The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 423 มากันครบ!
ท่านหลงกับคุนหลุนเองก็มองเห็นรายชื่อที่โทรเข้ามา
สีหน้าของคนทั้งสองแปรเปลี่ยน
พ่อตาโทรมาหาตอนนี้ สงสัยจะรู้เรื่องเลยโทรมาต่อว่างั้นหรือ?
“ครับ คุณพ่อ”
เฉินตงรับโทรศัพท์ ฝืนยิ้มทำเสียงสดใส
“ตงเอ๋อ โทรศัพท์เสี่ยวหยิ่งเป็นอะไร ทำไมโทรไม่ติด”
น้ำเสียงของกู้โก๋ฮั๋วเจือความสงสัย “พ่อโทรไปหลายรอบแล้ว ปิดเครื่องตลอดเลย”
“มือถือคงจะแบตหมดเลยปิดเครื่องมั้งครับ พ่อมีเรื่องอะไรรึเปล่า เดี๋ยวผมบอกเธอให้ครับ”
หัวใจของเฉินตงสงบนิ่ง กู้ชิงหยิ่งไม่ได้บอกกู้โก๋ฮั๋วถึงเรื่องราวของพวกเขาสองคน
ดังนั้นความรู้สึกผิดที่มีต่อกู้ชิงหยิ่งก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เด็กโง่คนนี้ยังคงชอบเก็บเรื่องราวเอาไว้คนเดียวเสมอ!
“ฮ่าๆๆ… งั้นไม่เป็นไร อย่างแรกเลยขอแสดงความยินดีกับทั้งสองคนด้วยที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่” กู้โก๋ฮั๋วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เฉินตง “ต้องขอบคุณคุณพ่อด้วยที่คอยช่วยเหลือ”
“พ่อก็แค่ออกแรงนิดหน่อยเอง เจ้าเด็กฉินเย่นั่นกำลังดีมาก แถมยังได้รับการช่วยเหลือจากหงหุ้ย พ่อว่าการช่วยเหลือเทียบไม่ได้กับการที่เขาแบ่งกำไรจากลูกเขยพ่อไปด้วยซ้ำ”
กู้โก๋ฮั๋วกล่าวต่ออย่างอารมณ์ดี จากนั้นน้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นตำหนิ “แต่ลูกกับเสี่ยวหยิ่งก็ปิดบังคนแก่อย่างพวกเราสองคนได้ดีจริงๆ ไม่ยอมรีบบอกข่าวใหญ่อย่างเรื่องท้องกับพวกเราสองคน พวกเธอรอก่อนเถอะ พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปสั่งสอนพวกเธอให้รู้เรื่องเลย”
มาพรุ่งนี้?
เฉินตงตาค้าง
ตอนนี้เรื่องเข้าใจผิดของเขากับกู้ชิงหยิ่งยังไม่ได้เคลียร์กันเรียบร้อยเลย
ถ้าพรุ่งนี้กู้โก๋ฮั๋วกับแม่บินมาที่นี่อีก นั่นจะไม่…ยิ่งทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่หรอกหรือ
แต่ไม่ทันรอให้เฉินตงได้ตอบ กู้โก๋ฮั๋วที่อยู่ปลายสายก็เอ่ยต่อว่า “เอาเท่านี้ละกันนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปหา ลูกกับเสี่ยวหยิ่ง พวกเราจะเข้าไปที่บ้านเอง ไม่ต้องมารับหรอก ตอนนี้กลับไปอยู่ที่วิลล่าเขาเทียนซานแล้วใช่ไหม เห็นเสี่ยวหยิ่งเคยบอกเอาไว้”
กึก!
ปลายสายวางหูไป
เฉินตงเริ่มรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
เมื่อวางมือถือลง เขาก็ทรุดนั่งลงบนโซฟาและเอามือลูบหน้าอย่างร้อนใจ
บทสนทนาเมื่อครู่นี้ ท่านหลงกับคุนหลุนได้ยินเต็มสองรูหูเช่นกัน
“คุณชาย ถ้ากู้โก๋ฮั๋วกับภรรยาเดินทางมาจะไม่เป็นเรื่องใหญ่หรอกหรือครับ”
ท่านหลงเอ่ยเตือนเสียงเครียด
เดิมทีเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน
ระหว่างเฉินตงกับภรรยาเท่านั้น
หากรีบหาเวลาคุยกัน สองสามีภรรยาจะต้องกลับมาคืนดีกันได้อย่างเดิมแน่
แต่หากกู้โก๋ฮั๋วกับภรรยารู้เรื่องนี้ เรื่องนี้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ระหว่างสองครอบครัวอย่างแน่นอน
เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน!
หากเรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด จะต้องกระทบความสัมพันธ์ระหว่างเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งอย่างแน่นอน
เพราะเรื่องเมียน้อย ไม่ว่าใครได้ยินก็คงไม่สามารถวางเฉยได้
“พวกเขาตัดสินใจไปแล้ว ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง”
เฉินตงวุ่นวายใจ เขาเหลือบมองไปบนตึกอย่างไม่รู้ตัว “ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหยิ่งใจเย็นลงบ้างแล้วหรือยัง”
ท่านหลงเริ่มร้อนใจขึ้นมา “หรือว่าเราจะหาเหตุผลสักข้อ ถ่วงเวลากู้โก๋ฮั๋วกับภรรยาไปก่อนดีครับ”
“คงไม่ทันแล้วล่ะมั้ง” คุนหลุนกล่าว
บรรยากาศภายในห้องรับแขกเงียบลงในทันใด
ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมาด้วยความมืดมน
ปัญหาในครอบครัวยากจะแก้ไข แม้ว่าท่านหลงจะผ่านศึกมากว่าร้อยศึก เดินทางไปทั่วทุกหนแห่ง และแม้ว่าคุนหลุนจะมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องการสู้รบ แต่เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องยากเช่นนี้ก็อับจนหนทางเช่นกัน
“รอให้พรุ่งนี้พวกเขามาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน พ่อตากับแม่ยายเป็นคนมีเหตุมีผล คงไม่โวยวายหรอก”
เฉินตงบิดขี้เกียจแล้วเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ “ไปพักผ่อนกันเถอะ”
……
ที่วิลล่าเขตชานเมือง
เย่หลิงหลงกระฟัดกระเฟียดนั่งลงบนโซฟา หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงตามการสูดหายใจเข้าออกที่รุนแรง
เย่หยวนชิวนั่งอยู่ข้างๆ จึงเอ่ยแกมล้อเล่นขึ้น “เด็กโง่ ยังโกรธอยู่อีกหรือ หนูโกรธมาตั้งกี่ชั่วโมงแล้ว”
“ปู่คะ จะให้หนูไม่โกรธได้ไงคะ ไอ้เฉินตงนั่น น่าโมโหชะมัด!”
เย่หลิงหลงรีบเอ่ยตอบโต้ “เขาถึงขึ้นให้หนูนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าคนตั้งเยอะ พระเจ้า คนอย่างเย่หลิงหลงชีวิตนี้ไม่เคยต้องลำบากใจมากมายเท่านี้เลย”
“เดี๋ยวๆๆ แค่นี้ก็เรียกว่าลำบากใจมากแล้วหรอ” เย่หยวนชิวไม่ใส่ใจนัก
เย่หลิงหลงไม่อยากเชื่อ “นี่เป็นปู่หนูจริงๆ ใช่ไหมคะ ป้ายรุ่นหยวนปู่ก็เป็นคนให้เฉินตง แถมปู่กับหลงโถวยังตัดสินใจให้เขาเข้ามาอยู่ในหงหุ้ยด้วยอีก หนูต้องขายหน้าเพราะเขาแบบนี้เป็นเพราะปู่แท้ๆ เลย!”
“นี่ถ้าเขาไม่มีป้ายรุ่นหยวน หนูไม่มีทางสนใจเขาแน่!”
เย่หลิงหลงโกรธจนกัดฟันกรอด
แม้เธอจะกำลังอยู่ในอารมณ์ยัวะจัด แต่หน้าตาของเธอก็ยังคงดูน่ามองอยู่ ความโกรธทำให้เธอดูแปลกตาน่าสนใจไปอีกแบบ
“ต้องโทษคุณปู่ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะคุณปู่”
เย่หยวนชิวยิ้มอย่างแปลกประหลาด “ถ้าหนูไม่สนใจเขา แล้วทำไมถึงต้องไปก่อกวนเขาทุกวันด้วยล่ะ?”
“คุณปู่ หนู…” ทันใดนั้นสีหน้าของเย่หลิงหลงกลายเป็นสีแดง คำพูดติดขัด
เย่หยวนชิวยิ้ม “เอาล่ะ นางฟ้าตัวน้อยของบ้านเราเริ่มมีหัวใจกับเขาบ้างแล้ว ลูกเล่นเด็กน้อยแค่นี้ มันโชว์อยู่บนหน้าหนูหมดแล้ว มีหรือที่ปู่จะดูไม่ออก”
ในหงหุ้ย เป็นเพราะฐานะของเขา ทำให้เย่หลิงหลงกลายเป็นคนที่ได้รับความใส่ใจมากที่สุดและเป็นที่รักของทุกคน
บวกกับนิสัยแข็งแกร่ง จึงทำให้อีโก้ของเธอย่อมสูงมากเป็นธรรมดา
จึงไม่แปลกที่ในหงหุ้ยจะมีชายหนุ่มหน้าตาดีมีความสามารถมาแอบชอบเธอ
แต่เย่หยวนชิวรู้ดีว่า เย่หลิงหลงไม่เคยสนใจใครทั้งนั้น
หรือแม้กระทั่งบรรดาผู้ชายที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในตระกูลร่ำรวยต่างๆ เย่หลิงหลงก็ไม่เคยหันไปเหลียวแลเช่นกัน
มีเพียงเฉินตงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เย่หลิงหลงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อเห็นสีหน้าของเย่หลิงหลงเหมือนธาตุไฟจะแตก
เย่หยวนชิวจึงลูบเคราขาวของตัวเองแล้วยิ้ม “หลิงหลง พรหมลิขิตก็เป็นเช่นนี้ ถ้าพรหมลิขิตมาถึงก็แปลว่ามาถึง ถ้ายังมาไม่ถึงก็คือไม่ถึง ช้าหรือเร็วไปเพียงวินาทีเดียวก็ไม่ได้ มีเพียงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น”
“คุณปู่”
แววตาของเย่หลิงหลงวิบไหว แล้วมองไปที่เย่หยวนชิวอย่างไม่เต็มใจนัก
เย่หยวนชิวตบหัวเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู “เอาล่ะ ในเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฉินตงก็เข้ามาอยู่ในหงหุ้ยแล้ว พรุ่งนี้พวกเราก็ควรกลับไปรายงานหลงโถวได้แล้ว”
“จะกลับกันเร็วขนาดนี้เลยหรือคะ” เย่หลิงหลงแปลกใจ ความโกรธมลายหายไป เธอรู้สึกผิดหวังอย่างไม่มีเหตุผล
เย่หยวนชิวอมยิ้มเบาๆ “ก่อนจะไป พวกเราไปหาเฉินตงที่บ้านสักครั้งก่อนเถอะ เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไปด้วย และเตรียมสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงรับรองไว้สำหรับล่ำลากับเฉินตง พวกเราจะได้ใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณเขา และให้ของขวัญเป็นการขอโทษ”
“ได้ค่ะปู่” แววตาของเย่หลิงหลงเป็นประกาย เธอพยักหน้าพลางอมยิ้ม
เย่หยวนชิวพยักหน้าอย่างจนปัญญา “จริงๆ เลย”
……
วันต่อมา
เฉินตงนอนไม่หลับตลอดคืนเพราะอารมณ์ของเขาแปรปรวนอยู่ตลอด
แม้กระทั่งตอนอยู่ที่บริษัทไท่ติ่ง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลจนไม่มีสมาธิทำงาน
ข้อแรกคือเรื่องที่เข้าใจผิดกับภรรยา
ข้อสองคือเรื่องที่พ่อตาแม่ยายกำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้
เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของพ่อตา แม่ยายขึ้นมา จะเกิดเรื่องที่น่าสยองขวัญขนาดไหน
แม้ว่าเขาจะเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง และมีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตคู่มาได้สามปีแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว
เฉินตงลองโทรหากู้ชิงหยิ่งก่อน แต่โทรศัพท์ยังถูกปิดไว้
เขาขมวดคิ้วแน่นอย่างจนปัญญา
เมื่อดูเวลาจนเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาที่กู้โก๋ฮั๋วกับภรรยากำลังจะบินมาถึงที่สนามบินแล้ว
เขาก็ขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบิน
แม้ว่ากู้โก๋ฮั๋วจะบอกว่าไม่ต้องไปรับ แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกเขย พ่อตาแม่ยายมาถึงทั้งที จะไม่ไปรับได้อย่างไร
เมื่อไปถึงสนามบิน
ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
เฉินตงตามหาคุนหลุนจนเจอและทั้งสองก็รอด้วยกันอยู่ที่สนามบิน
“คุณชาย มาแล้วครับ” คุนหลุนเอ่ยขึ้น
เฉินตงรีบหันไปมอง จึงเห็นกู้โก๋ฮั๋วกับแม่ยายเดินออกมาจากสนามบิน
ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปรับ
ท่านหลงก็โทรเข้ามาหาเขาพอดี
“คุณชาย คืนนี้บ้านแตกแน่ๆ !”
คำพูดของท่านหลงทำเอาเฉินตงชะงักไปแล้วรีบถามขึ้นว่า “หมายความว่าไง”
“เย่หลิงหลงกับเย่หยวนชิวอยู่ที่บ้านแล้วตอนนี้ครับ” ท่านหลงเอ่ยอย่างหนักอึ้ง
ร่างของเฉินตงโงนเงน ตอนนั้นในหัวของเขาเกิดเสียงระเบิดสนั่นจึงโพล่งออกไปว่า “เวรแล้ว!”