Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 363
บทที่ 363 แผนการลูกโซ่
แรงระเบิดและเปลวเพลิงโชติช่วงกำลังจะกลืนกินลูเซียน กระเบื้องสีเทาที่ใช้ปูระเบียงทางเดินแตกกระจายลอยขึ้นอย่างรุนแรงจากพลังนั้น ราวกับเป็นเพียงเศษกระดาษ เสียงระเบิดดังกึกก้องอื้ออึง จึงไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องหรือคร่ำครวญใดๆ
ทว่า ในตอนที่เปลวเพลิงและกลุ่มควันกำลังจะปกคลุมลูเซียน กลับพลันถูกกีดกันไว้ภายในกรงล่องหน ลูเซียนจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ภายในกรงนั้น แก๊สสีขาวที่เปล่งประกายด้วยอัคคีเพลิงมิอาจกล้ำกลายเข้ามาใกล้ลูเซียนได้แม้เพียงนิด
เวทมนตร์ระดับเจ็ด ‘กรงแห่งแรงพลัง!’
คนที่เดินอยู่ข้างกายลูเซียนคือราเวนติ ผู้วิเศษระดับเก้า สมาชิกคนหนึ่งของสภาสูงสุด และเป็นสหายกับนักโหราศาสตร์ผู้นำองค์กร ‘หอคอย’ ฉะนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านโหราศาสตร์ ราเวนติก็ยังมีอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีมนตราเตือนภัยกำกับไว้ เมื่อนักเวทผมบลอนด์ก้มศรีษะลงต่ำกว่าเดิม เขาก็พลันเกิดสังหรณ์ใจถึงลางร้าย วินาทีถัดมา ราเวนติก็เรียกใช้ ‘เวทกรงแห่งแรงพลัง’ แล้ว และมันก็กักขังนักเวทผมบลอนด์ไว้ภายในเมื่อเส้นแสงระเบิดโพลงออกมาในคราแรก
แม้ว่าพลังของระเบิดจะน่าทึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่เวทมนตร์ แรงลมค่อยๆ หยุดไปโดยที่มิอาจทำอะไรกรงเวทมนตร์ได้เลย เสียงทึบๆ ของแรงลมจากการระเบิดฟังดูเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ต่อหน้าผู้วิเศษ การลอบสังหารของนักเวทระดับกลางย่อมไม่มีทางได้ผล
ในตอนนั้นเอง การเคลื่อนไหวของฝุ่นควันในอากาศก็พลันเชื่องช้าลง แล้วสีสันภายในพื้นที่นั้นก็พลันหายไป
เวทมนตร์ระดับเก้า ‘หยุดเวลา!’
ลูเซียนได้ยินเสียงแหบพร่าของโดนัลด์ “ทุกคนออกไปจากที่นี่ก่อน”
โดนัลด์ไม่เหมือนกับราเวนติ เขาได้ศึกษาโหราศาสตร์ และมีประสบการณ์โชกโชนในการออกสำรวจท้องฟ้าและสุสานดวงดาว ดังนั้น ดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวของเขาจึงไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าคนอื่นๆ เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนหน้าราเวนติเสียอีก ทว่า ระยะเวลาในการร่าย ‘เวทหยุดเวลา’ นั้นนานกว่าเวทมนตร์อีกบทหนึ่งหรือสองวินาที ‘เวทกรงแห่งแรงกำลัง’ ของราเวนติจึงถูกใช้ออกไปก่อนเล็กน้อย
ลูเซียนมึนงงเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดโดนัลด์ถึงขอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่ อย่างไรเสีย ระเบิดก็ถูกราเวนติหยุดเอาไว้ได้แล้ว เหตุใดโดนัลด์จึงยังเลือกที่จะร่ายเวทมนตร์ระดับเก้าอีก แต่ลูเซียนก็ยังทำตามคำสั่งของโดนัลด์ ในขณะที่เบลลัคก้าวมาข้างหน้าเพื่อคุ้มครองลูเซียน
ทันทีที่พวกเขาเริ่มถอยออกมา มอร์ริสก็เริ่มร่ายคาถาแปล่งหูที่ทำให้เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ เมื่อมอร์ริสพร้อมแล้ว โดนัลด์ก็หยุดการใช้เวทมนตร์ระดับเก้าก่อนที่มันจะหมดเวลาในอีกสองวินาที ฝุ่นผงในอากาศเริ่มม้วนตัวลอยละล่องอีกครั้ง แต่ร่างกึ่งโปร่งแสงกลับถูกดึงออกมาจากเปลวเพลิงและฝุ่นควันโดยพลังที่มองไม่เห็น
เวทมนตร์ศาสตร์มืดระดับเก้า ‘ผูกวิญญาณ!’
เวทมนตร์ระดับเก้าบทนี้แตกต่างจากบทที่อยู่ในระดับต้นแต่ใช้ชื่อเดียวกัน มันสามารถจับวิญญาณก่อนที่จะสลายหายไปในอากาศแล้วกักขังไว้ในหินวิเศษ ผู้ใช้เวทมนตร์บทนี้ต้องร่ายคาถาก่อนจะเรียกใช้จากดวงจิตโดยตรง เว้นแต่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มืด
ลูเซียนมองเห็นดวงวิญญาณของนักเวทผมบลอนด์ที่กำลังกรีดร้องคร่ำครวญถูกดึงเข้ามาไว้เม็ดทับทีที่ดูคล้ายไฟ แม้ว่าจะมองเห็นได้เลือนรางมากก็ตาม แล้วทับทิมเม็ดนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีเขียวเข้มเป็นชั้นบางๆ
ต่อหน้าผู้วิเศษ แม้แต่การพลีชีพก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!
“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” มอร์ริสเดินมาหาลูเซียนขณะที่ในมือถือหินวิเศษเอาไว้ “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้า… ข้าไม่เป็นไรขอรับ” แม้ว่าลูเซียนจะสงบนิ่งและมีปฏิกิริยารวดเร็วอยู่ตลอด เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรดาผู้วิเศษ เขาก็ยังเชื่องช้ากว่าโข
ในขณะเดียวกันนั้น นักเวทระดับผู้นำที่เหลือ รวมถึงแกสตันและฟลอเรนเซียก็มาถึงเช่นกัน พวกเขาเป็นห่วงลูเซียน และต่างอยากจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูเซียน อีวานส์ หนึ่งในสมาชิกระดับสูงของเจตจำนงแห่งธาตุ เพิ่งจะเผชิญหน้ากับการลอบสังหารภายในเขตสำนักงานใหญ่ขององค์กร
เรื่องนี้จะต้องสืบสาวให้ละเอียด!
“หยุดอยู่ตรงนั้นขอรับ!” จู่ๆ เบลลัคก็ยกมือขึ้นห้ามทุกคน
เหล่าจอมเวทและนักเวท รวมทั้งลูเซียน มอร์ริส โดนัลด์ และราเวนติต่างมองไปทางเบลลัคด้วยความงุนงง
สีหน้าเบลลัคดูจริงจังมากขณะกล่าวรัวเร็ว “ขออภัยที่ต้องแสดงความหยาบคายขอรับท่านผู้ทรงเกียรติทุกๆ ท่าน เป้าหมายของนักเวทผู้นั้นคือท่านอีวานส์อย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักเวทที่โลกแห่งการรู้คิดเสียหายถาวรเพราะการค้นพบอนุภาคใหม่ของท่านอีวานส์ และเขาก็ต้องการจะตายไปพร้อมกับท่านอีวานส์เพราะความสิ้นหวัง หลายร้อยปีที่ผ่านมา เราต้องรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ทว่า ปัญหาก็คือ ทำไมนักฆ่าจึงทราบเวลาดีอย่างยิ่ง เหตุใดเขาถึงเดินออกมาจากคลังมิติพิเศษเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่การประชุมจบลง”
ระเบียงทางเดินที่นักเวทผมบลอนด์ใช้นั้นเชื่อมต่อกับคลังมิติพิเศษเท่านั้น และการรักษาความปลอดภัยบนชั้นนี้ก็เข้มงวดมาก ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เดินไปเดินมาในบริเวณนี้ หากว่านักเวทผู้นั้นแอบซุ่มอยู่ตรงมุมจริงๆ โกเลมที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนและวงแหวนเวทที่แฝงอยู่ย่อมต้องเตือนภัย
“ดังนั้นข้าจึงคาดเดาว่า ต้องมีสมาชิกระดับสูงจากเจตจำนงแห่งธาตุอย่างน้อยหนึ่งท่านที่ช่วยเหลือเขา! เพื่อความปลอดภัยของท่านอีวานส์ จึงขอความร่วมมือทุกท่านไม่เข้ามาใกล้ขอรับ เผื่อว่าผู้นำขบวนการลอบสังหารครานี้จะสบโอกาสอีก!”
เมื่อได้ยินที่เบลลัคกล่าว เหล่าสมาชิกระดับสูงของเจตจำนงแห่งธาตุก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง ต่างมองหน้ากันและคิดว่านั่นฟังดูสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง! แต่ผู้ใดกันเล่าที่ทำเช่นนั้น
ทุกคนแบ่งออกเป็นสามกลุ่มโดยไม่รู้ตัว และต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างตื่นตัวหวาดระแวง มีเพียงราเวนติที่คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “อัปยศ! อัปยศจริงๆ!”
“ท่านราเวนติ ท่านโดนัลด์ ท่านมอร์ริสขอรับ ได้โปรดเริ่มต้นการไต่สวนโดยเร็วที่สุดด้วยขอรับ ส่วนท่านอีวานส์ไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป และข้าจะอารักขาท่านอีวานส์กลับไปยังอัลลินเองขอรับ” เบลลัคแนะ เขาเชื่อใจผู้วิเศษทั้งสามที่เพิ่งจะช่วยเหลือลูเซียน โดยเฉพาะราเวนติ
ยกเว้นลูเซียนที่เรื่องราวของเขานั้นราวกับปาฏิหาริย์ สมาชิกระดับสูงคนอื่นๆ ขององค์กรต่างเป็นนักเวทระดับสูงเป็นอย่างน้อย หากว่าจะมีผู้ทรยศในหมู่พวกเขา ก็มีเพียงผู้วิเศษเท่านั้นที่จะรับมือได้
โดนัลด์พยักหน้าไปทางมอร์ริส “รีบจัดการเรื่องนี้กันเถิด ราเวนติ ช่วยส่งอีวานส์กลับไปพร้อมกับเบลลัคด้วย”
หลังจากที่โดนัลด์กล่าวจบ หอคอยเวทมนตร์ทั้งหอคอยก็เริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง เสียงระเบิดก้องกัมปนาทดังต่อเนื่องมาจากที่ไกลๆ
“แก่นพลัง!” สีหน้าของมอร์ริสพลันแปรเปลี่ยน เขายื่นมือทั้งสองข้างไปข้างหน้า ฉับพลันนั้นอากาศตรงหน้าก็ปรากฏประตูลึกลับที่มีอักขระเวทมนตร์จารึกไว้มากมาย
ประตูสีดำดูหนักและเก่าจนขึ้นสนิมถูกมอร์ริสกระชากเปิดออก ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป มอร์ริสและประตูก็หายวับไป
เวทมนตร์ระดับเก้า ‘เคลื่อนย้ายดังใจ!’
เวทบทนี้ใช้ได้ภายในระยะหนึ่งพันเมตร และมันจะใช้การได้ดีที่สุดภายใต้ระยะหอคอยเวทมนตร์ของผู้ร่ายคาถา!
“การลอบสังหารคือการดึงความสนใจจากเราเช่นนั้นรึ” โดนัลด์พึมพำกับตนเอง แม้ว่าเขาจะอยากส่งนักเวทระดับสูงที่อยู่ที่นี่ไปอารักขารอบๆ เขาก็ยังกังวลว่านี่อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ทรยศกระทำการสร้างความเสียหายให้กับพวกตนอีก
ดังนั้น เขาจึงกล่าวกับราเวนติว่า “เจ้าไปที่แก่นพลังควบคุมแล้วเปิดการป้องกันหอคอยระดับสอง เผื่อว่าหอคอยจะถูกสร้างความเสียหายอีก ข้าจะจัดการเรื่องการลอบสังหารเอง”
นอกเหนือจากนักเวทระดับตำนานทั้งสองแล้ว มีเพียงประธานและรองประธานเท่านั้นที่มีสิทธิเปิดใช้ระบบการป้องกันสูงสุดสามระดับของหอคอยเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม
จากนั้นโดนัลด์ก็หันมาพูดกับเบลลัคด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าอารักขาอีวานส์กลับไปที่อัลลิน”
สภาเวทมนตร์ออกแบบหอคอยอัลลินมาอย่างรอบคอบ และมีวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายอยู่ทุกชั้น หากเกิดการต่อสู้ขึ้นภายในหอคอยอัลลิน ย่อมมีผู้พบเห็นทันที ดังนั้นหอคอยอัลลินจึงปลอดภัยกว่าหอคอยเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์มในตอนนี้
อีกอย่าง ตอนนี้อาจารย์ของลูเซียน เจ้าแห่งพายุ ก็อยู่ในหอคอยอัลลิน ในขณะที่สมาชิกระดับผู้นำหลักอีกสองท่านขององค์กรกำลังยุ่งอยู่ แฮททาเวย์ไม่อยู่ในตัวเมือง และเดวี่ก็กำลังหลงใหลกับการพยายามสร้างโกเลมที่เปลี่ยนรูปร่างได้ตัวใหม่
“ตามคำบัญชาขอรับ ท่านโดนัลด์” เบลลัคค้อมตัวด้วยความจริงจัง ก่อนจะหันมาทางลูเซียน “ไปกันเถอะขอรับ ท่านอีวานส์”
ลูเซียนเหลือบมองไปทางสมาชิกองค์กรเจตจำนงแห่งธาตุที่แบ่งกลุ่มเป็นสามกลุ่มอย่างไม่โจ่งแจ้งนัก ลูเซียนลอบส่ายศีรษะในใจ จากนั้นจึงตามเบลลัคเข้าไปในห้องที่มีวงแหวนเวทเข้าสู่มิติพิเศษ
เมื่อผลักประตูเข้าไป ลูเซียนกับเบลลัคก็เดินตรงไปหาวงแหวนเวท หลังจากที่ทั้งสองก้าวไปยืนบนนั้น วงแหวนเวทก็กำลังจะทำงานแต่ฉับพลันนั้นแสงสว่างก็ระเบิดโพลง
ทว่า แสงเดียวกันนี้ยังครอบคลุมไปถึงเบลลัคด้วยเช่นกัน
แสงสว่างพลันขยายใหญ่ ทำให้ทั้งพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า!
ด้วยรู้สึกวิงเวียนหนัก ลูเซียนจึงไม่สามารถตตั้งสติได้ เขามองไปทางเบลลัคด้วยความตะลึงงันพร้อมกับที่รู้ตัวว่าความมืดมิดได้กลืนกินเขาไปทั้งตัวแล้ว ภายในความมืดมิดนั้น เส้นโค้งมากมายแลดูน่าขนลุกและลี้ลับซับซ้อน รายล้อมด้วยแสงจุดเล็กๆ มากมาย
เบลลัค… เบลลัคคือผู้วางแผนการทั้งหมดนี้เช่นนั้นรึ!
ลูเซียนอึ้งงัน
และพวกเขาก็เพิ่งจะใช้ม้วนคาถาเวทมนตร์ระดับเก้า ‘พื้นที่กระแสทวน’ ไปโดยเปล่าประโยชน์
‘พื้นที่กระแสทวน’ คือเวทมนตร์ระดับเก้าที่ใช้รบกวนกระบวนการเทเลพอร์ต!
เมื่อความมืดมิดอันตรธานหายไป แสงสว่างฉับพลันก็ทำให้ลูเซียนตาพร่า แต่ภายในวินาทีถัดมา เขาก็เรียกใช้ ‘เวทกำแพงดูดซับดักลาส’ ทันที
เมื่ออาการวิงเวียนหายไป เขาก็พบว่าตนเองมาโผล่อยู่กลางทะเลสาบกว้างใหญ่ ส่วนเบลลัคลอยตัวอยู่ในอากาศตรงหน้าเขา
บนใบหน้าคมเข้มของเขาปรากฏรอยยิ้มกำชัย เขาทาบมือขวาบนอกซ้าย แล้วโค้งตัวให้ลูเซียนอย่างสง่างาม
“ข้าคือ ‘ผู้ทวงแค้นทมิฬ’ ผู้พิทักษ์ราตรีหมายเลขหนึ่งร้อยสามสิบห้า ขอแสดงความเคารพท่าน ‘มารปฐมภูมิ’”
เป็นเขา!
ตอนที่เบลลัครออยู่นอกห้องประชุม เขาสามารถกำหนดเวลาได้จากการฟังเสียงฝีเท้าของคนในห้อง
จุดประสงค์เบื้องหลังแจกันต้องคำสาปนั้นมีอยู่สองอย่าง
หากว่าลูเซียนไม่พบปัญหาใดๆ ในตัวแจกัน เขาก็จะค่อยๆ หมดพลังชีวิตและตายไป และทางศาสนจักรก็จะใช้เรื่องนี้เป็นเป็นข้ออ้างในการโจมตีสภาเวทมนตร์เพราะพวกเขาจะบอกว่าการตายของลูเซียนนั้นคือการลงทัณฑ์ของพระเจ้า!
แต่หากว่าลูเซียนรู้ถึงปัญหาได้ เบลลัคก็จะมีโอกาสเข้าใกล้ลูเซียน!