Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 463
บทที่ 463 ราชาปีศาจลูเซียน
ห้องโถงของ ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ สาขาอัลลิน ถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์ที่เย็นสบายและนุ่มนวล
“จูรีเซียน จัดงานเลี้ยงเพื่ออะไร” ชายหนุ่มร่างเตี้ยมองไปรอบๆ ด้วยความสับสน “ทำไมวันนี้นักแปรธาตุเหล่านั้นถึงมาที่นี่?”
เขาดูเหมือนคนอายุสิบเจ็ด สิบแปดปี แต่น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่
ผู้ชายที่เขาพูดคุยด้วยมีผมสีดำ และดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ประกอบกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอันโดดเด่นของเขา ชายคนนั้นกล่าวว่า “ไม่รู้ ประธานบอกให้มา ข้าก็มา งานเลี้ยงแบบนี้น่าเบื่อเสมอ ข้าจะไม่อยู่นานนักหรอก”
จูรีเซียนสวมเหรียญตราอาร์คานาระดับห้าดาว และเหรียญตราเวทมนตร์ห้าวงแหวน ต้องขอบคุณ ‘คะแนนอ้างอิง’ ที่ทำให้เขามาถึงอาร์คานาระดับถัดไปได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการฝึกฝนทักษะการต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้ระดับเวทมนตร์ของเขาก็สูงขึ้นเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังจะเข้าสู่ขอบเขตของระดับสูง
“จูรีเซียน ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนตั้ง ‘ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสง’” นักเวทอีกคนที่มาจาก ‘สำนักแม่เหล็กไฟฟ้า’ เข้าร่วมบทสนทนา และส่งเสียงโอดครวญกับจูรีเซียน “ทำไมเจ้าถึงหยุดค้นคว้าหลังจากค้นพบ ‘ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก’”
จูรีเซียนหมุนแก้วที่ใส่เหล้าสีทองไว้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่เคยค้นคว้า โพโน เฟย่า? แต่การตั้งข้อสันนิษฐานครั้งต่อไปไม่เพียงขึ้นอยู่กับการทำการทดลองหลายต่อหลายครั้งเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจิตใจที่เปิดกว้าง และจินตนาการอันยอดเยี่ยมที่ไม่ถูกจำกัดโดยข้อสันนิษฐานในอดีต ข้าไม่เคยให้ความสนใจที่มากพอกับบทความที่ลูเซียนเขียนไว้เกี่ยวกับความไม่ต่อเนื่องของพลังงาน ดังนั้นข้าจะหาหลักฐานสำคัญในการตั้งข้อสันนิษฐานได้อย่างไร”
โพโน เป็นชายร่างเตี้ยที่คุยกับจูรีเซียนก่อนหน้านี้ เขามีความสามารถด้านเวทมนตร์มากกว่าอาร์คานาศาสตร์ และเป็นหนึ่งในนักเวทของ ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ ที่เข้าใกล้ขอบเขตระดับสูงมากที่สุด หลังจากโพโนได้ยินชื่อของลูเซียน เขาก็พูดด้วยความขุ่นเคืองว่า “ทุกครั้งที่ข้านึกถึงคนๆ นั้น เขาก็ต้องระบายอารมณ์ด้วย ‘เวทมวลพลังสายฟ้า!’ โลกพุทธิปัญญาของอาจารย์ของเขาก็พังทลาย และถูกปิดผนึก เพราะข้อสันนิษฐานของเขา และเพื่อนของข้า… เลือดของเขาไหลอาบไปทั่วใบหน้าของข้า…”
“ถ้าข้าเห็นเขานอกอัลลิน ข้าจะจัดการเขา!” โพโนอวดอ้าง
“จัดการ? อย่างไร?” เฟย่าถามอย่างรวดเร็ว “ในฐานะนักเวทระดับห้าหรือ? ด้วยรางวัลทั้งหมดนั้น เขาก็สามารถตอบโต้นักเวทระดับเจ็ด ได้โดยไม่ต้องพูดถึงการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย ลูเซียน อีวานส์ คือผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต เลิกฝันได้แล้ว”
นางไม่อยากจะพูดขนาดนี้ คำพูดถากถางของนางมาจากความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ถูก ส่วนคนที่นักเวทโพโน เพิ่งกล่าวว่าศีรษะระเบิดก็คือเพื่อนของนางเช่นกัน
“ข้ารู้” โพโนกล่าวอย่างสำนึกผิด “แต่ถ้าข้าไม่คิดแบบนี้ ข้าก็จะบ้าตายแล้ว อย่างน้อยถ้าข้าเจอ ลูเซียน อีวานส์ ข้าก็กล้าที่จะถมน้ำลายใส่หน้าเขา”
“นั้นน่าประทับใจมาก ข้าคิดว่าข้าก็ทำได้เช่นกัน” ดวงตาของเฟย่ากลายเป็นสีแดง
จูรีเซียนยังคงยิ้มอย่างไม่สามารถอธิบายความหมายได้บนใบหน้าของเขา เขาฟังบทสนทนาเงียบๆ และก็ฟังบทสนทนาของนักเวทคนอื่นๆ อีกด้วย
“ถ้าข้าเจอ ลูเซียน อีวานส์ ด้วยตัวข้าเอง ข้าจะไปถามเขาตรงๆ ว่าจะอธิบาย ‘การกระจายและการรบกวนของแสง’ โดยใช้ข้อสันนิษฐานของเขาได้อย่างไร”
“ต้องมีสักวันที่ศีรษะของเขาจะระเบิด เพราะข้อสันนิษฐานตามทฤษฎีคลื่นที่ชัดเจนในทำนองเดียวกัน!”
“ข้าไม่สนใจหรอกว่า เขาจะเป็นมหาจอมเวทชั้นยอดจากสำนักธาตุหรือการเล่นแร่แปรธาตุ หรือไม่ ลูเซียน อีวานส์ จะไม่มีวันเข้าใจแสง และความมืดจากการใช้อนุภาคของเขา ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสงน่าจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทฤษฎีคลื่นที่ถูกต้อง ยังไม่จบ! เรายังมีทฤษฎีสมัยดั้งเดิมที่เกี่ยวกับแม่เหล็กไฟฟ้า และภาพการทดลอง!”
จูรีเซียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในสายตาของเขานักเวทระดับสูงเหล่านั้นเหมือนลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังหอนหลังจากแพ้เกม
ในสถานการณ์เช่นนี้นักเวทส่วนใหญ่กำลังพูดถึงลูเซียน นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเกลียด ลูเซียน อีวานส์ และข้อสันนิษฐานของเขามากแค่ไหน ในเวลาเดียวกันที่อีกด้านหนึ่งของห้องโถง นักแปรธาตุ และนักเล่นแร่แปรธาตุกำลังสนทนากันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับ ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ แม้ว่านี้จะไม่ใช่หัวข้อใหม่ แต่ในสายตาของพวกเขา ลูเซียนกำลังจะกลายเป็นมหาจอมเวทระดับตำนานในอนาคตคนใหม่ และจะเป็นผู้นำคนใหม่ของสภา
ทันใดนั้นดวงตาของโพโนก็เบิกกว้าง เขาชี้ไปที่เวทีด้านหน้าห้องโถง
“นี้!”
จูรีเซียนมองไป และเห็นว่าวาคีนกำลังเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับชายหนุ่มที่ดูเหมือนได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี
“ท่านสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี” วาคีนกล่าว “นี่คือ ท่านลูเซียน อีวานส์”
ลูเซียน อีวานส์? โพโนนึกถึงภาพการตายของเพื่อนที่น่าสยดสยองขึ้นทันทีที่เห็นชายหนุ่มบนเวที จนถึงวันนี้เขาก็ยังคงได้กลิ่นเลือด และรู้สึกได้ถึงเนื้อสมองที่อาบเลอะบนใบหน้าของเขา รู้สึกถึงสายตาจากร่างไร้ศีรษะที่ทรุดลงกับพื้นตอนหันกลับมามองเขา
เขามีความโกรธที่ลุกโชนอยู่ในใจ แต่ความกลัวดูเหมือนจะมีมากกว่า เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกอย่างถึงที่สุดได้ ราวกับว่าการจ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนนี้อีกเพียงหนึ่งวินาทีจะทำให้ศีรษะของเขาระเบิด
แก้วชั้นดีร่วงลงจากมือของโพโน พร้อมเสียง กรอบๆ ของเหลวสีแดงเปรอะเปื้อนพรม เหมือนกับพื้นที่ไม่สะอาดมาตั้งแต่ต้น
แว่นตาเลื่อนลงมากขึ้น เมื่อมองไปที่สีของไวน์ที่เฟย่ากำลังถืออยู่ นางก็ไม่สามารถกลั้นอาการคลื่นไส้ได้อีกต่อไป ภาพวันนั้นทำให้นางนึกถึง ‘วันแห่งโลหิต’
นักเวทหลายคนไม่สามารถควบคุมความโกรธได้ พวกเขาบีบแก้วในมือแตกเป็นชิ้นๆ ทำให้ไวน์สาดกระเซ็นใส่พวกเขา
ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวเพราะความเกลียดชัง แต่ก็กลัวเช่นกัน
เมื่อเสียงแก้วแตกสลายไป ความเงียบก็เข้าครอบงำพื้นที่ทั้งหมด ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ
“สุภาพสตรีและ…” ลูเซียนก้าวไปข้างหน้า และโค้งคำนับอย่างสุภาพ
ลูเซียนยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ ในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า แขกทั้งหลายก็ถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว บางคนส่ายศีรษะราวกับว่าพวกเขาพยายามดึงคำพูดของลูเซียนออกจากสมอง ไม่เช่นนั้นศีรษะของพวกเขาก็อาจจะระเบิดได้ ในหมู่พวกเขามีนักเวทระดับสูงเพียงไม่กี่คนจาก ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ ที่ลูเซียนรู้จัก แต่พวกเขาก็กลัวเหลือเกินว่า ลูเซียนจะพูดทฤษฎีหักล้างได้ตลอดเวลา
ความเงียบกลับมาอีกครั้ง
ลูเซียนสงสัยว่าชื่อของเขาร่วมอยู่ในเรื่องเล่าที่น่ากลัวหรือน่ารังเกียจที่จะเล่าในระหว่างตั้งค่ายพักแรมสร้างให้เด็กๆ กลัวหรือตกใจ หรือไม่ โชคดีที่ไม่มีเด็กๆ อยู่ที่นี่
วาคีนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับการที่นักเวทจาก ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ ตอบสนองต่อการมาถึงของ ลูเซียน แบบนี้ พวกเขาเสียมารยาทไปแล้ว!
วาคีน กระแอมไอเล็กน้อย และบรรยากาศก็เริ่มคลายตัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทาย ลูเซียน ต่อหน้า แม้ว่าพวกเขาหลายคนจะคุยโวเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน พวกเขากลัว ลูเซียน ความกลัวนี้เป็นผลมาจาก กะโหลกศีรษะที่แตก เลือดสดใหม่ และสมอง
“วันนี้เรามารวมตัวกันเพื่อมอบรางวัล ‘เหรียญจันทราสีเงินที่ยี่สิบเอ็ด’ ให้ ท่านลูเซียน อีวานส์ เพื่อเป็นการยกย่องการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของเขาที่มีต่อ ‘สำนักแสง-ความมืด’ และสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า ในการสนับสนุนข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสง” วาคีนกล่าวอย่างเศร้าใจเล็กน้อย ความจริงรางวัลนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการเกิดของทฤษฎีคลื่น และทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าร่วมสมัย แต่ตอนนี้ รางวัลนี้ได้นำไปสู่การตัดสินว่าทฤษฎีของพวกเขาถูกหักล้าง
จูรีเซียนสังเกตลูเซียนอย่างใจเย็น เป็นเวลาสามปีแล้วที่ข้อสันนิษฐานแรกได้เผยแพร่ออกมา และเขาก็ยอมรับมันได้แล้ว ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม เขาจึงไม่เสียใจกับข้อเท็จจริงดังกล่าว อย่างไรก็ตามคำพูดของ วาคีน ก็ดูเหมือนจะเหน็บแนมเขาเล็กน้อย ผลงานที่ยอดเยี่ยมของ ลูเซียน อีวานส์? มีส่วนทำให้ร่างกายไร้ศีรษะและโลกพุทธิปัญญาก็พังทลาย?
ในที่สุดแขกทั้งหลายก็ตระหนักถึงเหตุผลของการมาที่นี่ในวันนี้ ดูเหมือนว่าไม่มีข้อสงสัยใดๆ และท่านบรูคก็ได้ค้นพบหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานดังกล่าวแล้ว
“ข้าเชื่อเสมอว่า มันเป็นเรื่องที่โง่มากที่จะหมกมุ่นอยู่แต่กับคำถามที่ว่า ‘อนุภาค หรือคลื่น’” สายตาของผู้ชม ราชาปีศาจลูเซียนได้เริ่มพูดอีกครั้งด้วยความมั่นใจก่อนที่จะรับเหรียญตรา “มันยากที่จะยอมรับความจริง หรือไม่ยอมรับว่าการทดลองแสดงให้เห็นถึงสภาวะความเป็นคู่? เราควรเห็นสิ่งนี้จากมุมมองที่กว้างขึ้น และสูงขึ้น โลกอนุภาคอยู่เหนือจินตนาการของเรา ดังนั้นเราจำเป็นต้องอาศัยเพียงผลการทดลอง และสมการทางคณิตศาสตร์เท่านั้น”
ไม่มีใครกล้าที่จะพูดสักคำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเห็นด้วยกับลูเซียน
สภาวะความเป็นคู่? ทั้งอนุภาค และคลื่น? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ลูเซียนเหลือบมองไปที่การตอบสนองของผู้ฟัง และไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เป็นการดีกว่าที่จะบอกใบ้ให้พวกเขาทราบ เขายิ้ม และพูดต่อ “นี่เป็นครั้งแรกของข้าที่ได้รับรางวัล ‘เหรียญจันทราสีเงิน’ และข้ามั่นใจมากว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ในดินแดนแห่งใหม่นี้เกียรติยศจะได้รับการบันทึกไว้สำหรับผู้ที่เปิดใจกว้าง และเป็นกลางเท่านั้น”
จากนั้น ลูเซียนก็เข้ารับเหรียญ และสวมลงบนหน้าอกด้านซ้ายของเขา ถัดจาก ‘เหรียญน้ำแข็งและหิมะ’ ของเขา
เขาได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดจากห้าสาขาที่แตกต่างกัน ตลอดถึง ลูเซียน อีวานส์ เป็นหนึ่งในสองคนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในสภา
“‘เหรียญจันทราสีเงิน’ ควอนตัมของแสง อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับเจ็ดขั้นสมบูรณ์
“กระแสไฟฟ้าสามารถทำให้ร่างกายเป็นอัมพาต และทำลายวิญญาณได้ นักเวทที่สวมเหรียญนี้จะทำให้พลังของสายฟ้าที่ใช้โจมตีศัตรูให้เป็นอัมพาตมีพลังมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันพลังเวทมนตร์ของสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า และแสง-ความมืดก็สามารถเสริมพลังให้กับเวทมนต์ระดับเจ็ดได้”
“เวทมนตร์แม่เหล็กไฟฟ้าระดับเจ็ด ‘เวทรัศมีแม่เหล็ก’ ที่จะใช้ได้สามครั้งต่อวัน เป็นพลังแม่เหล็กอันยิ่งใหญ่ที่จะก่อตัวเป็นรัศมี และล้อมรอบสิ่งต่างๆ ภายใน ซึ่งจะทำงานได้ดีเมื่อเป้าหมายเป็นโกเลมโลหะ หรืออัศวินที่ชุดเกราะไม่มีพลังต่อต้านแม่เหล็ก
“เวทมนตร์แม่เหล็กไฟฟ้าระดับเจ็ด ‘เวทสายฟ้าคลั่ง’ ที่จะใช้ได้สามครั้งต่อวัน เป็นสายฟ้าขนาดยักษ์จะทำลายทุกสิ่ง
“ขอบคุณ ลูเซียน อีวานส์ ที่นำข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสง มาทำให้เราเห็นจากมุมมองอื่นๆ
“เรารู้แล้วว่าฟ้าผ่าคืออะไร แต่ยังไม่ทราบว่าแสงคืออะไร
“จาก เอ็ดวิน บรูค”
…
สถานีรถไฟดาวหกฉก นครเรนทาโต
ชายผมดำที่มักจะเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปากของเขาเสมอเดินไปบนชานชาลาอย่างสบายๆ เขาดูธรรมดาเหมือนนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมา
ผู้พิทักษ์ราตรีอันดับที่สิบสาม อัศวินอาภาระดับแปด ‘รามิโร่ ผู้ควบคุมร่าง’