The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 459 เฉินตง คุณอยู่ที่ไหนกันแน่ ?
ไม่นะ !
ไม่ได้ !
หยุดเดี๋ยวนี้ !
เฉินตงตะโกนขึ้นในใจ ตอนนี้เขารู้สึกเสียสติจนถึงขีดสุด
แต่เขากลับไม่มีโอกาสที่จะหยุดเรื่องทุกอย่างได้เลย
มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น
สัมผัสที่เย็นฉ่ำ ทำให้เฉินตงรู้สึกพังทลาย
ร่างกายส่วนล่าง……ไม่จำเป็นต้องเช็ดจริงๆ นะ
เย่หลิงหลง เธอเป็นผู้หญิง ชายหญิงจะแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้ เธอยังเป็นคนอยู่อีกไหม ?
เฉินตงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า มือทั้งสองข้างของเย่หลิงหลงกำลังเลื่อนต่ำลงไปด้านล่าง ความรู้สึกที่ถูกปลายเล็บชื้นๆ สัมผัสเข้าที่ผิวหนัง เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนมาก
ราวกับถูกไฟช็อต
ในที่สุด เฉินตงก็รู้สึกเย็นฉ่ำ
“เฮ้อ~”
เสียงถอนหายใจของเย่หลิงหลงดังขึ้นข้างๆ หูในเวลาเดียวกัน
จบแล้ว……
เฉินตงรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
ตอนนี้เขาเป็นเหมือนปลาที่อยู่บนเขียง ทำได้เพียงแค่รอให้เย่หลิงหลง “เชือด” ก็เท่านั้น
จากนั้น
“เย่หลิงหลง ไม่เป็นไรนะ หากใจบริสุทธิ์ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา เห็นมาเจ็ดวันเต็มๆ แล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรหนักหนาสักหน่อย เห็นทุกสิ่งเป็นความว่างเปล่าก็พอ”
จู่ๆ เสียงสูดหายใจเข้าของเย่หลิงหลงก็ดังขึ้นข้างๆ หู
จากนั้น จู่ๆ เฉินตงก็ได้ยินหญิงสาวคนนี้ท่องบทสวดในพระคัมภีร์อย่างจริงจัง
“พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ณ ยามปฏิบัติลึกซึ้งซึ่งปราชญาปารมิตา เห็นแจ้งว่าขันธ์ห้าล้วนว่างเปล่า จึงข้ามความขมขื่นยากแค้นทั้งหลาย……”
เมื่อได้ยินบทสวดที่ดังขึ้นข้างๆ หู เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นฉ่ำของผ้าขนหนูตรงบริเวณต้นขาของเขา
เฉินตงรู้สึกราวกับร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
แต่เขาก็รู้สึกได้ว่า ตอนนี้เย่หลิงหลงกำลังช่วยเขาเช็ดตัวอย่างระมัดระวังนั้น ก็พยายามข่มใจเอาไว้อย่างถึงที่สุดแล้ว
บางที่ที่ไม่ควรเช็ด ก็ไม่ได้เช็ด
สิ่งนี้ทำให้เฉินตงที่กำลังรู้สึกเหมือนทุกอย่างพังทลาย กลับใจชื้นขึ้นอีกครั้ง
แต่การเช็ดตัวที่เดิมทีแล้วทำให้คนรู้สึกสบาย เมื่อเกิดขึ้นกับเฉินตงที่ได้สติในตอนนี้แล้ว กลับเป็นความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง
ความรู้สึกผิด จนใจ สิ้นหวัง โทษตัวเองผสมปนเปเข้าด้วยกัน
ราวกับมีมีดคมๆ ค่อยๆ แล่เนื้อออกมา
เวลาดำเนินไปเกือบสิบนาที
ในที่สุด
“เรียบร้อยแล้ว ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ !”
เสียงของเย่หลิงหลง เป็นเหมือนเสียงจากสวรรค์สำหรับเฉินตง
ตอนนี้ เฉินตงรู้ลึกโล่งใจขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุด……ก็จบสิ้นเสียที
มีเสียงเย่หลิงหลงกำลังบิดน้ำออกจากผ้าขนหนู ดังก้องขึ้นในหู
ไม่ช้า ก็ได้ยินเสียงของฝีเท้าดังขึ้น
เย่หลิงหลงไปแล้ว
เฉินตงนอนอยู่บนเตียง บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด
ตอนนี้ทุกอย่างเงียบสงบลง ความคิดของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง
นักฆ่าในคืนนั้น ใครเป็นคนส่งมากันแน่ ?
สามารถปิดถนนทั้งสายได้ มิหนำซ้ำยังส่งนักฆ่ามาอีก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา
แต่ในอีกซีกโลกหนึ่งนี้ ฉันมีศัตรูที่ไหนด้วยหรือ ?
ความคิดของเขาผุดขึ้นมา แต่กลับเป็นความคิดที่สับสนยุ่งเหยิงราวกับก้อนสำลีที่เน่าเสีย
เฉินตงคิดไม่ออกจริงๆ ในอีกซีกโลกหนึ่งนี้ ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาไม่มีศัตรูที่ไหน
ความมุ่งมั่นของเขาทั้งหมดอยู่ที่กางแข่งขันเพื่อช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน
ศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้น ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งเจ้าบ้านทั้งสิ้น หรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับคนสนิท
แต่ตอนนี้ ศัตรูเหล่านั้นล้วนถูกเขาเหยียบย่ำจนจมดินไปหมดแล้ว
อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินตงก็ไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องของซีกโลกนี้เลย
ไม่แม้แต่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วจะมีศัตรูได้อย่างไร ?
คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ทำให้ความอ่อนล้าถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ
“ร่างกายอ่อนแอเกินไปแล้ว แค่ใช้ความคิด ก็ยังยากที่เกินจะรับไหว”
เฉินตงคร่ำครวญอยู่ในใจ เหมือนที่เย่หยวนชิวพูดเอาไว้ สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ก็นับว่าโชคดีแล้ว
สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ตอนนี้เฉินตงก็ไม่กล้าคาดหวังที่จะให้ตนเองสามารถลุกยืนขึ้นได้ทันที
ดังนั้นเขาจึงระงับความสงสัยในใจเอาไว้
ไม่ฝืนต่อความเหนื่อยล้าอีกต่อไป จากนั้นก็นอนหลับสนิท
……
คฤหาสน์ตระกูลกู้
ด้านข้างสระน้ำในสวนดอกไม้
สายน้ำไหลริน มีน้ำพุพลุ่งพล่าน
กู้ชิงหยิ่งนั่งลงริมสระน้ำด้วยท่าทีหดหู่ ท่าทางของเธอเศร้าสร้อย แววตาดูว่างเปล่า
ค่อยๆ หยิบอาหารปลาที่อยู่ในมือ โยนลงไปในสระน้ำ
ดวงตาของเธอแดงก่ำและบวมเล็กน้อย ใบหน้าของเธอไม่หลงเหลือเค้าเดิม มีเพียงแต่ความซีดเซียวและอ่อนล้า
เมื่อมองฝูงปลาที่รวมตัวกันอยู่ในสระน้ำ กู้ชิงหยิ่งก็โยนอาหารปลาที่อยู่ในมือลงไปในสระจนหมด
ด้วยความเคยชิน ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาเฉินตง
แต่ผลลัพธ์ยังคงปิดเครื่องอยู่
เจ็ดวันเต็มๆ แล้ว !
แววตาของกู้ชิงหยิ่งสั่นคลอน ริมฝีปากแดงระเรื่อขยับเล็กน้อย และพึมพำออกมาด้วยความโศกเศร้า : “เฉินตง คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ? คุณอยู่ที่ไหนกันแน่ ? อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล บอกว่าจะมาขอโทษ แต่จู่ๆ กลับหายตัวไปแบบนี้หรือ ?”
เธอยังไม่ได้ให้อภัยเฉินตง อันที่จริงแล้ว เรื่องทรยศหักหลังด้วยการนอกใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลือกที่จะให้อภัยทั้งนั้น
นอกเสียจากว่า ไม่ได้รักอีกฝ่าย หรือว่าเห็นความรักเป็นเรื่องที่ต้อยต่ำเกินไป
ทว่ากู้ชิงหยิ่งไม่ใช่ทั้งสองอย่าง
ตั้งแต่ที่รู้ความจริงจากปากของเทียนอ้าย เฉินตงเพื่อที่จะมาขอโทษเธอ แม้แต่เกียรติยศชื่อเสียงอันใหญ่หลวงก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
เธอรู้สึกหวั่นไหว อยากฟังคำอธิบายจากปากของเฉินตง
ไม่ว่าการอธิบายได้จะอธิบายได้กระจ่างชัดหรือไม่ เธอก็ต้องการการพูดคุยต่อหน้าในครั้งนี้
ทว่า จู่ๆ กลับกดตัดสายโทรศัพท์ของเธอ แล้วหายตัวไปเจ็ดวันเต็มๆ
สิ่งนี้ทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเหมือนถูกควักหัวใจออกมาทันที
ความรู้สึกที่ซับซ้อนภายในใจ ทำให้ตลอดระยะเวลาเจ็ดวันมานี้ เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนกระทั่งร่างกายซูบผอมไปมาก
ชั้นสองของคฤหาสน์
กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิง มองดูกูชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ริมสระด้วยความเป็นห่วง
“คุณกู้ คุณหาเฉินตงเจอหรือยังคะ ?”
หลี่หวั่นชิงรู้สึกร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำเสียงของเธอไม่อ่อนโยนอย่างเช่นปกติอีกต่อไปแล้ว
เฉินตงมาสำนึกผิด พวกเขาจึงรู้สึกว่าควรจะพบหน้ากันสักครั้ง
นั่นเป็นเพราะ ไม่ว่าจะดีหรือเลว ก็ควรจะให้เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งทั้งสองคน ได้พูดคุยกันให้กระจ่าง แล้วหาข้อสรุปออกมาให้ได้
ตอนนี้เฉินตงหายตัวไป ความรู้สึกรวมถึงความกดดันทั้งหมด จึงมาตกอยู่ที่ลูกสาวของตนเอง
ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ไม่มีใครยินดีที่จะเห็นลูกสาวสุดที่รักของตนเองต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
“หาแล้ว กำลังตามหาอยู่ หน่วยข่าวกรองทั้งหมดของบริษัทชิงหยิ่งถูกส่งออกไปหมดแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ผมยังให้พี่เทียนกับพันธมิตรทางธุรกิจกลุ่มนึง ช่วยกันตามหาอีกด้วย”
ใบหน้าของกู้โก๋ฮั๋วแสดงท่าทีจนใจ : “แต่ก็ยังหาไม่เจอ แล้วผมจะทำอะไรได้ ?”
หลี่หวั่นชิงเห็นสีหน้าจนใจของกู๋โก๋ฮั๋ว ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
แต่สติก็ทำให้เธอรู้ชัดว่า หากโมโหในตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“หรือให้เทียนอ้ายมาอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหยิ่งดีไหม ? จะได้ถามข่าวๆ เรื่องการสืบหาจากทางด้านของเธอด้วย”
มีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นในตาคู่สวยของหลี่หวั่นชิง เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ : “ตอนนี้ลูกสาวมีสภาพเช่นนี้ ฉันเห็นแล้ว ก็รุ้สึกเจ็บปวดเหมือนมีมีดมากรีดที่หัวใจ”
“ผมจะไปโทรศัพท์หาเทียนอ้าย”
กู้โก๋ฮั๋วถอนหายใจ จากนั้นจึงเดินออกจากริมหน้าต่างไป เดินไปพลางก็บ่นพึมพำไปพลาง : “เฉินตง นายอยู่ที่ไหนกันแน่ ?”
สองชั่วโมงผ่านไป
ประตูใหญ่ของคฤหาสน์เปิดออก มีรถลัมโบร์กีนีขับเข้ามา
หลังจากเทียนอ้ายลงจากรถ เห็นกู้ชิงหยิ่งที่ยังคงนั่งอยู่ตรงริมสระน้ำที่เดิม ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจออกมา
“เสี่ยวหยิ่ง”
เธอเดินเข้าไปหากู้ชิงหยิ่ง
“ได้ข่าวเฉินตงบ้างหรือยัง ?” กู้ชิงหยิ่งยกมือขึ้นเงียบๆ แล้วเช็ดน้ำตาตรงหางตา จากนั้นจึงฝืนยิ้มแล้วหันไปมองเทียนอ้าย
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่พ่อเท่านั้นที่ออกตามหาอย่างสุดกำลัง
เทียนอ้ายเองก็ใช้อำนาจของตำรวจสากลเช่นกัน
เทียนอ้ายเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ
แต่ก็ยังคงส่ายหัว : “ไม่มีเบาะแสเลย แต่จากการสืบสวนของเรา คาดว่าเขาน่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
เปรี้ยง !
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า สั่นเทาไปทั้งตัว
ทันใดนั้น ก็แสดงท่าทีตื่นตระหนกออกมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา ?”