The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 446 พ่อหายตัวไป ความลับของคุณนายใหญ่ตระกูลเฉิน
- Home
- The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา
- บทที่ 446 พ่อหายตัวไป ความลับของคุณนายใหญ่ตระกูลเฉิน
สุดท้ายเฉินตงก็สามารถติดต่อท่านหลงได้สำเร็จ
เขารีบกลับไปยังสถานที่เกิดเหตุ
แต่เมื่อเขาลากสังขารร่างกายที่อ่อนล้าและเจ็บปวดกลับไปถึง ภาพที่เขาเห็นกลับทำให้หัวใจของเขากระตุก
เปลวเพลิงตรงเฮลิคอปเตอร์กำลังจะมอดลง ควันโขมงลอยสูงขึ้นฟ้าและยังมีสะเก็ดไฟที่ริบหรี่
ซากรถที่พลิกคว่ำยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม
บรรยากาศตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันและควันไฟ
ส่วนสถานที่ที่พวกเขานั่งพักกันอยู่นั้น คุนหลุนนอนอยู่บนพื้นทรายไม่ได้สติ
ส่วนพ่อนั้น……หายตัวไป!
เกิดเรื่องแล้ว!
เฉินตงสีหน้าเคร่งเครียด เขาล้มลุกคลุกคลานวิ่งเข้าไปหาคุนหลุน
เมื่อปลุกคุนหลุนให้ตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็รีบถาม “คุนหลุน เกิดอะไรขึ้น พ่อผมล่ะ”
คุนหลุนเอามือลูบคอที่ปวดบวมของเขา “นายท่านไปแล้วครับ”
“ไปไหน”
คุนหลุนส่ายหน้า “นายท่านหาโอกาสตอนที่ผมไม่ระวัง ทุบผมสลบไป และก็หนีไปแล้ว”
เฉินตงนั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้นทราย
สติสัมปชัญญะรางเลือน หัวสมองของเขากลายเป็นสีขาว
พ่อกำลังกลัวใครอยู่กันแน่
ใครกันแน่ที่ทำให้พ่อที่ควบคุมเงินมหาศาลของแผ่นดินต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาสงบลงได้ ก็คือพ่อยังปลอดภัยอยู่ และไม่ได้เกิดการบุกโจมตีอีกเป็นครั้งที่สองตอนที่เขาไม่อยู่ที่นี่
“คุณชาย การจากไปของนายท่านครั้งนี้น่าจะนานพอสมควร คงจะไม่ติดต่อคุณชายอีก”
คุนหลุนพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง ริมฝีปากของเขากระตุก เนื่องจากพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เล่าเหตุการณ์ที่เฉินเต้าหลินกระอักเลือดออกมา
เพราะเขากลัวว่าเฉินตงจะเครียด
สายตาของคุนหลุนมองออกไปยังทะเลทรายที่เวิ้งว้างด้วยความกังวล
สภาพร่างกายแบบนั้นของนายท่านจะออกจากทะเลทรายแห่งนี้ แล้วหลบหลีกการตามฆ่าได้หรือ
“ฉันเข้าใจ”
เฉินตงฝืนยิ้มอย่างขมขื่น
คราวนี้เป็นเพราะการมาถึงของเขา พ่อเลยต้องเปิดเผยร่องรอยของตัวเองทำให้เกิดการไล่ล่าสังหารเกิดขึ้น
เมื่อต้องการจะหายตัวไปอีกครั้ง เขาก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการหายตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยวิธีตัดขาดการติดต่อจากโลกภายนอก ถึงจะเป็นวิธีซ่อนตัวได้ดีที่สุด
แต่ความสงสัยที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเฉินตงกลับยิ่งรุนแรงมากขึ้น
คำพูดของพ่อเป็นการเลี่ยงประเด็นสำคัญ
แต่สุดท้ายกลับเตือนให้เขาระวังคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและคนในตระกูลเฉิน นั่นก็ถือเป็นการบอกใบ้อะไรบางอย่าง
หรือว่า……คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกับคนในตระกูลเฉินร่วมมือกันจัดการพ่อ?
เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ เฉินตงก็พยายามสงบความคิดของตัวเองลง
เขาเริ่มสงสัยแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่หลังจากที่เกิดเรื่องราวขึ้นกับพ่อ ตระกูลเฉินทั้งบ้านก็ตกอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง จึงเป็นเรื่องยากที่จะคิดเชื่อมโยงเรื่องราวของพ่อเข้ากับพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคิดดีๆ แล้ว การที่เกิดเรื่องขึ้นกับพ่ออาจจะทำให้คนในตระกูลเฉินเปลี่ยนเจ้าบ้านคนใหม่
แต่การชิงตำแหน่งท่ามกลางความวุ่นวายเช่นนี้ กับการรับตำแหน่งภายใต้สถานการณ์ปกติ มีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลเฉินเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา
ถ้าคนในตระกูลเฉินมีสมองสักหน่อย ก็คงไม่มีทางทำเรื่องที่โง่เขลาแบบนี้
“พ่อต้องการให้ผมระวังอะไรกันแน่” เฉินตงบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยสายตาที่ห่างไกล
เขารออยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง
บนผืนทะเลทรายเวิ้งว้างปรากฏฝุ่นตลบอบอวล
รถจี๊บคันหนึ่งวิ่งตะบึงมาทางนี้ด้วยความเร็วจี๋
เอี๊ยด!
รถหยุดลง
ท่านหลงกับเจิ้งจุนหลินวิ่งลงมาอย่างแตกตื่น
เมื่อเห็นสภาพของเฉินตงกับคุนหลุนและสถานที่เกิดเหตุ คนทั้งสองก็รู้สึกศีรษะด้านชา แผ่นหลังหนาวสะท้าน
“คุณชาย นายท่านล่ะครับ”
ท่านหลงโพล่งถามออกมา
เขารู้ว่าเฉินตงออกมาพบเฉินเต้าหลิน แต่เป็นเพราะตนไปเที่ยวเสียเวลากับเจิ้งจุนหลินทั้งคืน เขาเลยไม่ได้ตามเฉินตงมาด้วย แต่เหตุการณ์เบื้องหน้าทั้งหมด ทำให้ท่านหลงรู้สึกถึงความน่าสยดสยอง
“อย่าเพิ่งถาม รีบช่วยคุนหลุนก่อน”
เฉินตงจ้องเขม็งไปที่ท่านหลง
ท่านหลงเป็นคนหัวไว จึงรีบเรียกเจิ้งจุนหลินให้พาคุนหลุนขึ้นรถ
การรอคอยที่ยาวนาน ทำให้สติของคุนหลุนเริ่มเลือนราง เนื่องจากเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากการเสียเลือดมากเกินไป
ถ้าไม่รีบช่วย ก็คงจะไร้หนทางช่วยได้อีก
ตลอดทางที่มุ่งหน้ากลับไปในเมือง ในรถไร้เสียงพูดคุย
ท่านหลงก็ไม่กล้าถามอะไรมาก
ส่วนเจิ้งจุนหลินนั้น เมื่อได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็ตกใจกลัวจนพูดอะไรไม่ออก
เขาเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง แม้ว่าจะเป็นคนเสเพล แต่เขาก็แค่เสเพลไปวันๆ
สำหรับเหตุการณ์อย่างสงครามนั้น ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นและช็อกไม่น้อย
รถกลับไปถึงเมืองอย่างรวดเร็ว หลังจากนำตัวคุนหลุนเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว อารมณ์ของเฉินตงก็เริ่มสงบลงได้บ้าง
เขานั่งอยู่บริเวณทางเดินของโรงพยาบาล
เฉินตงสีหน้าเคร่งเครียด แววตาของเขาห่างไกลราวกับกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง
แม้ว่าร่างกายของเขาจะมีบาดแผลเช่นกัน แต่ด้วยความเป็นห่วงคุนหลุนจึงทำให้เขาไม่ได้ให้หมอตรวจดูอาการของตัวเองในทันที
ท่านหลงนั่งอยู่เป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ เขามองซ้ายมองขวา ด้วยอยากจะถามคำถามบางอย่างแต่ก็พยายามฝืนตัวเองเอาไว้
เจิ้งจุนหลินวิ่งมาแล้วกล่าวว่า “พี่ตง จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หมอทุกแผนกในโรงพยาบาลนี้กำลังช่วยพี่คุนหลุนอยู่”
“ขอบใจ” เฉินตงตอบ
เจิ้งจุนหลินโบกมือแล้วกล่าวอย่างลังเล “พี่ตง ผมไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ผมคิดว่าตระกูลเจิ้งของพวกเราน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”
หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา
เพราะเขารู้ดีว่า คนเสเพลในตระกูลเจิ้งไม่เคยมีใครให้ความสำคัญ
แต่การปรากฏตัวของเฉินตง ทำให้พ่อเปลี่ยนความคิด แต่งตั้งเขาให้เป็นเจ้าบ้านคนต่อไป เขาจึงมั่นใจที่จะเอ่ยคำพูดประโยคนั้นออกไป
“นายช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
เฉินตงยิ้มอย่างไร้อารมณ์ “นายช่วยหาบอดี้การ์ดมาเฝ้าคุนหลุนไว้ก็พอ สักสองวันถ้าอาการของคุนหลุนดีขึ้นบ้างแล้ว พวกเราจะไปจากที่นี่ เมื่อพวกเราไปแล้ว นายพยายามอย่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเราให้คนนอกฟังก็พอ”
“หา?!”
เจิ้งจุนหลินตะลึง
สีหน้าของเฉินตงจริงจัง “บอกให้นายทำอะไร นายทำตามก็พอแล้ว นี่ถือเป็นการปกป้องนายและตระกูลเจิ้งด้วย”
จุนหลิน กรุ๊ปของตระกูลเจิ้ง คือไพ่ใบสุดท้ายของเขา
หากต้องการจะซ่อนไพ่ใบสุดท้าย วิธีการที่ดีที่สุดคือให้คนตระกูลเจิ้งไม่สนใจการมีตัวตนอยู่ของเขา
ยังดีที่การมาครั้งนี้ เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับตระกูลเจิ้งมากนัก
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจคนมากที่สุดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงคืนนั้น
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังดีที่เป็นเพราะพรหมลิขิตของเขากับเจิ้งจุนหลินที่ยังทำให้สามารถใช้เจิ้งจุนหลินเป็นข้ออ้างในการปกปิดสาเหตุที่แท้จริงได้ไม่ยากนัก
“เข้าใจแล้วพี่ตง ผมจะไปจัดการให้เลย”
เจิ้งจุนหลินเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย ไปรักษาแผลก่อนดีไหม” ท่านหลงกล่าวอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นทั่วตัวเฉินตงมีแต่บาดแผล
เฉินตงหัวเราะ “ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าคุนหลุนจะเป็นตายยังไง แผลแค่นี้ของผมเล็กน้อยมาก”
ระหว่างพูด เฉินตงก็เงยหน้ามองท่านหลง
แล้วถามว่า “ท่านหลงคงรับใช้พ่อของผมมานานแล้ว ผมอยากถามว่าท่านหลงรู้เรื่องราวของคนตระกูลเฉินพวกนั้นมากน้อยแค่ไหน”
“ใคร” ท่านหลงถามกลับ
“คุณนายใหญ่ตระกูลเฉิน” เฉินตงตอบ
ท่านหลงหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ
แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวช้าๆ
“อันที่จริงแล้วฐานะของคุณนายใหญ่ถือเป็นเรื่องคลุมเครือในตระกูลเฉินมาตลอด คนในตระกูลต่างปิดเรื่องนี้เป็นความลับ”
ปิดเป็นความลับ?
ต้องการทำให้เป็นความลับ
เฉินตงเลิกคิ้วรอฟังต่อ
ท่านหลงมองซ้ายมองขวา ก่อนจะกระซิบกระซาบ
“อันที่จริง ถ้าพูดตามความจริงแล้ว ตอนที่คุณหญิงใหญ่ยังอยู่ ฝั่งพวกเขาไม่ค่อยได้รับความใส่ใจเท่าไหร่ กล่าวได้ว่าเป็นคนนอกตระกูลเฉินเลยด้วยซ้ำ”
“มีฐานะอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะกฎนับถือผู้อาวุโสของตระกูลเฉิน คุณนายใหญ่อยู่มานาน จนคนในรุ่นเดียวกันตายไปหมด ถึงมีฐานะอย่างเช่นทุกวันนี้ได้ และเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้คนในตระกูลเฉินเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
รอยยิ้มของเฉินตงหายไป เรื่องราวน่าอายแบบนี้ คุณนายใหญ่ตระกูลเฉินคงรับไม่ได้ จึงทำให้คนในตระกูลเฉินไม่อยากพูดถึง
“แต่……”
ท่านหลงยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด “คุณนายใหญ่เป็นแม่คนที่สามของนายท่าน ยังมีความลับอีกเรื่องหนึ่ง กระผมทราบเรื่องนี้มาจากปากของนายท่านเอง เข้าใจว่าความลับเรื่องนี้ คนตระกูลเฉินคนอื่นน่าจะยังไม่มีใครรู้”