The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 420 พลิกจากผู้แพ้เป็นผู้ชนะ
เวลาบ่ายโมง
เวลาที่ตลาดเปิดทำการ
หลังจากฉินเย่ออกคำสั่ง บริษัทชิงหยิ่งก็เข้าสู่ตลาด
วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ทันที
เฉินตงนั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วมองดูทัศนียภาพด้านนอกอย่างเงียบๆ ด้วยความสบายใจ
จู่ๆท้องฟ้าสว่างไสวก็มีเมฆหมอกเข้ามาปกคลุมโดยไม่ทันรู้ตัว
เฉินตงลูบจมูก แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ตลาดหุ้นตอนนี้คงถูกฉินเย่รบกวนจนทำให้มีสภาพเหมือนอากาศในตอนนี้ พายุกำลังมาแล้วสินะ?”
ตระกูลเฉิน
เฉินเทียนเซิงใบหน้าเขียวคล้ำ สีหน้าดุร้ายราวกับงูพิษ จ้องเขม็งไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
เฉินเทียนหย่างกัดฟัน สีหน้าของเขาหมองหม่น เส้นเลือดบนหลังมือของเขาปูดโปนออกมา
ส่วนเฉินหยู่เฟยนั้น กลับทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหดหู่ บนใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ ปรากฏรอยยิ้มที่ดูโศกเศร้าออกมา
สถานการณ์ของตลาดหุ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ดูเหมือนกับมีดคม ที่ค่อยๆ เชือดเฉือนลงมาบนตัวของทั้งสามคนอย่างต่อเนื่อง
เหมือนกับที่เฉินเทียนเซิงพูดเอาไว้ไม่มีผิด ถอนตัวไม่ทันแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อบริษัทชิงหยิ่งเข้าตลาด ก็ยิ่งเหมือนกับฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง เท่ากับเป็นการรุมฆ่าเงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาจากทุกทิศทาง
ใครจะไปคาดคิดว่า แผนการที่พวกเขาคิดขึ้นเพื่อเล่นงานเฉินตงและฉินเย่ สุดท้ายกลับย้อนมาทำร้ายตัวเอง?
ความอับอาย โกรธแค้น ไม่เต็มใจ ตกตะลึง และความรู้สึกอีกมากมายถาโถมเข้ามาใส่ทั้งสามคน
ตอนนี้ อุณหภูมิในห้องดูเหมือนลดต่ำลงอย่างมาก
เงิน สำหรับพวกของเฉินเทียนเซิงทั้งสามคนแล้ว ไม่มีความสำคัญอะไร เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกพ่ายแพ้ก็คือ ต้องสูญเสียทั้งทุนทั้งกำไร อีกทั้งยังทำให้เฉินตงได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี้อีกด้วย
จากโจมตีเฉินตง กลับแปลเปลี่ยนเป็นการปล้นเงินของตัวเองไปให้เฉินตงเสียแล้ว!
ทั้งสามคนเคยพ่ายแพ้อยู่ในเงื้อมมือของเฉินตงมาก่อน
ด้วยความแค้นเหล่านี้ จึงทำให้ผู้สืบทอดมรดกทั้งสามร่วมมือกัน
แต่ตอนนี้ หลังจากร่วมมือกันแล้ว ก็ยังคงพ่ายแพ้อยู่เช่นเดิม!
“ฉันไม่เต็มใจ ฉันไม่เต็มใจ พวกเราล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิของตระกูลเฉินทั้งนั้น ทำไมถึงพ่ายแพ้ให้กับลูกสวะนั่นได้?”
เฉินเทียนหย่างกัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ ดูราวกับคนเสียสติ “หรือพวกเราจะเพิ่มทุนเข้าไปอีก? เพิ่มเข้าไปอีกสักสองสามพันล้าน จะต้องพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน!”
เผียะ!
เฉินเทียนเซิงตบหน้าเฉินเทียนหย่างอย่างแรง
“แก แกมันโง่ถึงขั้นนี้เลยหรือ?”
ทำเสียงเยือกเย็น จนทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุก
เฉินเทียนหย่างถูกตบจนนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงระเบิดความโกรธออกมา “เฉินเทียนเซิง นายเป็นพี่ใหญ่ของฉัน แต่ก็ใช่ว่าจะตบฉันได้ตามอำเภอใจแบบนี้นะ? แผนการนายก็เป็นคนคิดออกมา แล้วตอนนี้เป็นยังไง ลากฉันกับเฉินหยู่เฟยมาขายหน้าด้วย และยังจะมองของขวัญให้เฉินตงอีก? ความแค้นในครั้งนี้ นายจะให้ฉันทนได้อย่างไร?”
ความโกรธแค้นคุกรุ่นอย่ารุนแรง
เฉินหยู่เฟยทรุดตัวอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีโศกเศร้า และไม่ได้ห้ามปราม
เฉินเทียนเซิงค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วดันแว่นบนดั้งจมูกขึ้น และหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “คนโง่เขลาอย่างนาย หากฉันคิดจะฆ่านายแล้วล่ะก็ ยังมีวิธีอีกนับหมื่น!”
“นายกล้าเหรอ!”
อารมณ์โกรธของเฉินเทียนหย่างพลุ่งพล่าน ตอนนี้ความโกรธพลุ่งพล่านเพราะความอับอาย บวกกับที่ถูกเฉินเทียนเซิงตบหน้า ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“มีอะไรที่ฉันไม่กล้า?”
เฉินเทียนเซิงยิ้มเยาะออกมา “ต่อให้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน หากกล้ายั่วโมโหฉัน ฉันก็ฆ่าได้ไม่เว้นเหมือนกัน”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้หัวใจของเฉินเทียนหย่างเต้นอย่างรุนแรง
ขณะที่จ้องตากับเฉินเทียนเซิง ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวราวกับถูกงูพิษจับจ้องอยู่
ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย ในที่สุดเฉินเทียนหย่างก็ระงับสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้ และทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหดหู่
เฉินเทียนเซิงหันกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา
“แพ้แล้ว ก็คือแพ้แล้ว! เงินไม่กี่พันล้าน สำหรับพวกเราแล้วไม่เห็นจะมีความหมายอะไร ขอแค่ยังไม่ครบกำหนดหนึ่งปี พวกเราก็ยังมีโอกาสที่จะฆ่าเฉินตงได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน!”
ตุ้บ!
หลังจากพูดจบ
จู่ๆ เฉินเทียนเซิงก็ใช้หมัดต่อยเข้าที่หน้าจอคอมพิวเตอร์จนแตก
……
เวลาห้าโมงเย็น
เฉินตงได้รับโทรศัพท์จากฉินเย่อย่างตรงเวลา
ทันทีที่รับโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงที่มีความสุขของฉินเย่ดังออกมา
เฉินตงไม่ได้พูดขัด และไม่ได้เร่งรัด ทำเพียงแค่ฟังอย่างอดทน
เขารู้ดีว่า ความกดดันของฉินเย่ในช่วงนี้ ไม่น้อยไปกว่าเขา
ถูกมหาอำนาจทั้งห้าร่วมมือกันโจมตี หากเป็นคนธรรมดา คงจะถอดใจไปนานแล้ว
ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมสงบลง ฉินเย่มีความสุขมากขนาดนี้ ก็เป็นผลพวงมาจากอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้
“พี่ตง ชนะแล้ว ครั้งนี้พวกเราชนะอย่างหมดจนจริงๆ!”
หลังจากกินเวลามากว่าครึ่งนาที ในที่สุดฉินเย่ก็กลั้นความรู้สึกยินดีเอาไว้ได้ และพูดออกมาเสียงดัง
เฉินตงเลิกคิ้ว “นายยังคิดที่จะมีลับลมคมในกับฉันอีกไหม?”
“สามพันล้าน! พวกเราทำเงินได้ทั้งหมดสามพันล้าน!”
ฉินเย่พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
มาขนาดนี้เลยหรือ?
เฉินตงรู้สึกยินดี
แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงแค่ส่วนของบริษัทฉินเย่บริษัทเดียวเท่านั้น ยังมีหงหุ้ย จุนหลิน กรุ๊ป และบริษัทชิงหยิ่งอีก!
ทั้งสี่บริษัทร่วมมือกันโจมตีบริษัทเงินทุนสองบริษัท ถ้าหากนำกำไรทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกันแล้วล่ะก็……
ขณะที่กำลังครุ่นคิด
ปลายสาย ฉินเย่ก็พูดขึ้นมาว่า “ครั้งนี้พวกเราพลิกจากผู้แพ้เป็นผู้ชนะ ถ้าหากรวมกำไรทั้งหมดแล้วล่ะก็ เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวา รวมไปถึงRothschild ขาดทุนรวมกันเป็นเงินกว่าหมื่นล้าน!”
เปรี้ยง!
เฉินตงรู้สึกตกตะลึงทันที
หมื่นล้าน ภายในวันเดียว!
บริษัทการเงินของตระกูลฉิน ที่ฉินเย่ดูแลอยู่ในขณะนี้ ก็มีทรัพย์สินมูลค่าพันล้านไม่ใช่หรือ?
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เวลาเพียงวันเดียว เปรียบได้กับต้องสูญเสียธุรกิจหลักของตระกูลมั่งคั่งที่ร่ำรวยที่สุดไปหนึ่งธุรกิจ!
“ฮ่าฮ่าฮ่า……พี่ตง ดูเหมือนว่าครั้งนี้เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาคงจะกระอักเลือดแล้ว ต่อไปคงไม่กล้าที่จะมาโจมตีพวกเราอีกแล้ว!”
ฉินเย่มีความสุขมาก น้ำเสียงแสดงออกถึงความเย่อหยิ่ง “ตอนนั้นที่ผมทำเงินให้ตระกูลฉินหมื่นล้าน พวกเขาล้วนพูดว่าผมอาศัยโชค ลอบโจมตีอย่างลับๆ โดยไม่ออกนาม แต่ครั้งนี้ผมเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย โจมตีพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา ครั้งนี้คนพวกนั้นคงได้รู้แล้วว่า อะไรที่เรียกว่าความสามารถที่แท้จริง!”
“ที่ตอนเช้า นายไม่ให้บริษัทชิงหยิ่งเข้าตลาด ก็เพื่อโจมตีอย่างรวดเร็วในช่วงบ่าย และขจัดความกล้าของทั้งสองบริษัทให้หมดสิ้นไป?”
เฉินตงเข้าใจได้ในทันที วิธีการของฉินเย่ในตอนนี้ เหมือนกับวิธีที่เขาเคยใช้จัดการกับโจวเย่นชิวในตอนนั้นไม่มีผิด!
“ถูกต้อง!”
ฉินเย่หัวเราะร่าออกมา “แต่ว่าครั้งนี้สามารถพลิกจากผู้แพ้มาเป็นผู้ชนะได้ ก็ต้องขอบคุณเส้นสายของพี่ตง หากไม่มีการกลับลำของหงหุ้ยและจุนหลิน กรุ๊ป ต่อให้บริษัทชิงหยิ่งเข้าร่วมในตลาด ก็ไม่อาจจะต้านทานเอาไว้ได้!”
เฉินตงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
จู่ๆ เขาก็แสยะยิ้ม และหัวเราะด้วยท่าทีที่แปลกประหลาดออกมา “บริษัทเล็กๆ อย่างจุนหลิน กรุ๊ปนี้ ครั้งนี้ใช้วิธีลงทุนต่ำ แต่ได้กำไรสูง ร่วมอยู่ในกลุ่มเทพ ดูเหมือนจะได้กินจนพุงกางเช่นเดียวกัน”
“แสดงว่าบริษัทเล็กๆ นั่นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน” จู่ๆ น้ำเสียงของฉินเย่ก็เคร่งขรึมลง
ผู้เชี่ยวชาญ?
ต้องมีผู้เชี่ยวชาญแน่นอน!
เฉินตงยิ้มออกมาด้วยท่าทีประหลาด ตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ควรจะเดินทางไปที่โม่เป่ยสักครั้ง
เขาพูดคุยสัพเพเหระกับฉินเย่สองสามคำ เมื่อนัดแนะกันว่าคืนนี้จะจัดงานฉลองเรียบร้อยแล้ว เฉินตงก็วางสายโทรศัพท์
จากนั้น เขาก็เรียกเสี่ยวหม่าและกูหลังเข้ามา แล้วจัดสรรเงินห้าสิบล้านหยวน ให้แจกจ่ายเป็นโบนัสให้กับพนักงานในบริษัททุกคน
เมื่อได้ยินข่าวนี้
เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังกระหึ่มขึ้นทั่วทั้งบริษัท ทุกคนต่างดีใจจนกระโดดโลดเต้น
ห้าสิบล้านเป็นจำนวนเงินไม่น้อย จำนวนของพนักงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งนั้นมีไม่มาก หากแบ่งให้ทุกคนโดยเท่าเทียมกัน อย่างน้อยก็ต้องได้คนละหนึ่งล้าน
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับทุกคนแล้ว นี่เป็นเหมือนโชคลาภที่ลอยลงมาจากฟ้าจริงๆ!
หลังจากเฉินตงกำชับให้เสี่ยวหม่าและกูหลังรับผิดชอบเรื่องการแจกจ่ายเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากบริษัทไป
เพียงแต่ เมื่อลงไปถึงด้านล่างของบริษัท
อารมณ์ดีของเฉินตงก็จางหายไปในทันที