Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 401
บทที่ 401 สาเหตุ
ดูด้ายังคงตื่นตระหนกหลังจากสังหารชนชั้นสูงอีกคนไปโดยไม่ตั้งใจ และกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงมากมายภายในปราสาทใต้ดิน เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า สมองของเขาก็พลันขาวโพลนเขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ และก็ได้เห็นชายผู้สวมรองเท้าบูทใหม่เอี่ยม
“เป็นเจ้า…” ดูด้ารู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นสหายตน แอนดริส หลังจากถอนหายใจ หัวใจของดูด้าก็เริ่มเต้นรัวแรงอีกครั้ง ราวกับมันกำลังพยายามชดเชยจังหวะที่หายไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
“ข้าเอง” แอนดริสกล่าวพร้อมกับยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง
“เจ้ารู้หรือไม่ ปราสาทใต้ดินแห่งนี้เลวร้ายเหลือเกิน! วงแหวนเวทเคลื่อนย้ายไม่ทำงานแล้ว มานี่เถิด แอนดริส เรามารออยู่ที่นี่จนกว่าการแข่งขันจะเสร็จสิ้น…” ดูด้ารีบบอกสหายที่ตนไว้ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้เอ่ยถึงส่วนที่ว่าเขาสังหารใครบางคนไป
แต่แล้วดูด้าก็เอ่ยถามด้วยความมึนงง “เสื้อเกราะเจ้าหายไปไหนรึ”
ดูด้าจำได้ชัดเจนว่าเมื่อเช้านี้ ตอนที่พวกเขามาที่นี่ด้วยกัน แอนดริสยังสวมเกราะสีดำครบชุดอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงรัดรูป เพียงส่วนเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปก็คือรองเท้าบูทคู่ใหม่
รอยยิ้มประหลาดยังคงไม่เลือนหายไปจากใบหน้าของแอนดริส และเขาก็หาได้ตอบคำถามของสหาย กลับพึมพำว่า “เจ้าคิดว่าที่นี่เลวร้ายเช่นนั้นรึ ข้าว่าที่นี่ออกจะดี” แอนดริสหลับตาลง ท่าทางราวกับกำลังลิ้มรสชาติไวน์อันหอมกรุ่นอยู่ “ข้าได้กลิ่นหยาดเลือด กลิ่นอันหอมหวาน… ข้ายังได้กลิ่นความเจ็บปวด ความเกลียดชัง และความโลภที่สั่งสมมานับร้อยๆ ปีได้อีกด้วย…”
ดูด้าคล้ายกับจะรู้สึกหนาวเหน็บ ในใจเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “แอนดริส เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าสังหารผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ… เหมือนกันรึ”
“สังหารผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจเช่นนั้นหรือ” กล้ามเนื้อบนใบหน้าแอนดริสพลันเริ่มขยับไปมาอย่างรัวเร็วเหมือนกับก้อนแป้งที่ถูกนวด
มือของเขาทะลุผ่านอกของดูด้าไปอย่างรวดเร็ว “เช่นนี้รึ” แอนดริสถามเหมือนกำลังละเมอ
ใบหน้าดูด้าปรากฏความกลัวที่มากมายเสียจนบิดเบี้ยว เขาเห็นว่าใบหน้าของแอนดริสแก่ชราลงและเริ่มเหี่ยวย่นอย่างรวดเร็ว แต่หนึ่งวินาทีให้หลัง ใบหน้าเขาก็กลับมาหนุ่มแน่นและคุ้นตาสำหรับดูด้าอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองที่แอนดริสถอนมือขวากลับมา ในมือเขากำหัวใจของดูด้าที่ยังชุ่มโชกโลหิตและเต้นตุบๆ อยู่
ก่อนที่เขาจะตกสู่ห้วงแห่งความมืดมิดชั่วนิรันดร์ ดูด้าก็ได้เห็นว่าหัวใจของตนมีหน้าตาเป็นเช่นไร
“ความเจ็บปวดนั้นช่างหอมหวาน” แอนดริสหลับตาลงและดอมดมกลิ่นโลหิตที่ลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ
…
ภายในห้องโถง ปีกสีขาวหกคู่ด้านหลังโซเฟียขยับแผ่วเบา ตอนนี้นางดูราวกับ ‘ราชินีแห่งสายลม’ ที่ตำนานว่าไว้ และใบหน้าของนางก็เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาท่ามกลางแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำให้นางยิ่งดูงามล้ำชวนตะลึง
ในสายตาลูเซียน แม้ว่าโซเฟียจะถือว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง แต่นางยังเยาว์นักและไร้ประสบการณ์ เมื่อเทียบกับหญิงงามโดดเด่นอย่างนาตาชากับซิลเวียแล้ว ความงามของโซเฟียยังไม่ถือว่าน่าประทับใจเท่าใด ทว่า ณ เวลานี้ โซเฟียที่ดูราวกับนางฟ้าตนหนึ่ง นับว่ามิได้ด้อยกว่าผู้ใดเลย
คฑาเวทมนตร์ของนางชี้ตรงมาข้างหน้า แล้วเชือกสายลมที่ดึงรั้งเจ้าชายไม่ให้เคลื่อนไหวไปไหนได้ดังใจก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น เดนิซที่รวบผมเป็นหางม้าดูท่าทางมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว การโจมตีต่อเนื่องของเขาเป็นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมาไม่หยุดหย่อน บังคับให้เบเยอร์ต้องเร่งถอยร่น
อีกทางด้านหนึ่ง อาร์เธนได้รับการรักษาจากพลังของโซเฟีย และที่น่าประหลาใจคือ พละกำลังของเขายังได้รับการฟื้นฟูกลับมาเต็มเปี่ยมอีกด้วย ดูเหมือนว่าพลังโลหิตของอาร์เธนจะค่อนข้างพิเศษไม่น้อย
ขณะถือโล่สีดำอยู่นั้น อาร์เธนก็พุ่งตัวเข้าหาเจ้าชายพร้อมกับดาบที่เปล่งประกายสุกใสในมือขวา อาร์เธนที่เพิ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นมหาอัศวินต้องอาจหาญเพียงใดจึงได้พุ่งเข้าต่อสู้ในระยะประชิดกับเจ้าชาย
ดาบที่มีประกายแสงสีเขียวสลัวรางของเบเยอร์ถูกยกขึ้นรับการโจมตีจากอาร์เธน ทว่า ทันทีที่ดาบของทั้งสองปะทะกัน เจ้าชายก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังอันมหาศาลจากอาวุธของอาร์เธน
‘อาร์เธนใช้ดาบอะไรกัน’ เบเยอร์มิอาจรู้ได้เลย
“เสด็จพี่ อาร์เธนสวมชุดเกราะอัศวินระดับห้าที่ชื่อว่า ‘แสงดาราไร้นาม’ ครบชุด ผู้ใดก็ตามที่ต่อกรกับเขาจะเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆ รวมถึงท่านด้วย ในเมื่อตอนนี้ท่านถูกจำกัดเอาไว้ อาร์เธนจึงใช้พลังจากเครื่องมือของเขาได้อย่างเต็มที่เสียที” โซเฟียเอ่ยเสียงเย็นเยียบกับพี่ชาย ในขณะเดียวกันนั้น นางก็ทำให้เบเยอร์ยิ่งตัวชาด้วยกลุ่มแสงเล็กๆ
ขณะนี้ดาบชองเดนิซกับอาร์เธนอยู่เหนือศีรษะเบเยอร์แล้ว!
ฉับพลันนั้น ปีกสีขาวก็สยายออกมาจากแผ่นหลังของเบเยอร์และโอบล้อมเขาเอาไว้ตรงกลาง
สายฟ้าฟาดกับแสงดาวพลันระเบิดโพลงเมื่อดาบทั้งสองกระทบกับปีก ขนนกสีขาวมากมายร่วงหล่นลงพื้น ปีกนั้นมอบโอกาสชั่วเสี้ยววินาทีให้เบเยอร์ได้ตอบโต้ เจ้าชายตวัดดาบสีเขียวออกไป ผลักดันให้เดนิซกับอาร์เธนต้องถอยร่น
ทว่า เมื่อเบเยอร์กำลังจะก้าวไปข้างหน้าและโจมตีระลอกที่สอง พื้นที่รอบตัวเขาก็พลันบิดเบี้ยว และนั่นทำให้เบเยอร์เสียสมดุลไปวูบหนึ่ง
‘สนามแม่เหล็กบิดเบี้ยว!’
เดนิซกับอาร์เธนฉวยโอกาสนั้นหมุนกายกลับมาและวิ่งเข้าหาเจ้าชายครั้งอย่างเร็วรี่
เวทปัญญาทึบ สะกดจิต กลัว หลับ เชือกสายลม สนามแม่เหล็กบิดเบี้ยว สนามแม่เหล็กสั่นสะเทือน ใยแมงมุม…โซเฟียร่ายคาถาออกไปเป็นชุดเพื่อเหนี่ยวรั้งกักขังพี่ชายของตน นางมิได้พยายามจะโจมตี แต่เลือกที่จะรบกวนการเคลื่อนไหวของเบเยอร์เมื่อเห็นสมควรเพื่อสร้างโอกาสให้กับอัศวินทั้งสอง
กลยุทธ์ของโซเฟียใช้ได้ผลดี และตอนนี้เบเยอร์ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเสียแล้ว ในระบบเวทมนตร์โบราณ ธาตุลมนั้นเชื่อมโยงกับมายาศาสตร์
แต่ว่า เพราะพลังโลหิต ‘ทูตสวรรค์’ ของเขา ทำให้เบเยอร์มีความต้านทานเวทมนตร์อย่างมาก มนตราคาถาของโซเฟียส่วนใหญ่จึงส่งผลต่อตัวเขาเพียงเล็กน้อย และไม่นานแสงสว่างจากปีกของเบเยอร์ก็ขับไล่ผลของเวทมนตร์ออกไปจนหมด
โซเฟียยังคงดำเนินตามแผนของตน นางคอยร่ายคาถาไปพร้อมๆ กับทำให้เบเยอร์เสียสมาธิ
“เสด็จพี่ยังพยายามคิดหาคำตอบว่าท่านพ่อได้พลังมาจากไหนใช่หรือไม่ ท่านยังสงสัยว่าทำไมท่านพ่อถึงเลื่อนขั้นเป็นระดับตำนานได้ใช่ไหม คิดดูสิ เสด็จพี่จะพบเอกสารที่ซ่อนไว้ได้อย่างไร ท่านคิดหรือว่าท่านพ่อจะเขียนความลับอันยิ่งใหญ่ไว้น่ะ”
หัวใจของเบเยอร์หล่นวูบ “เป็นเจ้าเช่นนั้นรึ”
“ฮ่าๆ ข้าเลียนแบบลายมือท่านพ่อได้ดีมากใช่ไหมเล่า หากเสด็จพี่ไม่เคยเห็นเอกสารเหล่านั้นมาก่อน ท่านก็คงไม่ลงมายังที่แห่งนี้ และท่านก็คงมิมีวันเปิดโอกาสอันดีงามเช่นนี้ให้ข้าได้สังหารท่าน” รอยยิ้มบนใบหน้าโซเฟียยังคงดูใสซื่อบริสุทธิ์
“เช่นนั้นความลับก็ไม่มีอยู่จริงน่ะหรือ” เบเยอร์พึมพำ ความหวังของเขาพลันพังทลายลง ดาบของเดนิซกับอาร์เธนเกือบจะฟันเฉือนโดนตัวเขา แคลร์เองก็เกือบจะพ่ายแพ้ให้กับเหล่าชนชั้นสูงอีกกลุ่มหนึ่งที่ปลุกพลังโลหิตในกายขึ้นได้แล้ว
“ไม่ มันมีอยู่จริง แต่มันเป็นของเรา เป็นของข้ากับอัศวินของข้า! ข้าโชคดียิ่งนัก เรล์ฟได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่จากตำนานของตระกูล ดังนั้นเราจึงวางกับดักท่านได้สำเร็จ อาร์เธนเองก็เป็นอัศวินของข้า พวกเขาต่างยินดีทำทุกอย่างเพื่อข้า แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม! การแสดงของพวกเราไม่เลวเลยใช่ไหมเพค่ะ” รอยยิ้มของโซเฟียนั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์โดยธรรมชาติ และริมฝีปากที่เหมือนกับกลีบดอกไม้ก็ฉกฉวยหัวใจผู้ชายทุกคนได้อย่างง่ายดาย “อีกอย่างนะ ต้องขอบคุณโบลัค เจ้าทึ่มผู้นี้ เสด็จพี่คิดว่าข้าพยายามจะบงการและช่วยเหลือโบลัค แต่ท่านไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของข้าคืออะไร”
จากนั้นนางก็หันหลังกลับ และก็ได้เห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของโบลัคที่ตามคาดไว้ นางทำปากยื่นเล็กน้อยแล้วกล่าวกับลูเซียนเหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยๆ “ข้าชอบท่านมากจริงๆ นะ หากไม่มีท่าน เสด็จพี่ของข้าคงไม่มีทางมาติดกับของเราเช่นนี้”
“เจ้า…” ลูเซียนตอบกลับมาด้วยท่าทางราวกับพูดอะไรไม่ออก แต่ในสมองนั้น เขาเกือบจะหาตำแหน่งของห้องลับได้แล้ว
โซเฟียหัวเราะคิกคัก “หยุดแสดงเถิด ข้ารู้ว่าเจ้าหาใช่คนไร้ความคิด และเจ้าก็ไม่เคยตกหลุมรักข้าเลยสักนิด”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน” ลูเซียนถามด้วยอยากรู้อย่างแท้จริง เขาคิดว่าตนเองเป็นนักแสดงที่ดีมาตลอด และไม่รู้เลยว่าการแสดงส่วนใดของเขาที่ผิดพลาด
หลังจากเหนี่ยวรั้งเบเยอร์ด้วยเชือกสายลมให้แน่นยิ่งขึ้น โซเฟียก็ตอบกลับมาว่า “ความกระตือรือร้นของเจ้านั้นเป็นเพียงฉากหน้า ข้ามองไม่เห็นความปรารถนาลึกซึ้งในใจ เจ้ารู้ไหม พวกผู้หญิงมักจะมีสัมผัสที่ไวต่อเรื่องนี้นัก ข้าเองก็สวมบทบาทของข้าเช่นกัน แต่ไม่ว่าเจ้าจะวางแผนอะไรไว้ มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
ครานี้ลูเซียนพูดอะไรไม่ออกอย่างแท้จริง
เมื่อหันกลับมาทางพี่ชายของนางอีกครั้ง โซเฟียก็ยั่วยุอารมณ์เบเยอร์ต่อไป “เสด็จพี่โหดเหี้ยมกว่าที่ข้าคาดไว้นะเพค่ะ ท่านเกือบจะสังหารอาร์เธนไปก่อนที่เราจะได้เริ่มต้นแผนการ ท่านเกือบจะทำให้แผนของเราล่ม”
แม้ว่านางจะเอ่ยเช่นนั้น แต่นางกลับไม่ได้มีท่าทีเป็นกังวล และน้ำเสียงก็ปราศจากความหวั่นเกรง ราวกับทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง
“เจ้าคือผู้ค้นพบความลับเช่นนั้นรึ” ลูเซียนถามเรล์ฟที่ยืนอยู่ข้างๆ
เรล์ฟได้ร่ายคาถาเวทมนตร์ ‘เชื่องช้า’ ใส่โบลัคเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายขยับไปมาอย่างเป็นอิสระได้ ตอนนี้เขากำลังหัวเราะร่าอย่างหนัก รู้สึกค่อนข้างภาคภูมิใจในตนเอง “ใช่! เป็นข้าเอง! เจ้าคงจะประหลาดใจน่าดูที่จู่ๆ ข้าก็ปลุกพลังโลหิต ‘ดวงอาทิตย์’ ขึ้นมาได้ ใช่หรือไม่”
“มันคือของปลอมอย่างนั้นรึ” ลูเซียนไม่มีทางบอกเรล์ฟว่าเขามองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
รอยยิ้มมีชัยเหนือกว่าบนใบหน้าเรล์ฟยิ่งแย้มออกกว้าง “มันหาใช่พลังโลหิต ข้าคือนักเวท นักเวทผู้ทรงเกียรติ! ตระกูลกอร์สคือผู้สืบสายเลือด ‘ราชันย์แห่งสุริยา ธานอส’ นักเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา! แต่ตอนนี้พวกเขากลับอ้อนวอนขอให้พลังโลหิตในกายถูกปลุกขึ้น ทั้งๆ ที่พลังโลหิตนั้นมาจากการทดลองกับทาสของเหล่านักเวท นั่นมันผิดมหันต์! ดังนั้นข้าจึงแอบศึกษาเวทมนตร์มาสักพักแล้ว และข้าก็ไปเจอม้วนกระดาษลับที่ ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ ทิ้งไว้ด้วยความบังเอิญ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ของปราสาทใต้ดิน ความที่ทำให้ ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ แข็งแกร่งทรงพลัง!”
ลูเซียนมิได้ตอบกลับ เรล์ฟจึงอวดโอ่ต่อไป
“ภายในห้องลับที่มีรูปวาดมากมายแขวนเรียงราย ยังมีอีกห้องซ่อนอยู่ มันต้องใช้เลือดของทายาทที่แท้จริงของท่านธานอสและพลังชีวิตครึ่งหนึ่งของคนผู้นั้น เมื่อทุกอย่างพร้อม เราจะใช้เลือดของเจ้าเพื่อเปิดประตูเพื่อให้ได้รับพลังที่เหนือจินตนาการ เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะได้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งเทียบเท่า ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ จากนั้นข้าก็จะได้แต่งงาน…”
เรล์ฟเอ่ยเสียงเบาลง เขาเหลือบมองไปยังโซเฟียทางหางตา
ลูเซียนเดาว่าเรล์ฟกำลังพูดถึงห้องลับคนละห้องกันกับที่ไรห์นบอกเขา เขานึกสงสัยว่าที่แห่งนี้ยังมีความลับอีกมากมายเพียงใดซ่อนอยู่
เมื่อเห็นว่าโบลัคไม่ตอบอะไร เรล์ฟก็ค่อนข้างผิดหวัง “เจ้าไม่อยากจะพูดอะไรหน่อยรึ โบลัค”
“…ก็ ขอบใจที่บอกข้านะ” ลูเซียนบอกด้วยความจริงใจ
…
เมื่อได้ยินถ้อยคำของโซเฟีย เบเยอร์ก็โพล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไร้ที่มาที่ไป “น้องสาวที่รักของข้า ขอบใจเจ้า ข้าดีใจจริงๆ ที่ได้ยินว่าความลับนี้มีอยู่จริง!”
ปีกทั้งหกคู่ของเบเยอร์ช่วยชีวิตเขาจากดาบของเดนิซกับอาร์เธนและเวทมนตร์ของโซเฟียอีกครา แต่ก็ต้องแลกกับหนึ่งปีกที่แทบจะหักลง
ในตอนนั้นเอง ลูเซียนสัมผัสได้ถึงพลังชั่วร้ายแห่งโบราณกาลภายใต้ปีกเหล่านั้น จากนั้นเขาก็เห็นว่าเบเยอร์กำลังถือตราชั่งขนาดเล็กไว้ในมือขวา ด้านซ้ายของตราชั่งเป็นสีขาวและด้านขวาเป็นสีดำ
“‘ตราชั่งตุลาการ’ งั้นรึ” สีหน้าโซเฟียพลันแปรเปลี่ยน
มันคืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันดีจากจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าพระเจ้าได้ทิ้งตราชั่งนี้ไว้และพลังของมันก็สามารถเทียบได้กับผู้นำระดับตำนาน
เห็นได้ชัดว่าตราชั่งที่เบเยอร์ถืออยู่นั้นเป็นเพียงแบบจำลองจากของจริง เหมือนกับแบบจำลองของ ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ที่ลูเซียนเคยเห็นมาก่อน ทว่า แบบจำลองนี้ก็ยังเป็นอุปกรณ์ระดับห้าขั้นยอดเยี่ยม และของเช่นนี้มักจะมีพลังพิเศษที่ใครก็ตามที่มีพลังต่ำกว่าระดับตำนานจะไม่สามารถต้านทานได้
แม้ว่าพลังจะใช้ได้เพียงวันละครั้ง ตราชั่งก็ยังทรงพลังมากพอจะพลิกกลับสถานการณ์!