The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 418 ช่วงเวลาออกล่า
หลังอาหารเย็น
เฉินตงยังคงไปเดินเล่นเป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่งเหมือนอย่างเคย
เพียงแต่ เฉินตงรู้สึกสงสัยว่า
กู้ชิงหยิ่งพูดคุยน้อยลง เอาแต่ก้มหน้าก้มตา เหมือนมีเรื่องทุกข์ใจ
“มีเรื่องอะไรในใจหรือ?” เฉินตงทำลายความเงียบลง
“เปล่านี่” กู้ชิงหยิ่งส่ายหัว ยังคงไม่มองหน้าเฉินตง
เฉินตงหยุดเดิน
“เวลาที่ผมโกหก ไม่สามารถปิดบังคุณได้ เวลาที่คุณโกหก ก็ไม่อาจปิดบังได้เช่นกัน”
กู้ชิงหยิ่งเดินไปด้านหน้าสองก้าว แล้วจึงหยุดลง
เธอพูดด้วยท่าทีที่สงบว่า “ขอโทษค่ะ พวกเรากลับเข้าบ้านกันเถอะ ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
พูดจบ เธอก็หันหลัง แล้วเดินผ่านเฉินตง มุ่งหน้าไปที่บ้าน
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เฉินตงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม การแสดงออกของกู้ชิงหยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่ามีเรื่องไม่สบายใจ
แต่ปฏิกิริยาเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เคยเห็น!
“หรือฉันทำอะไรผิดไป จนทำให้เสี่ยวหยิ่งโกรธเข้า?”
เฉินตงลูบจมูก แล้วคิดทบทวนดูอย่างละเอียด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำผิดอะไร?
“เรื่องรถหรือ?”
จู่ๆ เฉินตงก็นึกถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา
กลับไปถึงห้องนอน
กู้ชิงหยิ่งก็นอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ท่าทางเหมือนกลับเมื่อคืนไม่มีผิด คงเตรียมที่จะนอนหันหลังให้กับเขาอีกครั้ง
เฉินตงรู้สึกจนใจเล็กน้อย เขาล้างเนื้อล้างตัวสักครู่ จากนั้นจึงนอนลงบนเตียง แล้วกอดกู้ชิงหยิ่งจากทางด้านหลัง
ด้วยการกระทำนี้ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากู้ชิงหยิ่งมีท่าทีขัดขืนเล็กน้อย
แต่เขาก็ออกแรงที่มือทั้งสองข้างเล็กน้อย แล้วพยายามข่มแรงที่ขัดขืนนี้ไว้
“ที่รัก คุณเป็นแบบนี้เพราะรถที่ผมขับกลับมาเมื่อวานใช่ไหม?” เฉินตงถาม
กู้ชิงหยิ่งนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร
น่าจะใช่!
เฉินตงเข้าใจในทันที จึงพูดอธิบายว่า “นั่งเป็นรถที่ผมยืมคนอื่นมา เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผมรับรองว่า ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอย่างแน่นอน”
เวลาที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ ห้ามอารมณ์เสียเด็ดขาด
เฉินตงไม่อยากให้เรื่องนี้ทำร้ายกู้ชิงหยิ่ง ดังนั้นจึงพูดทุกอย่างออกมาตามตรง
“อืม นอนเถอะ”
กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า แล้วส่งเสียงตอบรับเบาๆ หนึ่งคำ
เฉินตงผงะไปทันที ปฏิกิริยาเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เขาปล่อยกู้ชิงหยิ่งโดยไม่รู้ตัว แต่กู้ชิงหยิ่งยังคงหันหลังให้เขา และไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
หรือจะไม่ใช่เรื่องรถ?
ในใจของเฉินตงยิ่งเกิดความสงสัยขึ้นมากมาย
อีกทางด้านหนึ่ง
ตระกูลเฉิน
ภายในลานเล็ก เฉินเทียนเซิง เฉินเทียนหย่าง และเฉินหยู่เฟยนั่งรวมตัวกัน ยังไม่ได้เข้านอน
“พี่ พวกเราเดาถูกแล้ว วันนี้รับเก็บเกี่ยวกำไรมาจากเฉินตงได้หนึ่งพันล้านหยวน!”
เฉินเทียนหย่างยกแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจ “Rothschildเองก็โง่จริงๆ เห็นสถานการณ์แย่เข้าหน่อยก็รีบหนี ทำให้พลาดเนื้อชิ้นโตไป”
เฉินเทียนเซิงยิ้มเล็กน้อย แสดงออกว่าเห็นด้วยกับความคิดของเฉินเทียนหย่าง
แต่ว่า เขาก็พอเข้าใจRothschildได้
ภาพที่ปรากฏขึ้นในตอนกลางวัน หากเป็นตัวเขาเองก็คงนั่งไม่ติดเช่นเดียวกัน และคงจะระเบิดอารมณ์ออกมา
Rothschildถอนตัวไป ก็ยังถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและเข้าใจได้
“ตอนนี้พวกเราลุงทุนเพิ่มอีกห้าพันล้าน พรุ่งนี้เมื่อเปิดตลาด เกรงว่าคงจะทำให้เฉินตงและฉินเย่ต้องรู้สึกสิ้นหวังอย่าแน่นอน?”
เฉินอยู่เฟยเขย่าแก้วไวน์ที่อยู่ในมือ แล้วหัวเราะด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเมา
ตอนนี้ เธอรู้สึกราวกับมีความโกรธถูกระบายออกมา
เพราะเฉินตง ทำให่เธอต้องสูญเสียรากฐานในวงการบันเทิงที่สั่งสมมาอย่างยากลำบาก ต้องสูญเสียคุณสมบัติที่จะช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน ก็เพียงแค่สามารถกำจัดเฉินตงได้ ใจของเธอก็คงรู้สึกสงบขึ้นไม่น้อย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า……หยู่เฟย สิ่งที่เธอพูดมันยังน้อยเกินไป เกรงว่าพรุ่งนี้เฉินตงกับฉินเย่อาจต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตายก็ได้?”
ใบหน้าของเฉินเทียนหย่างเต็มไปด้วยความสะใจ เขากะพริบตาปริบๆ แล้วหัวเราะด้วยท่าทีแปลกๆ พลางพูดว่า “ลูกสวะเฉินตง ดูเหมือนว่าคงคิดไม่ถึงแน่นอน ว่าพวกเราสามคนร่วมมือกัน ทำให้เกิดการโจมตีเขาในครั้งนี้ เกรงว่าจนกระทั่งวันตาย เขาคงคิดว่าเป็นเงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวา ที่ร่วมมือกันจัดการกับเขาจนหมดเนื้อหมดตัว?”
เมื่อได้ยิน
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเทียนเซิงและเฉินหยู่เฟยก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
นี่คือความมั่นใจที่ถ่ายทอดมาจากตระกูลเฉิน!
ทรัพย์สินหมื่นล้าน เป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่บริษัทการเงินของเฉินตงและฉินเย่ถือครองอยู่
แต่สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาเป็นผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน ยังคงพึ่งพาความมั่งคั่งของตระกูลเฉิน เงินหมื่นล้านในสายตาของพวกเขานั้น เป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น!
พวกเขาเพียงแค่ใช้เศษเงิน ก็สามารถทำให้เฉินตง “ตาย” ได้ จะมีอะไรที่น่ายินดีกว่านี้อีก?
“ลูกสวะนั่น ไม่มีวันมองสถานการณ์ออกเป็นอันขาด สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต สำหรับพวกเราแล้วก็เป็นเพียงแค่เงินค่าขนมเล็กน้อยเท่านั้น”
เฉินเทียนเซิงแสดงความคิดของตัวเองที่เห็นได้ยากยิ่งออกมา ในคำพูดเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส “นี่คือความแตกต่างระหว่างหัวกะทิอย่างพวกเรากับลูกสวะนั่น ลูกสวะนั่นไม่มีทางไล่ตามเราได้ทันตลอดชีวิต!”
เฉินเทียนหย่างและเฉินหยู่เฟยหัวเราะร่าออกมาพร้อมกัน
เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วลาน ยินดีเกินจะหาที่เปรียบได้
ทั้งสามเคยต้องสูญเสียภายใต้เงื้อมมือของเฉินตง ตอนนี้ได้ร่วมมือกัน ก็ถือว่าได้ระบายความแค้นออกมาในที่สุด
ถึงขั้นว่า ทั้งสามได้คาดการณ์ถึงสภาพตอนที่เฉินตงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่เรียบร้อยแล้ว สิ่งนี้ทำให้พวกเขายิ่งหัวเราะออกมาเสียงดังยิ่งขึ้น
……
ฟ้าเริ่มสาง
เฉินตงลุกขึ้นแต่เช้า แล้วมุ่งหน้าไปยังบริษัทไท่ติ่ง
วันนี้ เป็นวันที่ฉินเย่จะลงดาบเพื่อจบเกม
ไปถึงบริษัท
เฉินตงไม่ได้จัดการงานของบริษัท แต่กลับชงชา แล้วนั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดูเมฆคล้อยไปมา
ความกดดันตลอดหลายวันมานี้ ในที่สุดวันนี้ก็จะได้ผ่อนคลายลงเสียที
ไม่เพียงเท่านี้ เป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้เขาค้นหาเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับพ่อได้
เฉินตงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า หลังจากเรื่องของฉินเย่จบลง จะเดินทางไปยังโม่เป่ยสักครั้งทันที
ถ้าเหมือนกับที่เขาคาดเดาเอาไว้ การไปครั้งนี้ก็คงจะค้นหาพ่อได้เจอ จากนั้นความสงสัยต่างๆ ในใจก็คงได้รับการคลี่คลาย
ทำไมพ่อถึงได้หายตัวไป?
และกลัวอะไรกันแน่ ถึงได้เอาแต่หลบซ่อนตัวอย่างยาก
เก้าโมงเช้า
เฉินตงยกแก้วชาขึ้น แล้วจิบลงไปหนึ่งคำ
ท่าทีที่นิ่งสงบ ค่อยๆ ดูดุดันขึ้นมา แววตาเผยเจตนาฆ่าออกมา “ตอนนี้ ถึงเวลาเริ่มต้นการล่าแล้ว!”
เขาไม่ได้เปิดคอมพิวเตอร์
เพราะเขารู้ดีว่า เมื่อฉินเย่ หงหุ้ย และบริษัทชิงหยิ่งร่วมมือกัน จะมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้น ในนั้นยังแฝงไปด้วย “ตัวแปร” —— จุนหลิน กรุ๊ป
Rothschildถอนเงินทุนออกไปแล้ว
เหลือเพียงแค่เงินทุนของบริษัทเงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวา ซึ่งไม่สามารถรับมือกับสภานการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ เหมือนกับที่เขาเป็นกังวลใจเมื่อหลายวันก่อน อีกเดี๋ยวก็คงถึงตาที่เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาจะต้องเป็นกังวลบ้าง
ตอนนี้ไม่มีอะไรที่น่ากังวลไปกว่าการจบเกมในครั้งนี้ สุดท้ายแล้วจะทำกำไรได้เท่าไหร่กันแน่?
คนที่มีความคิดเช่นเดียวกับเฉินตง ยังมีพวกของเฉินเทียนเซิงอีกสามคนที่บ้านตระกูลเฉิน
ตั้งแต่เช้าตรู่
เฉินเทียนเซิง เฉินเทียนหย่าง และเฉินหยู่เฟย ตื่นแต่เช้าตรู่
หลังจากดื่มเหล้ามาตลอดคืน ก็นอนหลับไปสักครู่ แต่ทั้งสามกลับไม่รู้สึกอ่อนล้าเลยแม้แต่น้อย
สำหรับพวกเขาแล้ว สามารถมองเฉินตงสิ้นหวังจากในมุมมืดได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง
เฉินเทียนเซิงซึ่งมีนิสัยใจร้อนก็เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาตั้งแต่เช้า
จนกระทั่งถึงเวลาเก้าโมง เป็นเวลาที่ตลาดหุ้นเปิดทำการ
เฉินเทียนเซิงและเฉินหยู่เฟยนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
เฉินเทียนหย่างอดไม่ได้ที่จะถูมือ “พี่ หยู่เฟย ตื่นเต้นกันไหม? ดีใจหรือเปล่า? เดี๋ยวพวกเราก็จะได้เห็นเฉินตงถูกตัดแขนแล้ว”
“ฉันเตรียมสถานที่จัดฉลองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” เฉินเทียนเซิงยิ้มเล็กน้อย แววตาเป็นประกายออกมา
เฉินหยู่เฟยเองก็ยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน “ขอเพียงแค่จัดการกับบริษัทการเงินของฉินเย่ได้ ฉันจะดูซิว่า ลูกสวะอย่างเฉินตง จะกระโดดขึ้นมาได้อีกไหม? ยิ่งเขาตายอย่าทรมาน ฉันก็ยิ่งมีความสุข!”