The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 450 ผมจะรีบไปยอมรับผิดกับภรรยา
เหตุการณ์สี่รุมหนึ่งแบบนี้ ทำการต่อสู้เปลี่ยนจากการเข่นฆ่าโต้ตอบเป็นการรุมอีกฝ่ายหนึ่ง
ฝีมือการต่อสู้ของหญิงสาวคนนี้เก่งกาจพอตัว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เฉินตงไม่อาจปฏิเสธได้
แต่ด้วยรูปร่างและจำนวนที่แตกต่าง ทำให้สตรีคนนี้เข้าสู่สถานการณ์ที่เป็นตายเท่ากัน
อุปกรณ์มีดพกหลายหัวที่เชื่อมเข้าด้วยกันแบบพิเศษ สะท้อนความรู้สึกหนาวสะท้านของป่าดงดิบ มันจ้วงแทงแหวกอากาศส่งเสียงอื้ออึง พุ่งตรงไปยังหญิงสาวผู้นั้น
หญิงสาวผู้นั้นเบี่ยงตัวหลบ แต่เธอเคลื่อนไหวช้าเกินไปหน่อยเดียว
ฉึก!
มีดจ้วงแทนเข้าที่แขนของเธอจนเห็นเลือดสาดกระเซ็น
สีหน้าของหญิงสาวเจ็บปวด เธอไม่มีโอกาสที่จะได้หยุดพัก
ส่วนโจรอีกสองคนที่เหลือก็รีบกระโจนเข้าใส่ทันที
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้โดยสารที่เห็นต่างหมดหวัง
การตะโกนประกาศตัวของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกเขารู้สึกสงบใจ แต่เวลานี้ความสงบใจเหล่านั้นได้หายเข้าไปในกลีบเมฆ
บ้างร้องไห้ บ้างอ้อนวอนพระเจ้า และบางคนก็กรีดร้องตะโกน……
แอร์โฮสเตสสองคน ลังเลลุกลี้ลุกลนอย่างลังเล สติกระเจิดกระเจิง
มีเพียงเฉินตงเพียงผู้เดียวที่นั่งสงบอยู่บนเก้าอี้
เมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นตกอยู่ในอันตราย มือขวาของเขาพลันหยิบไพ่เอซโพธิ์ดำเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
ทว่าเวลาเพียงไม่กี่สิบวินาที หญิงสาวผู้นั้นก็เข้าสู่ทางตัน
เธอโดนโจรทั้งสองทั้งต่อยทั้งเตะ แถมยังโดนมีดอีก
ตอนนี้หญิงสาวเป็นฝ่ายถูกรุมเพียงอย่างเดียว ทว่าใบหน้าซีดขาวของเธอ กลับยิ้มอย่างเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
ตุบ!
โจรคนหนึ่งอาศัยตอนที่หญิงสาวหมดแรงถีบเข้าที่หน้าอกของหญิงสาวอย่างจัง
หญิงสาวกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ตัวของเธอลอยกระเด็นมาหยุดอยู่ข้างตัวเฉินตง
ตุบ!
เฉินตงยกมือขึ้นพยุงหลังของหญิงสาวผู้นั้นเอาไว้เพื่อช่วยให้เธอไม่ต้องรับแรงกระแทก
เมื่อกระแทกลงบนพื้น หญิงสาวคนนั้นกระอักเลือดออกมา สีหน้าของเธอขาวซีด
“ขอบคุณ”
เธอมองเขาอย่างซาบซึ้ง
เฉินตงเลิกคิ้ว “ผมช่วยได้นะ”
“โปรดเชื่อมั่นในฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ!”
หญิงสาวเอ่ยอย่างดื้อดึง เธอประคองตัวขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง
“อวดดีจัง”
เฉินตงยิ้มเฝื่อนๆ
หญิงสาวกล้าหาญ แต่เขากลับไม่คิดจะอดทนรอให้เกิดเหตุการณ์ต่อไป
และในตอนนั้นเอง
สายตาของเฉินตงแน่วแน่
เขาเห็นโจรทั้งสี่คนพุ่งโจมตีเข้าใส่หญิงสาวพร้อมๆ กัน มีดสองเล่มดักอยู่ทั้งหัวท้าย จ่อตรงดิ่งไปที่หญิงสาวผู้นั้น
“จบกัน!”
ใบหน้าของหญิงสาวที่ไร้เย็นชามาตลอด สุดท้ายก็เริ่มปรากฏความหมดหวังวุ่นวายใจขึ้นมา
สองมือยากที่จะต่อกรสี่มือ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มีถึงแปดมือ
หญิงสาวตะโกนร้อง เธอกำหมัดแน่นพร้อมพุ่งตัวไปยังโจรทั้งสองคน
ตุ้บ!
ตุ้บ!
โจรทั้งสองถูกเตะกระเด็น
แต่หลังจากนั้นติดๆ ก็มีกำปั้นหนักๆ ทุบเข้าที่หน้าอกของผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง
หญิงสาวเจ็บจนตัวงอ มีดยาวพุ่งตรงมายังที่คอของเธอในตอนนั้น
ความน่าขนหัวลุกนี้ทำให้หญิงสาวสีหน้าถอดสี จนถึงขั้นต้องหลับตาลงอย่างยอมจำนน
ฟิ้ว!
ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง เสียงวัตถุแหวกผ่านลมดังแว่วขึ้น
ฉึก!
“โอ๊ย!”
เสียงเสียดแทงราวกับทะลุเข้าไปยังกระดูก และเสียงร้องโอดโอยของโจรดังสะท้อนเข้าไปในหูของหญิงสาว
สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยน เมื่อลืมตาขึ้นจึงเห็นว่ามีดหยุดอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของเธอ
ส่วนข้อมือด้านขวาที่กำมีดเอาไว้กลับมีไพ่เอซโพธิ์ดำปักลึกทะลุถึงกระดูกจนเลือดไหลนองออกมา
นี่มัน……
หญิงสาวงุนงง
นอกจากนี้เหตุการณ์นี้ยังทำให้ผู้โดยสารที่กกำลังหวาดกลัวสิ้นหวังตกตะลึง
ทว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นรวดเร็วมากเสียจนทำให้ทุกคนไม่ได้สังเกตว่า เป็นฝีมือของใคร
โจรอีกสามคนที่เหลือก็ชะงักงันเช่นกัน สายตาของพวกเขากลอกลิ้งมองไปรอบๆ หาตัวผู้ลงมือ
ความประหลาดใจของหญิงสาวได้หายไปและกลับมาสู่ภาวะสงบนิ่งเช่นเดิม
และในชั่วขณะที่โจรทั้งสามมองไปรอบห้องโดยสารชั้นหนึ่ง เธอก็กัดฟันแน่นแล้วกระโจนเข้าใส่พวกเขา
ในเวลาเดียวกันโจรทั้งสามก็ส่งเสียงร้องและพุ่งตัวเข้าใส่หญิงสาว
และในห้วงเวลาที่โจรยกมีดขึ้นอีกครั้ง
ฟิ้ว!
เกิดเสียงการแหวกว่ายของวัตถุในอากาศขึ้นอีก
ไพ่ป๊อกอีกหนึ่งใบ พุ่งเข้าปักที่ข้อมือของโจรที่กำลังง้างมีดอยู่อย่างแม่นยำจนเลือดสาดกระเซ็น
“ไสหัวไป!”
หญิงสาวรู้สึกได้ใจ เธอยกเท้าถีบใส่โจรผู้นั้นจนกระเด็นออกไป
เฉินตงนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ เขาใช้เวลาพักใหญ่ในการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อให้พลังกล้ามเนื้อและความแม่นยำของเขาเหนือกว่าคนทั่วไป
ไพ่แค่ใบเดียวหากอยู่ในมือของเขา สามารถกลายเป็นเครื่องมือในการปลิดชีพได้
เขาไม่เคยเห็นหัวโจรแค่สี่คนนี้เลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจคือ การจี้กลางอากาศนี้จะทำให้การเดินทางนี้วุ่นวายมากขึ้น
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
……
เฉินตงคอยจ้องมองการต่อสู้ระหว่างหญิงสาวและโจรกลุ่มนี้ ทุกครั้งที่หญิงสาวกำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็จะเป็นเวลาที่เขาร่อนไพ่ออกไป
ความแม่นยำไม่มีผิดพลาด ความคมราวใบมีด
ภายในชั่วพริบตา ก็สามารถลดความร้ายแรงของเหตุการณ์ลงได้
ผู้โดยสารที่อยู่ในที่นั่งชั้นหนึ่งนี้ ต่างจดจ้องไปที่การต่อสู้ ในสายตาของพวกเขาความโหดร้ายรุนแรงในการต่อสู้ระหว่างหญิงสาวกับโจรเริ่มเปลี่ยนไปเป็นการต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อขึ้นมา
ในช่วงเวลาเป็นตายเท่ากัน ต่างไม่มีใครใส่ใจใคร
นี่เองที่ทำให้การลงมือของเฉินตงไม่มีคนสังเกต
มีเพียงหญิงสาวเพียงคนเดียว ที่รู้สึกประหลาดใจระหว่างที่ตนกำลังต่อสู้ แม้ว่าสีหน้าของเธอจะนิ่งเฉย แต่ในใจของเธอเกิดคลื่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น
ทุกครั้งที่คนผู้นี้เขวี้ยงไพ่ออกมา เป็นเวลาที่ช่วยหยุดยั้งความอันตรายของหญิงสาวได้พอดี
ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น
หญิงสาวผู้นั้นก็พิชิตโจรทั้งสี่ลงได้สำเร็จ
โจรทั้งสี่คนที่นอนห้องร้องโหยหวนอยู่บนพื้นด้วยสายตาหวาดผวา
ร่างกายของพวกเขาทั้งสี่คนแม้ว่าจะคนละตำแหน่งกันแต่ก็มีไพ่ใบสองใบเสียบลึกเข้าไปถึงกระดูก
พวกเขามั่นใจว่า ถ้าไม่มีคนทำไพ่บิน หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่
และในตอนนั้นเอง แอร์โฮสเตสกับผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมา จึงเข้าไปโจมตีโจรทั้งสี่คนและจับมัดมือมัดเท้าเอาไว้
หญิงสาวผู้นั้นกลายเป็นฮีโร่ในใจของทุกคนโดยอัตโนมัติ
เมื่อวิกฤตผ่านพ้น เสียงปรบมือและโห่ร้องอย่างดีใจจึงดังอื้ออึงขึ้น
ทว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกลับคอยเหลือบมองมายังเฉินตงด้วยสายตาประหลาดใจและตื้นตัน
เมื่อช่วงวิกฤตผ่านพ้นไป เฉินตงก็กลับไปใส่ผ้าปิดตาอีกครั้งแล้วนอนพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน ที่สนามบินมีคนยัดเยียดเบียดเสียดออกันอยู่
ทางด้านหนึ่งต้องจัดการให้ผู้โดยสารเดินทางออกไปได้ ส่วนอีกทางด้านหนึ่งต้องคอยดูแลความสงบเรียบร้อย นักข่าวจำนวนมากมายมหาศาลมายืนรอกันอยู่ด้วยเรื่องนี้
เหตุการณ์จี้เครื่องบินถือเป็นข่าวใหญ่ที่ร้ายแรงเสมอมา
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดต่างดึงดูดความสนใจของทุกคนได้
ส่วนหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นฮีโร่ก็ได้กลายเป็นจุดโฟกัสกล้องของนักข่าวทุกตัว
เมื่อมีนักข่าวและผู้โดยสารห้อมล้อมแน่นขนัดเช่นนี้ก็ยากที่จะขยับตัวไปไหน
ส่วนเฉินตงไม่ได้สนใจเหตุการณ์นี้แม้แต่น้อย เขาหยิบสัมภาระและดำเนินการบันทึกข้อมูลต่างๆ ก่อนจะเดินตามกลุ่มคนออกจากสนามบินไป
แต่เพียงก้าวออกสู่สนามบินไปได้ครู่เดียว ก็มีคนเรียกเขา
“นี่ เรื่องเมื่อกี้ขอบคุณคุณมากเลย”
รอยยิ้มของเฉินตงหายไป เขาหันกลับไปมองหญิงสาวที่วิ่งตามเขามา “คุณให้สัมภาษณ์เสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรอ”
“ขอบคุณคุณมากๆ ฉันชื่อเทียนอ้าย คุณชื่อว่าอะไรคะ” แววตาของหญิงสาวจ้องมองไปที่เฉินตงเป็นประกายแวววับ
ชายตรงหน้าดูลึกลับราวกับมีผ้าขาวบางผืนหนึ่งบังเอาไว้ ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกใจจนรู้สึกอยากจะกระชากผ้าผืนนั้นออกดูให้รู้แล้วรู้รอด
“เฉินตง ตงจากคำว่าตงฟาง แปลว่าบูรพา”
เฉินตงยิ้มพลางโบกมือ “ผมยุ่งมาก ขอตัวก่อน”
เทียนอ้ายชะงักไป ก่อนจะรีบสาวเท้าตามเฉินตงไป เธอเดินถอยหลังไปข้างหน้าเพื่อจะได้จ้องหน้าและคุยกับเฉินตง “เห็นชัดๆ ว่าเมื่อกี้คุณมีฝีมือ ทำไมถึงต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย”
“ผมไม่อยากยุ่งยาก ที่ผมต้องลงมือเพราะมันทำให้ผมเสียเวลามากแล้ว” เฉินตงก้าวต่อไปไม่หยุด เขาเลิกคิ้วพลางยิ้มเสียดสี “คุณก็บอกเองนี่ว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผมก็เลือกที่จะเชื่อคุณ”
หน้าของเทียนอ้ายปรากฏสีแดงระเรื่อ เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินเธอก็รู้สึกเขินอาย
เทียนอ้ายหยักไหล่แล้วเอ่ยว่า “งั้นคุณก็ควรให้สัมภาษณ์คู่กับฉันสิ ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จแน่ เครดิตครั้งนี้ควรเป็นของคุณ”
“ไม่ว่าง ผมรีบ” เฉินตงส่ายหน้า
เมื่อเทียนอ้ายผ่านการต่อสู้ดุเดือดเมื่อสักครู่นี้มาได้ เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรง
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินตงจึงรู้สึกสงสัย เมื่อครู่นี้คือจี้เครื่องบินนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังมีเรื่องอะไรสำคัญกว่านี้อีกหรือ
เธอกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “คุณมีธุระอะไรถึงได้รีบขนาดนี้ บางทีฉันอาจช่วยคุณได้นะ เพราะฉันคุ้นเคยกับเมืองนี้ดี”
เฉินตงหยุดเดิน “ผมรีบไปยอมรับความผิดกับภรรยาผม คุณช่วยได้หรอ”
เทียนอ้าย “……”