Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 448
บทที่ 448 ‘ความจริงของโลก’
ผู้ฟังทั้งหลายสบตากันไปมา ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ในอดีตเคยเกิดการหยุดชะงักที่พวกเขาเรียกว่า ‘ความขัดข้องทางเทคนิค’ หรือเกิดความผิดพลาดจากผู้จัดรายการ แต่คืนนี้แตกต่างออกไป
เจ้าของบ้านผู้คอยดูแลวิทยุคือผู้ฝึกใช้มนตราที่ทางสภาเวทมนตร์ส่งตัวมา มีหน้าที่สนับสนุนให้มีการใช้วิทยุและดึงดูดผู้ฟังมาเรื่อยๆ และตอนนี้มุมปากบนใบหน้าเคร่งขรึมก็กำลังยกขึ้นนิดๆ เพราะเขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้จัดรายการไม่ได้บอกเฟลิเปล่วงหน้าเลยว่าเขาจะถูกขอให้พูดถึงพัฒนาการของวัยเจริญพันธุ์ จึงไม่แปลกเลยที่คนเย็นชาและอารมณ์ร้อนอย่างเฟลิเปจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
ซู่… เสียงกระแสไฟฟ้าตัดรายการที่กำลังดำเนินอยู่ แต่ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะตัดสินใจปรับจูนหาคลื่นวิทยุอีกครา เสียงหวานๆ ของไนติงเกลก็กลับมาเสียก่อน
“ขออภัยด้วยค่ะ สหายข้า ทางเราต้องขออภัยจริงๆ ท่านเฟลิเป แขกรับเชิญของเราเพิ่งจะกลับไปเพราะเรื่องส่วนตัวเร่งด่วน เราจะขอให้ท่านริคาร์โดพูดถึงหัวข้อนี้ต่อกันค่ะ ท่านริคาร์โดเองก็เป็นจอมเวทผู้เชี่ยวชาญในด้านการศึกษาร่างกายมนุษย์เช่นกัน…”
เสียงของนางยังคงไพเราะเสนาะหูแต่ขณะนี้กลับแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว
“…ท่านเฟลิเปไปแล้ว…” สการ์เล็ตถอนหายใจและรู้สึกผิดหวังอย่างมาก นางชอบเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ของเฟลิเป โดยเฉพาะโทนเสียงที่มีความหยิ่งยโสอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี
เซลมา สหายตัวเล็กน่ารักของนางก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่ไม่นานนางก็ตระหนักว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น “ท่านเฟลิเปไม่ชอบหัวข้อนี้! ไม่แปลกเลยที่ท่านจะเงียบและจากไป!”
ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นกุมสองข้างแก้มและกล่าวด้วยความตื่นเต้น “…แต่มันจะต้องน่ารักมากแน่ๆ หากท่านเฟลิเปพูดในหัวข้อนี้! ข้าพนันเลยว่าท่านต้องหน้าแดงแน่ๆ! โอย ตาย… เขาน่ารักสุดๆ ไปเลยที่กลับไปทั้งอย่างนี้! เย็นชาและทะนงตนสุดๆ!”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนเจ้าของบ้านกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กสาววัยรุ่น เขาอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัยว่าเฟลิเปจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากได้ยินความเห็นเมื่อครู่นี้ มันคงจะทำให้เขาหัวเสียยิ่งกว่าหัวข้อเรื่องวัยเจริญพันธุ์เป็นแน่
หลังจากที่ความตื่นเต้นลดลงแล้ว จู่ๆ เซลมาก็นึกอะไรขึ้นได้ “ถ้าเกิดว่าท่านเฟลิเปไม่กลับมาอีกแล้วล่ะ”
“ข้าว่าท่านต้องกลับมา… ไม่รู้สิ… แต่ครั้งถัดไปหัวข้อคงจะไม่เหมือนเดิมเป็นแน่” สการ์เล็ตกล่าว
ในขณะเดียวกันนั้น แอนดี้และเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนที่เหลือต่างตาลุกวาวและถูกหัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจทั้งหมดไป หัวข้อในคืนนี้จะตอบคำถามมากมายในใจพวกเขาที่ไม่เคยกล้าเอ่ยถามผู้ใด และเมื่อเนื้อหามาถึงร่างกายเด็กผู้หญิงที่จะเปลี่ยนไปเมื่อแตกเนื้อสาว จินตนาการของพวกเขาก็แล่นไม่หยุด
“…นี่มันเกินไปแล้ว!” สการ์เล็ตปิดหูหัวเองแล้วเบียดตัวเข้าใกล้เด็กสาวคนอื่นๆ ราวกับไม่อยากจะฟัง แต่มือทั้งสองก็ไม่ได้ปิดใบหูไว้แน่นเสียเท่าไหร่
หญิงสาวที่อายุมากกว่าต่างก็ได้รู้ในที่สุดว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆ คืออะไรกันแน่และเพราะเหตุใดมันจึงเกิดขึ้น ในตอนที่พวกนางเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง พวกนางต่างหวาดกลัวและเป็นกังวลอย่างยิ่ง เพราะมิอาจรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น และในวันนี้พวกนางก็ได้เข้าใจและรู้วิธีดูแลรักษาตัวเองให้ดีกว่าเดิม
สตรีที่แต่งงานแล้วก้าวขึ้นมาบังบรรดาสาวๆ พวกนางถลึงตาใส่พวกผู้ชายแล้วตวาดว่า
“เก็บสายตากลับไปเสีย! กลับบ้านไปจ้องดูเมียและแม่เจ้าสิ!”
ผู้ชายทุกคนในบ้านนั้นจึงเบนสายตาหนี หลายๆ คนคิดในใจว่าพวกตนจะต้องดูแลผู้หญิงของตนเป็นพิเศษอย่างที่จอมเวทบอกไว้ เพราะความทรมานในทุกเดือนอาจย่ำแย่ได้ถึงเพียงนี้…
หลังจากช่วง ‘ปริศนาแห่งร่างกาย’ จบลง ก็ตามมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาเร่าร้อน
“คริสตัลแสงเวทมนตร์อะพอลโล! กำแสงสว่างด้วยมือท่าน! เพียงติดตั้งสายไฟที่บ้านท่านในตอนนี้ ฟรีค่าไฟหกเดือน! รออะไรอยู่เล่า คว้ากระเป๋าเงินแล้วสมัครเลย! ไปที่ศาลากลางเมือง ‘ของขวัญจากธาตุ’ สาขาต่างๆ และธนาคารสมาพันธ์การแร่แห่งโฮล์มเพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้!”
เพราะหัวข้อในช่วง ‘ปริศนาแห่งร่างกาย’ วันนี้ทุกคนในห้องจึงตัวเกร็งกว่าปกติ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่กล้าพูดคุยเสียงดังกัน สีหน้าของพวกเขาก็ค่อนข้างผ่อนคลายลงมาก ในขณะที่เหล่าสตรีนั่งเกาะกลุ่มรวมกัน ซุบซิบพูดคุย เหล่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นเองก็พูดคุยไปพลางลอบมองไปทางเด็กสาวเป็นครั้งคราว
“จินเคลา จินเคลา สูตรที่ดีที่สุด! พืชผลของท่านจักอุดมสมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด!”
หลังจากจบโฆษณาจบไปหลายอย่าง เสียงอันไพเราะของไนติงเกลก็กลับมา
“เรามาให้ ‘นิทรรศการเพลง’ เริ่มต้นช่วงที่สองของรายการในคืนนี้กันดีกว่าค่ะ ผ่อนคลายไปกับท่วงทำนองแสนไพเราะ วางความเหนื่อยล้าและทุกความเบื่อหน่ายของวันนี้ทิ้งไป คืนนี้เราจะมาฟังบทเพลงสั้นๆ ล่าสุดของท่านอีวานส์ ‘ปล่อยใจให้ล่องลอย’ อีกผลงานดนตรีเลานจ์ฟังเบาสบายแต่แฝงไว้ด้วยความปรารถนา”
ในตอนที่ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักเวทและชนชั้นสูง ความสามารถด้านดนตรีของลูเซียนก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงเสนอแนะหลักการการเลือกและประพันธ์เพลงของเขา เพื่อให้ใกล้ชิดกับประชาชน ชาวนา และปุถุชนธรรมดาทั้งหมด โดยเปลี่ยนจากบทเพลงซิมโฟนีที่มีแบบแผนและความอลังการ แล้วคิดค้นพัฒนาบทเพลงเบาๆ ที่ฟังง่าย โรแมนติก สั้นกระชับ แต่ยังงดงาม
เขาประพันธ์บทเพลงประเภทดนตรีเลานจ์ด้วยตนเองหลายชิ้น และยังคัดลอกจากผลงานชิ้นเอกจากโลกเดิมมาบ้าง นั่นรวมถึง ‘ปราสาทลอยฟ้า’ ปฏิกิริยาของสาธารณชนนั้นหลากหลาย แต่คนที่ใกล้ชิดกับลูเซียนและรู้ถึงตัวตน ‘นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่’ ต่างเข้าใจสถานการณ์ดี เพราะมันต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนรูปแบบและความนิยม
ในตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว และคุณภาพของชิ้นงานดนตรีเลานจ์ของลูเซียนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พวกมันเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ประชาชนทั่วไปและขุนนางหนุ่มสาวที่ใฝ่ฝันถึงรักโรแมนติก ร้านน้ำชาชั้นดีที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นต่างๆ เริ่มนำบทเพลงเหล่านี้ไปเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติกและหรูหราดูดีเพื่อดึงดูดแขก และมันก็เป็นวิธีการที่เป็นประโยชน์มาก
“งานชิ้นใหม่ของท่านลูเซียนอย่างนั้นหรือ” สการ์เล็ตกล่าวด้วยความตื่นเต้น มือทั้งสองข้างประสานเข้าด้วยกันแล้วยกขึ้นแนบคาง
ผู้ฟังในห้องต่างหยุดพูดคุย พวกเขาคือประชาชนทั่วไป และแทบไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนหอประชุมจัดแสดงเพื่อฟังเพลงที่เล่นโดยนักดนตรีตัวเป็นๆ แต่บัดนี้ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ได้มอบความบันเทิงล้ำค่านี้ให้กับพวกเขา แม้ว่าทุกคนจะไม่มีความรู้ด้านดนตรี แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงคุณค่าจากใจจริงเมื่อได้ฟังดนตรีเลานจ์เป็นครั้งแรก
ท่วงทำนองเพลงนั้นไพเราะงดงามและทำให้สดชื่น คีย์โน้ตที่กระโดดไปมาเหมือนกับภูติตัวน้อยที่คอยดึงผู้ฟังให้เข้าสู่อาณาจักรแห่งความเงียบสงบซึ่งรายล้อมด้วยหุบเขาและป่าไม้ ที่ที่เหล่าสกุณาขับร้องเสียงจุ๊บจิ๊บเคล้าเสียงสายน้ำสาดกระทบฝั่ง
จิตใจของผู้ฟังคล้ายได้รับการชำระล้างและรักษา ราวกับพวกเขาอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนุ่มนวลของพระแม่แห่งสรรพสิ่ง ที่ที่ร่างกายและวิญญาณของเขาสามารถพักผ่อน
ใบไม้และกิ่งก้านสาขาขับเน้นให้เห็นถึงกระแสของสายลม สายลมนั้นเป็นอิสระ สามารถท่องเที่ยวไปได้ทุกที่ที่ต้องการ สายลมทำให้กลุ่มคนที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ทรมานและถูกจำกัดด้วยกรอบความเชื่อทางศาสนารู้สึกว่าคันคะเยอะในหัวใจ รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยฝุ่นผง จึงมิอาจบินไปตามสายลมได้อย่างอิสระเสรี แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็หาได้รู้ไม่ว่าฝุ่นผงที่ปกคลุมในใจตนคือสิ่งใดกันแน่
สายลมอิสระค่อยๆ แผ่วลง แต่บรรยากาศอ่อนหวานจาก ‘ปล่อยใจให้ล่องลอย’ กลับยังคงลอยอ้อยอิ่ง
“งดงาม…!” สการ์เล็ตพึมพำราวกับยังคงตกอยู่ในห้วงฝัน
เซลมาพยักหน้าหงึกหงัก ตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดอะไรได้
“จบกันไปแล้วกับ ‘ปล่อยใจให้ล่องลอย’ เรามาฟังดนตรีเลานจ์อีกบทเพลงหนึ่งกันดีกว่า บทเพลงนี้มีชื่อว่า ‘ข้างลำธาร’ ประพันธ์ด้วยท่านหญิง… หลุยส์” ไนติงเกลแนะนำ
ยามเอ่ยถึงชื่อผู้ประพันธ์ ไนติงเกลชะงักงันไปครู่หนึ่ง
บทเพลงทำให้จิตวิญญาณของผู้ฟังผ่อนคลายขึ้นมากโข และตอนนี้พวกเขาก็มีจิตใจที่สงบนิ่งพร้อมเปิดรับแทบทุกสิ่งอย่าง
เสียงกังวานใสกล่าวกับผู้ฟังว่า
“ยินดีต้อนรับสู่ช่วง ‘สุ้มเสียงแห่งประวัติศาสตร์’ ของเรา วันนี้ นักประวัติศาสตร์หนุ่มของเรา ท่านแพนเด จะมาคลี่คลายปริศนาเกี่ยวกับ ‘สงครามแห่งรุ่งอรุณ’ และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคณะไต่สวนที่ไม่เคยมีผู้ใดทราบมาก่อน”
“ข้ามีตำราที่ทางศาสนจักรรวบรวมเนื้อหาเอาไว้ ชื่อว่า ‘ล่านักเวท’ และข้าก็เชื่อว่าเนื้อหาในตำรานี้เชื่อถือได้” แพนเดกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแทงหู “…หากผู้ใดอยู่ตัวคนเดียวและแทบไม่พูดกับคนอื่น เขาคนนั้นคือนักเวทโดยไม่ต้องสงสัย หากผู้ใดไปปรากฏตัวในงานเลี้ยงบ่อยๆ และเป็นคนร่าเริงเข้าสังคมได้ง่าย เช่นนั้นก็ชัดเจนว่าเขาคนนั้นกำลังเสแสร้งเพื่อหลีกเลี่ยงความแคลงใจ…”
ใบหน้าของผู้ฟังพลันซีดเผือดเมื่อได้ยินสิ่งที่แพนเดพูด
น่ากลัวเหลือเกิน! ศาสนจักรสงสัยทุกอย่างเลย!
ในฐานะผู้ฟัง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ พวกเขาจักต้องระวังตัวเพียงใดถึงจะพอ! มิเช่นนั้นหากทางศาสนจักรรู้เข้า ไม่นะ! หากทางศาสนจักรสงสัยเรื่องนี้ เช่นนั้น…
“เอาล่ะ ข้ารู้ดีว่าประวัติศาสตร์มีเนื้อหาค่อนข้างหนักหน่วง เช่นนั้นเราเปลี่ยนไปยังช่วง ‘หนึ่งพันหนึ่งราตรี’ ที่เราชื่นชอบกันดีกว่า! คราวก่อน แฮร์รี เด็กหนุ่มผู้ยากจนจากเขตยากไร้ ในที่สุดก็มาถึงสำนักเวทมนตร์ที่ชื่อสำนักเพซานโช จากนั้นเรื่องราวน่าตื่นเต้นมากมายก็ตามมา…”
ขณะฟังเรื่องราวนั้น แอนดี้ก็หันไปพูดกับสหายตน “เด็กหนุ่มจนๆ กลายเป็นนักเวท แล้วเราล่ะ…”
เรื่องราวแสนสดใสร่าเริงทำให้พวกเขาเกิดความโหยหาอยากใช้ชีวิตอยู่ในสำนักเวทมนตร์
พวกผู้ใหญ่เองก็ประทับใจไม่ต่างกัน ‘นักเวทพวกนั้นใช้ชีวิตดีกว่าพวกชนชั้นสูงเสียอีก! พวกเขาได้อิ่มอร่อยกับอาหารหลากชนิดจากทั่วโลก แล้วไหนจะของวิเศษถูกๆ ที่ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตได้ง่ายดายและน่าอภิรมย์มากขึ้น…’
ในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม และยังได้เรียนรู้อะไรๆ มากมายอีกด้วย ความรู้ของพวกเขาขยายขอบเขตไปกว้างไกล หากพ่อค้าหน้าใหม่คนใดกล้าอวดความรู้ต่อหน้าพวกเขา เหอะ หลังจากที่ฟัง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ มานาน พวกตนย่อมไม่มีทางโดนหลอกง่ายๆ!
“…เห็นไหม ศาสตร์แห่งการแปลงกาย มายาศาสตร์ และศาสตร์มืดไม่ได้ชั่วร้ายและน่ากลัวอย่างที่เจ้าคิด…” ผู้ฟังคนหนึ่งเอ่ยเสียงเบา
บางช่วงบางตอนในรายการ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ มีเป้าหมายในการกำจัดความกลัวและความเกลียดชังของผู้คนต่อเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นจากความไม่รู้โดยเฉพาะ
“ความรู้นำไปสู่ความเข้าใจ การสื่อสารเชื่อมโยงโลกทั้งใบ” นี่คือหนึ่งในหลักการความเชื่อของ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’
เสียงสดใสร่าเริงดังก้องสะท้อนออกมาจากกล่องวิทยุ “ยินดีต้อนรับสู่ ‘มนุษย์และธรรมชาติ’ …บนทุ่งสะวันนาทางตอนใต้ ฤดูฝนเพิ่งจะผ่านพ้น…”
…
กลางมหาสมุทรไร้พรมแดน บนเกาะสุริยคติซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของสภาเวทมนตร์
นักเวทหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินไนติงเกลขอร้องให้เฟลิเปใจเย็นลง นักเวทผู้นี้กำลังฟัง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ขณะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ เขารู้สึกดีขึ้นและตอนนี้ก็กำลังอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
เขารับสัญญาณวิทยุโดยใช้สายรับคลื่นความถี่ต่ำที่สร้างขึ้นเพื่อการกระจายเสียงในระยะไกล ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ทำให้ชีวิตบนเกาะแห่งนี้มีสีสันและน่าตื่นเต้นขึ้นได้ในทันใด
เมื่อรายการจบลง เขาก็เหยียดตัวนั่งตรงและเปลี่ยนไปใช้อีกสาย
เสียงจริงจังและชัดเจนดังขึ้น “ยินดีต้อนรับสู่ ‘ความจริงของโลก’…”
นักเวทหนุ่มนามว่าเบลคคเงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ สำหรับนักเวทอย่างเขาที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากอัลลินและเรนทาโต การได้รับข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย การส่งวารสาร รวมถึงวารสาร ‘อาร์คานา’ จะเป็นไปได้ช้ากว่าเมืองใหญ่ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะใช้รถไฟหัวจักรเวทมนตร์และเรือในการขนส่ง ส่วนวงแหวนเวทกระจายเสียงจะใช้ในกรณีสำคัญที่หาได้ยากมาก
การใช้ชีวิตอยู่บนเกาะ ทำให้เบลคกลายเป็นหนึ่งในนักเวทกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับวารสารและข้อความทั้งหลาย ซึ่งมักจะล่าช้าไปประมาณหนึ่งเดือน เขาจึงไม่ทันกระแสล่าสุดที่เกิดขึ้นภายในสภาเวทมนตร์ และไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในอัลลิน นอกเหนือจากสิ่งที่ปรากฏในวารสาร
ทว่า ค่าครองชีพที่นี่ต่ำกว่าในอัลลินและเรนทาโตอย่างมาก และในที่อันห่างไกลนี้พวกเขาก็สามารถหารายได้ได้ถึงสองเท่าเพราะว่ามีนักเวทในท้องถิ่นน้อยมาก เพราะต้องการเงินและวัตถุดิบในการเลื่อนระดับขั้น พวกเขาจึงไม่อยากไปจากที่นี่
การถือกำเนิดของรายการ ‘ความจริงของโลก’ ได้แก้ปัญหาใหญ่ข้อนี้
“…เช่นนั้นเราจะมาทบทวนข่าวหลักๆ ภายในอัลลินตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมากัน”