The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 407 สาวงาม
เฉินตงลืมตาขึ้น
ใบหน้ารูปไข่อันงดงามของกู้ชิงหยิ่งปรากฏขึ้นในดวงตา
แสงไฟสลัวๆ
แววตาของกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความห่วงใยและความอบอุ่น
เมื่อเห็นเฉินตงมีท่าทีเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง
“มัวแต่นั่งนิ่งอยู่ทำไม? คนโง่” ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้นมาและกล่าวตำหนิ
เฉินตงยิ้ม จากนั้นจึงลุกขึ้นและเอ่ยถามว่า “ผมอยู่ตรงนี้คนเดียวมานานเท่าไหร่หรือ?”
“อืม เกือบจะรุ่งสางแล้ว ท่านหลงไม่ให้รบกวนคุณ บอกว่าคุณมีเรื่องกังวลใจ แต่ฉันเห็นคุณไม่ลงไปข้างล่างเสียที จึงรู้สึกเป็นห่วง”
กู้ชิงหยิ่งคล้องแขนเฉินตง มองเข้าไปในแววตาของเฉินตง แล้วรู้สึกเป็นห่วง
เธอไม่อยากให้เฉินตงต้องรู้สึกเหนื่อยใจ แต่เธอก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ผู้ชายของเธอ ต้องการสวมมงกุฎของราชา ต้องการขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ของราชา
และสิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ก็คือ คอยสนับสนุนเขาอยู่เงียบๆ คอยดูแล และให้ความอบอุ่นกับเขา
เมื่อกลับถึงห้องนอน
เฉินตงอาบน้ำ นอนลงบนเตียง แต่ไม่หลับ
กู้ชิงหยิ่งยังคงซบอยู่ในอกของเขา และคอยเหลือบมอใบหน้าของเฉินตงอยู่เป็นระยะ
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด
มีเพียงไฟหัวเตียงที่ส่องแสงสลัวๆ
มีกลิ่นหอมจางๆ ลอยอยู่ในอากาศ
“นอนไหม?” กู้ชิงหยิ่งถาม
“นอนไม่หลับ” เฉินตงส่ายหัว ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทรมาน”
ทรมาน?!
กู้ชิงหยิ่งตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามของเธอแดงก่ำขึ้นทันที
ดวงตาของเธอสั่นคลอน ริมฝีปากแดงระเรื่อของกู้ชิงหยิ่งเอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินมาว่า เวลาที่ภรรยาตั้งต้อง สามีมักต้องทรมาน”
เฉินตงตกตะลึง ความคิดทั้งหมดว่างเปล่าในทันที
สวรรค์!
ภรรยาสาวจอมโง่เขลาของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
ตรงไปตรงมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ยังไม่มันรอให้เฉินตงเอ่ยปากอธิบาย
จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็ทำตัวเหมือนลูกแมวตัวน้อย แนบตัวลงไปบนอกของเฉินตง แล้วเอ่ยปากขึ้นมา “ฉันช่วยคุณได้นะ”
คำพูดนี้ทำให้เฉินตงรีบกลืนคำพูดของตัวเองลงไปในทันที
และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา
หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งตั้งท้อง เขาก็ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามานานแล้ว……
ตอนนี้ภรรยาเสนอตัว จึงอดไม่ได้ที่เขาจะรู้สึก……หุนหันพลันแล่นเล็กน้อย
“ต้องการไหม?” กู้ชิงหยิ่งกระซิบถามที่ข้างหูของเฉินตง
ลมร้อนผ่าว ทำให้แววตาของเฉินตงเคลิ้มไป
สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินตงก็อดไม่ได้ที่จะมีเปลวไฟลุกผ่าวขึ้นในดวงตา และหันมองกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ตรงหน้า
แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นท้องของกู้ชิงหยิ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ไฟในดวงตาก็ดับมอดลงทันที
หากยังคิดเรื่องพวกนี้ตอนภรรยากำลังตั้งท้องแล้วล่ะก็ ถือเป็นผู้ชายประเภทไหนกัน?
เฉินตงแอบด่าตัวเอง จากนั้นจึงยื่นมือไปลูบดั้งจมูกของกู้ชิงหยิ่งด้วยความเอ็นดู “เด็กโง่ คุณคิดอะไรของคุณ?”
กู้ชิงหยิ่งผงะไป
เฉินตงอธิบาย “ที่ผมบอกว่าทรมาน เป็นเพราะหลายวันมานี้เกิดเรื่องขึ้น ทั้งเรื่องของแม่ผม เรื่องที่ฉินเย่ถูกเล่นงาน และยังมีเรื่องพ่ออีก นอกจากเรื่องของแม่ผมแล้ว เรื่องอื่นๆ ยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ ดังนั้นจึงรู้สึกทรมาน”
“ฮะ?!”
กู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสี ทั้งตกใจทั้งอับอาย
ราวกับลูกแมวที่ตื่นตระหนก รีบมุดหัวเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินตงในทันที อีกทั้งยังดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวอีกด้วย
“หึ คนบ้า ต่อไปคุณพูดให้มันชัดเจนในประโยคเดียวได้ไหม ทำให้ ทำให้ฉัน……คุณนี่มันแย่จริงๆ”
เมื่อได้ยินกู้ชิงหยิ่งบ่นออกมาด้วยความเขินอาย เฉินตงก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริงในทันที
น้ำให้ความทุกข์ในใจเบาบางลงไปมาก
เขายื่นมือไปปิดโคมไฟ หดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่ม แล้วกอดกู้ชิงหยิ่งนอนหลับไป
สามวันต่อมา
มีข่าวร้ายรายงานมาจากฉินเย่เรื่อยๆ
บริษัทมหาอำนาจทั้งห้าร่วมมือกันโจมตี ต่อให้อาศัยความสามารถของฉินเย่และฉินเสี่ยวเชียน ก็ยังยากที่จะรับมือได้ และรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนยากเกินต้านทาน
ถึงแม้บริษัทการเงินของฉินเย่จะมีมูลค่าทรัพย์สินนับหมื่นล้าน
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมหาอำนาจทั้งห้า ก็ยังคงถูกกดดันอยู่ดี
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินตงไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของฉินเย่แม้แต่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่า เรื่องนี้ฉินเย่ถนัดกว่าเขามาก
ถึงขั้นว่า แม้กระทั่งฉินเสี่ยวเชียนเอง เขาก็ยังเทียบไม่ติด
รู้จักใช้คนให้ถูกกับงาน ถือเป็นหนทางของราชา
และนี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ในตอนต้น เขาอาศัยเส้นสายจากท่านหลงในการชักชวนฉินเย่มาร่วมงาน เพื่อการขยับขยายและพัฒนา!
หากเข้ายื่นมือเข้าไปก้าวก่ายตอนนี้ จะยิ่งกลับทำให้เรื่องวุ่นวายไปกว่าเดิม ถึงขั้นอาจกระทบต่อแผนการของฉินเย่และฉินเสี่ยวเชียนได้
อีกทางด้านหนึ่ง
ท่านหลงเองก็สืบเรื่องของจุนหลิน กรุ๊ปมาได้อย่างชัดเจนแล้ว
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา กลับทำให้เฉินตงรู้สึกจนใจ
ทุกหน่วยข่าวกรองระบุออกมาอย่างชัดเจนว่า จุนหลิน กรุ๊ป เป็นเพียงแค่ “มดตัวเล็กๆ” ตัวหนึ่งเท่านั้น
ไม่มีเงินหมุนเวียนก้อนโต ไม่มีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง ไม่เป็นที่รู้จักในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเพียงแค่จัวหนึ่งในฝูง ไม่มีอะไรพิเศษ
บริษัทที่ธรรมดาเช่นนี้
แต่จู่ๆ กลับเข้าร่วมการซื้อขายในตลาดการเงินครั้งนี้ด้วย
เงินจำนวนหลายหมื่นล้านภายใต้การบริหารของฉินเย่ เมื่อต้องรับมือกับมหาอำนาจทั้งสี่อย่างพวกหงหุ้ย Rothschild ก็เหมือนราวกับปลาได้น้ำ
ถึงแม้เฉินตงกับท่านหลงจะรู้ดีว่า “มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น แสดงว่าต้องมีปีศาจอยู่แน่นอน” แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ไม่อาจรู้ได้ว่า “ปีศาจ” อยู่ที่ไหนกันแน่
แต่สิ่งเดียวที่เฉินตงมั่นใจก็คือ
จุนหลิน กรุ๊ป น่าจะเป็นศัตรูมากกว่ามิตร
เพียงแต่ในตอนแรกที่จุนหลิน กรุ๊ป เข้ามาในตลาด ได้ช่วยดันราคาขึ้นหนึ่งครั้ง หลังจากนั้น จุนหลิน กรุ๊ปก็ร่วมมือกับอีกสี่บริษัท เข้าจัดการช้อนซื้อหุ้นห้องฉินเย่อย่างไร้ความปรานี
นี่จึงเป็นการความคิดแรกเริ่มของเฉินตง ที่คิดว่าจุนหลิน กรุ๊ปคือพ่อไปจนหมดสิ้น
สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ ความจนใจและสิ้นหวัง
สามวันมานี้ ฉินเย่ไม่ติดต่อกับเฉินตงเลย เฉินตงเองก็ไม่ติดต่อกับฉินเย่
การต่อสู้ทางการเงิน หากจะพูดว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเห็นทีว่าก็คงจะไม่เกินจริง
เวลาเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้
เฉินตงรู้ดีว่า สามวันมานี้ ฉินเย่แบกรับความกดดันเอาไว้จนยากที่จะจินตนาการได้
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้างานและเลิกงานตามปกติ และบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
เย็นวันนี้
หลังจากเลิกงาน เฉินตงเพิ่งจะเดินลงมาจากตึกใหญ่ของบริษัท
ก็มีหญิงสาวสวมใส่เสื้อโค้ตสีดำเดินเข้ามากล่าวทักทาย
“คุณเฉิน พบกันครั้งแรก ช่วยแนะนำด้วยค่ะ”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนราวกับเสียงขับขานของนกการเวก ดังก้องเข้าไปในหู
ในขณะเดียวกันเธอก็ยื่นนิ้วมือที่เรียวยาวเหมือนลำเทียนออกมา
เฉินตงถูกนิ้วมือเรียวงามที่อยู่ตรงหน้าดึงดูดเข้าอย่างจัง ช่างสวยจริงๆ
ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
ทุกสัดส่วนราวกับได้รับการออกแบบมาอย่างดี
เพียงมือข้างเดียว ก็ทรงเสน่ห์ขนาดนี้
“คุณคือใคร?” เฉินตงขมวดคิ้วถาม
เสื้อโค้ตสีดำห่อหุ้มร่างกายที่สง่างามเอาไว้ ภายใต้หมวกกันแดดใบใหญ่สีดำ บวกกับการที่อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาอยู่ ทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจนนัก
ทันทีที่พูดจบ
หยิบสาวที่อยู่ตรงหน้าก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้เฉินตง
แววตาของเฉินตงเต็มไปด้วยความสงสัย
เป็นป้ายหนึ่งชิ้น ทำมาจากไม้จันทน์ ขนาดไม่ใหญ่นัก ใหญ่กว่าจี้หยกทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านบนมีตัวอักษรสีแดงสลักอยู่หนึ่งคำ——หง!
“คุณคือคนของหงหุ้ย?” เฉินตงตกใจอย่างมาก
คำว่าหงที่เขาพอจะนึกเชื่อมโยงไปได้ ก็เห็นจะมีแต่หงหุ้ยที่ปรากฏขึ้นมาในสายตาของเขาเมื่อเร็วๆ นี้
“เชิญคุณเฉินตามดิฉันไปคุยเป็นการส่วนตัวหน่อย”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แสดงให้เห็นว่ายอมรับ
เป็นการส่วนตัว?
ส่วนตัวอะไร?
เฉินตงรู้สึกงุนงงในทันที ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเย่โดนเล่นงานในครั้งนี้ ด้วยสถานะและที่ที่เขาดำรงอยู่ในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะรู้จักชื่อของหงหุ้ยได้เลย
หากจะพูดว่าเป็นคนแปลกหน้า ก็ดูจะไม่เกินจริง
แล้วมีอะไรจะต้องคุยเป็นการส่วนตัว?