The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 469 ไม่ได้มาดี
บนกำแพงสูง
ว่างเปล่า
แต่สีหน้าของเย่หลิงหลงกลับเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง เธอตะโกนออกมาเสียงดัง : “ใคร ? !”
หลังจากพูดจบ
ก็มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นด้านนอกกำแพง
ใบหน้าอันงดงามค่อยๆ โผล่ออกมาจากผนัง
แลบลิ้น แล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ : “ฉันเพิ่งจะปีนขึ้นมา ก็ถูกเธอพบเข้าให้แล้ว เธอเกิดมาเอขัดขวางฉันใช่ไหม ?”
พบเข้ากับใบหน้าที่ดูคุ้นเคย
ความเย็นชาบนใบหน้าของเย่หลิงหลงจางลงเล็กน้อย เธอค่อยๆ ยกหมัดขวาขึ้นมา แล้วแสยะยิ้ม
“อยากเจ็บตัวฟรีอีกใช่ไหม ?”
เทียนอ้ายที่ฟาดตัวอยู่บนกำแพงผงะไปเล็กน้อย
จากนั้นจึงก้มหน้ามองหน้าอกโดยไม่รู้ตัว
เฮ้อ~
ความคิดนี้ช่างกล้าหาญเกินไปแล้ว
“เธอปีนกำแพงของสมาคมซานเหอครั้งแล้วครั้งเล่า พอจะรู้ผลที่ตามมาไหม ?”
เย่หลิงหลงพูดอย่างเคร่งขรึม แสดงท่าทีตักเตือน
สมาคมซานเหอเป็นองค์กรใหญ่ของหงหุ้ย ควบคุมสาขาอีกสามพันหกร้อยแห่ง
ต่อให้เทียนอ้ายจะปีนกำแพงเข้ามาโดยไม่มีเจตนาร้าย แต่สมาคมซานเหอก็ไม่มีทางทนต่อการกระทำที่เป็นการดูถูกเช่นนี้
และทั้งสองครั้งก็ถูกเธอจับได้อีกด้วย
หากเป็นคนอื่น คงจะถูกจับกุมโดยคนในสมาคมซานเหอไปแล้ว
ผลลัพธ์ของการแอบบุกรุกสมาคมซานเหอนั้น เทียนอ้ายย่อมรู้ดี
แต่ตอนนี้เธอมีเงื่อนงำเกี่ยวกับหงหุ้ยเพียงเล็กน้อย
ตอนนี้เธอแค่ต้องการแน่ใจว่า คืนที่เฉินตงหายตัวไป หงหุ้ยงมอะไรขึ้นมาจากทะเลกันแน่ ?
ถ้าหากไม่บุกรุกเข้ามาในสมาคมซานเหอ เธอจะสืบหาเบาะแสจากที่ไหนกัน ?
แต่ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการตักเตือนของเย่หลิงหลง
เทียนอ้ายก็กลอกตา และแสร้งทำเป็นไม่รู้อีโหน่อีเหน่ : “ผลลัพธ์อะไร ?”
จู่ๆ เย่หลิงหลงก็หัวเราะออกมา
แววตาที่แหลมคมและเย้ยหยัน จ้องมองไปที่เทียนอ้ายซึ่งกำลังพาดตัวอยู่บนกำแพง
“เธอรู้สึกไหมว่าฉันโตกว่าเธอ ดังนั้นคิดว่าจะไม่ฉลาดกว่าอย่างนั้นหรือ ?”
เทียนอ้ายเงียบไป จู่ๆ ใบหน้าอันงดงาม ก็ปรากฏท่าทีโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที
เธอโต้กลับด้วยความหงุดหงิด : “หน้าอกใหญ่แล้วยังไง ?”
“หน้าอกใหญ่ ถือว่าสุดยอด !”
เย่หลิงหลงเลิกคิ้วแล้วหัวเราะ เสียงหัวเราะเยาะ เพียงพอที่จะทำให้แสงจันทร์และแสงอาทิตย์มืดมน
แทบจะในเวลาเดียวกัน
จู่ๆ สีหน้าของเธอก็เย็นชาจนถึงขีดสุด และวิ่งตรงไปยังกำแพงด้วยความเร็ว
“เธอลงมาเดี๋ยวนี้ !”
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
ใบหน้าของเทียนอ้ายก็แสดงความตื่นตระหนกออกมา
“ลาก่อนนะ”
เมื่อเห็นเย่หลิงหลงกระโดดลอยตัวขึ้นมา เธอก็รีบเอี้ยวตัวและกระโดดลงจากกำแพงทันที
เดิมที เย่หลิงหลงคิดอยากจะดึงเทียนอ้ายลงมาจากกำแพง
เทียนอ้ายหนีไปได้ ทำให้พลาดท่า เธอใช้ฝ่ามือกดลงไปบนกำแพง แล้วออกแรงพลิกตัวข้ามกำแพงไปลงยังตรอกเล็กๆ ด้านนอก จากนั้นจึงวิ่งตามเทียนอ้ายไป
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉลาดแต่ไร้หน้าอก ในทางกลับกัน สามารถเป็นหงกุ้นของหงหุ้ยได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่เพียงแค่ด้านการต่อสู้เท่านั้น แม้แต่สมองก็ชาญฉลาดมากด้วย
เป็นครั้งแรกที่เทียนอ้ายบุกรุก อาจทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นโดยบังเอิญ
แต่ความบังเอิญ เกิดขึ้นซ้ำสองได้ด้วยหรือ ?
ครั้งแรกคือความบังเอิญ ครั้งที่สองต้องเรียกว่าเตรียมการมา !
คนที่ตั้งใจลักลอบเข้ามาในสมาคมซานเหอ เย่หลิงหลงไม่อาจปล่อยเทียนอ้ายไปได้
และในขณะที่เย่หลิงหลงกำลังวิ่งตามเทียนอ้าย
ภายในห้อง เฉินตงที่นอนอยู่บนเตียง ก็มีประกายขึ้นในดวงตาของเขา
“หากไม่กลับไปตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นการปกป้องภรรยาและลูกอย่างดีที่สุดก็ได้”
ในขณะที่พึมพำ มือทั้งสองข้างของเฉินตงกลับจับลงไปบนขาทั้งสองข้างอย่างเงียบๆ
หลังจากรู้ว่าขาทั้งสองข้างต้องพิการ เขาก็อยากออกไปจากสมาคมซานเหอ และยากกลับไปอยู่ข้างกายของกู้ชิงหยิ่ง
แต่ตอนนี้เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อย เขาก็รู้ดีว่า หากกลับไปตอนนี้ มีแต่จะทำให้ทุกคนในครอบครัวของกู้ชิงหยิ่งต้องตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นเมื่อครู่ถึงแม้จะได้ยินเสียงของเทียนอ้ายอย่างชัดเจน แต่เขากลับไม่ยอมส่งเสียงออกมา
เทียนอ้ายไปและย้อนกลับมาอีกครั้ง แสดงว่าต้องสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้เบาะแสนี้ เฉินตงหวังว่าเทียนอ้ายจะไม่มาพบเข้า
ขาพิการแล้ว คนที่ลอบฆ่าเขาในคืนนั้นก็ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
ไม่แน่ว่าตอนนี้การหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ปีกของหงหุ้ย อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ต่อให้ท้ายที่สุดเขาต้องตาย ก็ยังดีกว่าต้องทำร้ายกู้ชิงหยิ่งทั้งครอบครัว
แววตาของเขาแน่วแน่ แล้วเฉินตงก็กัดฟันพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันไม่เชื่อ ชาตินี้ฉันจะกลับมายืนไม่ได้อีกแล้ว……ต่อให้กลับไป ก็ต้องกลับไปอย่างเต็มภาคภูมิ”
อีกทางด้านหนึ่ง
เย่หลิงหลงและเทียนอ้ายวิ่งตามกันมาติดๆ อยู่ในตรอกเล็กๆ ด้วยความรวดเร็ว
โครงสร้างของบ้านเรือนในย่านไชน่าทาวน์ มีการเว้นช่องว่างระหว่างบ้านแต่ละหลัง ทำให้เกิดเป็นตรอกเล็กๆ
“คนสวย เธอหยุดตามสักทีได้ไหม ? ฉันหลงทางจริงๆ !”
เหงื่ออาบไปทั่วหน้าผากของเทียนอ้าย เธอตะโกนออกมาเสียงดัง
“ถ้าเธอไม่วิ่ง ฉันก็ไม่ตาม !”
เย่หลิงหลงมีท่าทีหยิ่งผยอง เธอเบ้ปาก แล้วแสยะยิ้ม : “ตอนนี้เธอควรจะขอบคุณฉัน ที่ไม่ได้เรียกคนมาล้อมเธอเอาไว้”
“พวกเราสองคนเป็นไปไม่ได้หรอก” จู่ๆ เทียนอ้ายก็พูดขึ้น
เย่หลิงหลง : “……”
คิดอะไรอยู่ ?
จู่ๆ เทียนอ้ายซึ่งอยู่ด้านหน้า ก็เตะกำแพงที่อยู่ด้านข้างด้วยเท้าขวา จากนั้นจึงกระโดดไปที่กำแพงด้านซ้ายแล้วใช้เท้าเตะอีกครั้ง
ติดต่อกันสามครั้ง และกระโดดขึ้นไปอยู่บนกำแพงสูงเกือบสามเมตร
“เธอหนีไม่รอดหรอก !”
เย่หลิงหลงสีหน้าจริงจัง ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เธอระเบิดพลังออกมา
“ตุ้บ” ฝ่ามือกระทบลงบนแผ่นกระเบื้องที่อยู่บนกำแพงจนแตก จากนั้นจึงหยิบเศษกระเบื้องขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วโยนเข้าใส่เทียนอ้ายดัง “ฟิ้ว”
ตุ้บ !
เทยีนอ้ายที่กำลังวิ่งหนี รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ด้านหลังหัวเข่าด้านซ้าย
เสียงกรีดร้องดังขึ้น เธอสูญเสียการทรงตัวทันที และหล่นลงมาจากกำแพง
“ตอนนี้ ยังจะหนีอยู่อีกไหม ?”
ยังไม่ทันทีเทียนอ้ายจะลุกขึ้น แสงสว่างตรงหน้าก็มืดลง
เย่หลิงหลงเดินเข้ามาหาเธอ แล้วก้มลงมองมาที่เธอ
หางตาของเธอ เหลือบไปเห็นแสงสะท้อนในมือของเย่หลิงหลง
เทียนอ้ายตกตะลึงทันที : “เธอ เธอคงไม่ได้คิดจะฆ่าฉัน เพียงเพราะฉันปีนกำแพงเข้าไปในบ้านของเธอหรอกนะ ?”
เย่หลิงหลงเขย่ากริชที่อยู่ในมือ
น้ำเสียงดุดัน : “เธอแอบเข้ามาในสมาคมซานเหอครั้งแล้วครั้งเล่า มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?”
ตอนนี้ ใบหน้าของเย่หลิงหลงไม่เหลือความปรานีอยู่แม้แต่น้อย กลับเต็มไปด้วยความอำมหิต
คำพูดที่ดุดัน ราวกับว่าหากเทียนอ้านกล้าพูดจาติดขัดแม้เพียงเล็กน้อย กริชที่อยู่ในมือก็พร้อมที่จะฟันลงมาทันทีโดยไม่ลังเล
สีหน้าของเทียนอ้ายเปลี่ยนไป
ในขณะที่ขมวดคิ้ว จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า : “หงหุ้ยของพวกคุณ คืนนั้นงมอะไรขึ้นมาจากทะเลกันแน่ ?”
เปรี้ยง !
เย่หลิงหลงตกตะลึง ดวงตาของเธอเป็นประกายอย่างรวดเร็ว
เธอรู้ได้อย่างไร ?
การเคลื่อนไหวของหงหุ้ยในคืนนั้น ถึงแม้จะใช้คนหลายพันคน แต่ก็ถูกปิดเป็นความลับสุดยอด
แล้วผู้หญิงคนเดียว จะรู้ได้อย่างไร ?
ทันใดนั้น เย่หลิงหลงก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
ในขณะที่เธอกำลังตกตะลึงอยู่นั้น
ดวงตาของเทียนอ้ายก็เป็นประกาย ก็กลิ้งตัวออกไปหลายตลบในทันที แล้วอาศัยจังหวะลุกขึ้น แล้วเตะขึ้นไปบนกำแพง และในที่สุดก็หายลับไป
เย่หลิงหลงได้สติขึ้นมาทันที
แต่เมื่อมองเห็นกำแพงที่ว่างเปล่า ก็แน่ใจว่าไม่อาจตามทันแล้ว
หลังของเธอเย็นวาบ
เดิมทีเป็นเพราะการพบกันกับเทียนอ้ายในครั้งก่อน ทำให้เธอรู้สึกสนุกสนานขึ้นในใจเล็กน้อย
แต่หลังจากที่เทียนอ้ายพูดคำพูดประโยคเมื่อครู่ออกมา ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นทันที
“เธอมาที่สมาคมซานเหอก็เพื่อสืบหาเรื่องในคืนนั้น ไม่ได้มาดี จะต้องรับบอกคุณปู่โดยทันที”
พูดจบ ใบหน้าของเย่หลิงหลงก็เคร่งขรึมลง เธอรีบหันหลังกลับไปที่สมาคมซานเหออย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง
หลังจากเทียนอ้ายหนีออกมาจากไชน่าทาวน์ ก็รีบกลับเข้าไปที่รถอย่างรวดเร็ว
เธอตบหน้าอกด้วยความหวาดกลัว : “อันตรายจริงๆ ยังดีที่ฉันมีไหวพริบ ไม่อย่างั้นวันนี้คงต้องถูกจับตัวเอาไว้แน่นอน”
เทียนอ้ายเลิกคิ้ว ในสมองปรากฏภาพของท่าทีแปลกประหลาดของเย่หลิงหลงเมื่อครู่
“ต้องมีเรื่องปิดบังไว้แน่นอน แต่น่าเสียดายที่พบกับผู้หญิงอกโตคนนี้ทุกครั้ง ดูๆ ไปแล้ว ควรจะเปลี่ยนช่องทางจะดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับไปที่บ้านตระกูลกู้ก่อนก็แล้วกัน”