินตงมากขึ้นเท่านั้น
นิสัยกดขี่ หยาบคายไร้เหตุผลเป็นสิ่งที่ทำจนเคยชิน แถมจางซิ่วจือยังเอาวิธีการนี้มาเป็นอาวุธเด็ดของตนเองอีกด้วย! คิ้วของการ์ดเริ่มขมวดแน่นอย่างไร้หนทาง
คำพูดที่ลูกพี่ให้พูดก็พูดออกไปแล้ว ทำไมเรื่องยังไม่จบอีก?
และในขณะที่มีการปะทะกันอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่นั้น
ผู้จัดการนิติบุคคลก็รีบร้อนขับรถไปที่วิลล่าของเฉินตง
อันที่จริงแล้ว ตอนที่เฉินตงนำขบวนกลับเข้ามาในวิลล่า ผู้จัดการนิติบุคคลก็รู้เรื่องแล้ว
“คุณเฉิน แย่แล้วครับ”
สีหน้าของผู้จัดการนิติบุคคลหมองคล้ำ มีคนมาก่อเรื่องอยู่หน้าเขตวิลล่าเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับเขาจริงๆ
“มีอะไร?”
ตอนนั้นเฉินตงกำลังโอบกู้ชิงหยิ่งอยู่ จึงมองไปที่ผู้จัดการนิติบุคคลด้วยความข้องใจ
ผู้จัดการนิติบุคคลถือเป็นคนฉลาด จึงเหลือบมองไปที่กู้ชิงหยิ่ง เพื่อส่งสัญญาณให้เฉินตงปลีกตัวออกมาอีกด้าน
เมื่อออกมาห่างกู้ชิงหยิ่งแล้ว เขาถึงจะรายงานเฉินตง “ที่ประตูใหญ่มีคนสองคนกำลังก่อเรื่องวุ่นวาย บอกว่าคุณนอนกับลูกสาวของพวกเขาฟรีๆ มาสามปี และยังบอกว่าไม่เคยรับผิดชอบ ไม่เคยได้เงินชดใช้ ตอนนี้พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้ยังไง เลยจะมาขอถามความเห็นของคุณเฉินครับ”
จางซิ่วจือ หวางเต๋อ?!
สีหน้าของเฉินตงเย็นชาขึ้นมา ความเดือดดาลพลุ่งพล่านขึ้นมาแทนที่
ร้ายกาจไม่เคยเปลี่ยน!
หวางหนันหนันกลับมาแล้ว ครอบครัวเสื่อมทรามนี้ก็ตามกลับมาด้วย!
เมื่อโกรธจนถึงขีดสุด เขากลับหัวเราะออกมา “หน้าไม่อายจริงๆ คนที่กล้าพูดว่าฉันนอนกับลูกสาวพวกเขาฟรีๆ มาสามปี คงจะไม่สนใจศักดิ์ศรี และคงจะไม่เห็นว่าลูกสาวของตัวเองเป็นคนแล้ว”
แม้ว่าจะกำลังยิ้ม แต่ผู้จัดการนิติบุคคลก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความหนาวสะท้านเข้ากระดูก
ต่อจากนั้น
เฉินตงหันไปจ้องผู้จัดการนิติบุคคลเขม็ง “วัชพืชพวกนี้ แค่เฉดหัวไล่ออกไปก็จบแล้วนี่? คุณมาถามผม จะให้ผมไปเป็นผู้จัดการนิติบุคคลแทนหรือยังไง”
ผู้จัดการนิติบุคคลพยักหน้าแล้วจากไป
หลังจากนั้นสิบนาที
บริเวณประตูใหญ่ของเขตวิลล่า
การ์ดสิบกว่าคนก็ปรากฏตัวออกมาแล้วจับจางซิ่วจือที่กำลังร้องโวยวายกับหวางเต๋อที่กำลังเหม่อลอยมามัดมือมัดเท้าเอาไว้ แล้วโยนเข้าไปในรถแท๊กซี่
เหตุการณ์นี้ ทำให้คนขับรถแท็กซี่หวาดกลัวจนทำอะไรต่อไม่ถูก
จนกระทั่ง
เสียงตึ้งดังขึ้น ธนบัตรสีแดงปึกหนึ่งถูกนำมาวางลงบนด้านหน้าคนขับ คนขับรถถึงจะได้สติกลับมาในตอนนั้น
“เอาพวกเขาไปส่ง ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี!”
“ได้ครับ!”
คนขับรถแท็กซี่ยินดีอย่างยิ่ง จึงไม่สนใจคำด่าของจางซิ่วจืออีก และขับรถอย่างสบายใจลงจากเขาไปด้วยความเร็ว