The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่195 คำเชิญ ตระกูลจางแห่งเมืองหลวง
ไม่กี่วันให้หลัง
เฉินตงยุ่งอีกครั้ง ต้องเป็นผู้นำโครงการของไท่ติง
และต้องสร้างโครงสร้างบริษัทการเงินกับฉินเย่ด้วย หลังจากนั้นแค่เป็นน้าวนำฉินเย่ก็พอ
ส่วนเมืองหลวง เพราะข่าวก่อความวุ่นวายของตระกูลหลี่ เขาจึงไม่ใส่ใจ
ตระกูลหลี่เช่นนั้น แม้เสื่อมโทรมกำลังจะล่มจม ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา
ทุกวันเวลาสองทุ่ม เลิกงานแล้วกลับบ้าน กู้ชิงหยิ่งมาอยู่เป็นเพื่อนหลี่หลานที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานทุกวัน เพราะเรื่องที่หลี่หลานโดนลักพาตัวนั่น
และสอนฟ่านลู่ทำอาหารด้วยบางครั้ง
เรียบง่ายและมีความสุข ทำให้เฉินตงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
แต่ที่เฉินตงไม่สนใจเรื่องตระกูลหลี่ในเมืองหลวง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้จริงๆ
พลบค่ำ
เฉินตง ท่านหลง คุนหลุน และฉินเย่ทั้งสี่คนนั่งดื่มเบียร์ตากลมกันบนดาดฟ้า
ดาดฟ้าชั้นบนสุดของคฤหาสน์ กลายเป็นที่สำหรับพักผ่อนในยามว่างของทั้งสี่คน
“คุณชาย ช่วงนี้เรื่องในเมืองหลวงมีไม่น้อยเลย”ท่านหลงพึมพำ
เฉินตงยิ้มอย่างคาดเดาไม่ได้
ฉินเย่ดูดเบียร์ไปหนึ่งอึก แล้วพูด:“แค่พริบตาเดียวตระกูลหลี่ก็ขึ้นตำแหน่งตระกูลที่รวยที่สุดในเมืองหลวงตั้งหลายปี มีกี่คนที่อยากได้ตำแหน่งนั้นมากมาย ครั้งนี้พี่ตงกับผู้นำตระกูลเฉินถลกหนังหน้าตระกูลหลี่ออกแล้ว คนพวกนั้นต้องอาศัยตอนที่ตระกูลหลี่ไม่สู้ดี เอาชีวิตพวกเขาแน่นอน”
เขาพูดพลางยักไหล่:“และซีสู่ตระกูลฉินก็มีคนอยากลากเขาลงจากตำแหน่งอย่างลับๆเช่นกัน”
ท่านหลงเบ้ปาก พลางมองท้องฟ้ายามค่ำคืน:“ฉันไม่สนใจเรื่องในเมืองหลวงหรอก แต่ตอนนี้เรื่องในเมืองหลวง ค่อยๆพัดมาถึงที่นี่อย่างช้าๆ”
เฉินตงขมวดคิ้วเป็นปม มองท่านหลงอย่างประหลาดใจ
เขาไม่สนใจว่าตระกูลหลี่จะเป็นตายร้ายดียังไง แม้เมืองหลวงจะวุ่นวายไปหมด แต่เขาก็ยังมั่นคง
แต่เรื่องสะพัดมาถึงทางนี้แล้ว สุดท้ายเขาและไท่ติงก็ต้องถูกพัดเข้าไปในกระแสน้ำวนอยู่ดี
จากอำนาจของเขาในตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่จะตีเสมอตัวเต็งของเมืองหลวง
ฉินเย่ก็มีท่าทีจริงจังขึ้นมา
ตนนั้นเป็นคนตระกูลฉิน มีความเกี่ยวข้องชัดเจนที่สุด
“การเคลื่อนไหวนั้นคืนนั้นเอิกเกริกเกินไป คนมีความสามารถที่ซ่อนอยู่ของเมืองหลวงตรวจสอบได้ง่ายมาก”
ฉินเย่ขมวดคิ้วพลางพูด:“พี่ตง เรื่องนี่พี่มีความคิดเห็นยังไง?”
“จับตาดูไว้”
เฉินตงหัวเราะกับตัวเอง:“เรื่องในเมืองหลวงแพร่สะพัดมา ไท่ติงที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากจับตาดู”
“ที่จริงคุณชายก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ยังเบื้องหลังคุณชายยังมีท่านผู้นำตระกูล และตระกูลเฉิน”คุนหลุนพูดปลอบ
ฉินเย่ยักคิ้วพลางพูด:“ตระกูลหลี่รู้เบื้องหลังของพี่ตง แต่ก็ยังลักพาตัวคุณนะ?”
คุนหลุนไม่มีอะไรจะพูด
แต่ท่านหลงกลับยิ้มเบาๆ:“เอาเถอะ ดูสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ดีหรือร้ายก็แล้วแต่มุมมอง”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังเฉินตงและคุนหลุนฝึกซ้อมปีศาจ กินอาหารเช้า ก็เตรียมตัวไปบริษัท
แต่รปภ.ของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ก็เอาจดหมายทักทายมาส่งหน้าประตู
พอเปิดจดหมายออกเฉินตงก็เศร้าใจทันที
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“จากเมืองหลวง?”ท่านหลงขมวดคิ้วถาม
เฉินตงพยักหน้า ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้:“จากตระกูลจางในเมืองหลวง เชิญผมร่วมงานประมูลในเมืองคืนนี้”
“งานประมูล?”
ท่านหลงตกใจ จากนั้นพูดอย่างยิ้มๆ:“ในเมื่อเชิญไปงานประมูล งั้นคงมาด้วยเจตนาดี”
เฉินตงลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น:“ท่านหลง พูดเรื่องตระกูลจางนี่กันบนรถเถอะ”
เขาขลุกอยู่กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลาสามปี รู้จักตระกูลที่เกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี
แต่นักธุรกิจรายใหญ่คนอื่นๆนอกวงการ ต้องถามท่านหลงแล้วล่ะ
ขับโรลส์รอยซ์ไปยังบริษัทไท่ติง
บนรถ ท่านหลงก็เล่าออกมา:“คุณชาย ตระกูลจางนี้นับได้ว่าเป็นตระกูลที่ไม่ค่อยมีทรัพย์สินอะไร ไม่ค่อยมีอำนาจในเมืองหลวงนักกิจการหลักก็เป็นในวงการบันเทิง หลังจากทำงานหนักมาสามชั่วอายุคน เขาได้กลายเป็นผู้มีอำนาจในวงการบันเทิง และได้ร่วมมือกับบริษัทภาพยนตร์นานาชาติแล้ว”
ไม่ค่อยมีอำนาจ
ไม่ค่อยมีทรัพย์สินอะไร
เฉินตงจับจุดสำคัญจากที่ท่านหลงพูดได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็โล่งอก
ตระกูลจางคงเป็นอย่างที่ท่านหลงพูดจริงๆ มาด้วยเจตนาดี ต้องการคบค้าสมาคมกัน
ไม่งั้นตระกูล“อ่อนแอ”แบบนี้ กล้าจัดการเขางั้นเหรอ?
เฉินตงบิดขี้เกียจแล้วพูด:“คืนนี้ผมจะให้ฉินเย่ไปกับผม”
ท่านหลงพยักหน้า และไม่สงสัยว่าทำไม่เฉินตงถึงพาฉินเย่ไปไม่ใช่เขา
ความจริงเฉินตงก็คำนึงถึงอายุของท่านหลง เมื่อก่อนไม่มีคนอื่นให้เรียกใช้ ต้องพึ่งแต่ท่านหลง วันนี้มีฉินเย่จากตระกูลร่ำรวยอยู่ สามารถแบ่งเบาภาระท่านหลงได้แล้ว
ทำงานยุ่งมาทั้งวัน
ณ เวลา6โมงเย็น
เฉินตงเลิกงานตรงเวลา เดินลงไปชั้นล่างและรออยู่ครู่หนึ่ง
ได้ยินเสียงของเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจากมุมถนนจากไกลๆ ดังไปทั้งถนน
ทันใดนั้นเฉินตงก็เห็นรถเคอนิกเส็กก์สีดำขับเข้ามา
บรื้น!
รถเคอนิกเส็กก์จอด แล้วเปิดประตูออก ฉินเย่เดินออกมา:“พี่ตง ไปกัน!”
เฉินตงหัวเราะออกมา
เห็นรถเคอนิกเส็กก์แล้วใจเต้นแรงนิดหน่อย
รถคันนี้แพงมากเลย!
“พี่ตง อย่าอึ้งอยู่ แค่รถคันเดียวตกใจอะไรเนี่ย?”ฉินเย่ยิ้มอย่างถากถาง
เฉินตงยู่ปาก พลางเข้าไปนั่งในรถ
เมื่อรู้สึกได้ถึงความหรูหราในรถ เขาก็งุนงงเล็กน้อย
เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉิน ฉินเย่เป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลฉิน
พวกเขาสถานะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเหมือนตอนนี้เขาต่างหากที่เป็นลูกที่ถูกทอดทิ้ง
“ฉินเย่ นายมีเงินออมส่วนตัวเท่าไหร่กันแน่เนี่ย?”
เฉินตงถามอย่างอดไม่ได้:“ตอนแรกก็ขายคฤหาสน์หลังข้างๆบ้านฉันก่อน ตอนนี้ซื้อถือรถที่แพงขนาดนี้ นายต่างหากที่เหมือนผู้สืบทอดตระกูลเฉิน?”
“มีไม่เท่าไหร่ๆ”
ฉินเย่ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน ขับรถพลางมองเฉินตงอย่างดูถูกแวบหนึ่ง:“พ่อพี่ให้เงินพี่เยอะขนาดนั้น แต่พี่กลับเก็บไว้ไม่เอาออกมาใช้ หรือจะไม่อนุญาตให้ผมเอาออกมาใช้ได้วย?”
เฉินตง:“……”
รถเคอนิกเส็กก์ขับด้วยความเร็ว
เมื่อมาถึงงานประมูลก็เป็นเวลา1ทุ่มแล้ว
ตกกลางคืน
เห็นสิ่งปลูกสร้างโบราณที่อยู่ตรงหน้า เฉินตงก็เคลิบเคลิ้มไปเล็กน้อย
เขาเคยไปสถานที่ระดับหรูหรามาไม่น้อย แต่เขาเคยมางานประมูลเป็นครั้งแรก
ทำตัวไม่ถูก
แต่ฉินเย่เดินเข้าไปในงานประมูลอย่างราบรื่น
เขาเดินพลางแขวะเฉินตง:“พี่ตง ของประมูลนี่ของพี่ใช้ไม่ได้ หรือของประมูลของซีสู่มีสไตล์กัน พี่ดูชื่อของประมูลนี่สิ ศาลเทียนเป่า เชยเสียจริงๆ”
เฉินตงยิ้มออกมา
ทั้งสองเดินมาถึงทางเข้า ยื่นบัตรเชิญ ขยับเนคไทเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในงานประมูล
ทันใดนั้นแสงไฟก็สลัวลง
เมื่อเดินไปตามทางเดินยาวไปจนถึงด้านในลานประมูล ไฟทั้งงานส่องไปแค่บนเวทีที่เดียว
“ท่านทั้งสอง กรุณาตามผมมา”
คนในลานประมูลเดินนำเฉินตงและฉินเย่ไปยังห้องส่วนตัวชั้นสอง
ขณะที่ทั้งสองขึ้นไปด้านบน
จู่ก็มีเสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นในความมืดระยะไกลๆ:“คุณปู่ เฉินตงผู้นั้นดูไม่จริงจังกับอะไรทั้งสิ้น เหมือนคนไม่เอาถ่าน!”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะแหบๆก็ดังขึ้น:“จางหยู่หลัน สายข่าวของตระกูลจางสามารถตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นได้ นับว่าสุดขีดความสามารถแล้ว แต่ยังสืบหน้าตาของเฉินตงไม่ได้ อีกเดี๋ยวเธอต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ ถ้าจำเฉินตงผิดคน ก็จะเสียกันไปหมด”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เป็นหมอนั่นแน่นอน ชายในชุดสูทรองเท้าหนังข้างๆเขา ท่าทางระมัดระวังมากเกินไป เป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลเฉิน จะเสแสร้งกับงานเล็กๆแบบนี้ได้ยังไง?”น้ำเสียงที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ก็จริง”
เสียงแหบๆจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม:“จางหยู่หลัน เธอจะโทษปู่ไหม?คืนนี้ตระกูลจางล้วนต้องพึ่งเธอแล้ว ถ้าเธอได้รับความเชื่อถือจากเฉินตง อนาคตของตระกูลจางก็เหลือทางรอดอีกทาง”
“ไม่โทษคุณปู่ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินตงเป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลเฉิน ต่อให้เขาอยู่ใต้กระโปรงทับทิมของหลาน หลานก็ไม่ได้เสียเปรียบนี่”
ในความมืด ร่างสูงในชุดกระโปรงยาวเดินไปที่ชั้นสองอย่างช้าๆ……