Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 512
บทที่ 512 ลูกศิษย์คิดไม่เหมือนกัน
สภาพตัวนำยิ่งยวด? ลูเซียนเกือบจะพูดโพล่งออกมา
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาขอให้เจอโรม แอนนิค แคทรีนา และเลย์เรียทำการศึกษาทดลองเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพวัตถุชนิดต่างๆ ในอุณหภูมิต่ำ ลูเซียนตั้งใจที่จะสร้างสภาพสุญญากาศด้วยถ่านหิน และไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะค้นพบสภาพตัวนำยิ่งยวด เนื่องจากยังไม่มีการค้นพบฮีเลียม และไม่มีทางเข้าถึงอุณหภูมิศูนย์สัมบูรณ์ได้ และในระยะหลัง เขาก็มีภารกิจอื่นๆ อีกมากมายจนลืมงานที่มอบหมายให้ลูกศิษย์ไปหมด
หลังจากเจอโรมเลื่อนขั้นขึ้นเป็นนักเวทชั้นกลางและได้รับรางวัล ‘แหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม’ เขาก็กรอกเอกสารยื่นให้ลูเซียนและขอเปลี่ยนหัวข้อการวิจัยหลักของเขาเป็นเรื่องรังสีเอกซ์ ฉะนั้น โครงการวิจัยก่อนหน้านี้ของเขาจึงมอบหมายให้กับแคทรีนาและเลย์เรีย
อย่างไรก็ตาม ลูเซียนก็คิดเพียงแค่ว่าโครงการวิจัยนั้นเป็นโครงการเสริมที่มีศักยภาพเท่านั้น แล้วเขายังขอให้ลูกศิษย์สาวทั้งสองคนสนใจเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ กล่าวคือ อนุภาคต่างๆ ในสายธาตุ เขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับรู้เรื่องประหลาดใจที่น่ายินดีในวันนี้
ลูเซียนระงับอารมณ์ไว้และถามด้วยอาการตกตะลึง “สภาพต้านทานไฟฟ้าหายไปอย่างนั้นหรือ?”
สภาพตัวนำยิ่งยวด ช่างเป็นคำที่สวยงาม ลูเซียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเทคโนโลยีรถไฟพลังแม่เหล็กความเร็วสูง เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ และความหวังที่จะเสริมศักยภาพให้กับเวทปืนแม่เหล็กไฟฟ้าและการควบคุมปฏิกิริยาฟิวชันพลังแม่เหล็กของเขา
‘ถ้าสามารถควบคุมปฏิกิริยาฟิวชันได้ แหล่งพลังของอัลลินก็จะพัฒนาให้ดีขึ้น เมืองลอยฟ้าก็จะไม่มีปัญหาเรื่องพลังงาน นักเวทชั้นตำนานก็จะมีอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างก็คือเมืองลอยอยู่บนท้องฟ้าสดใส แล้วข้าจะเรียกว่า ‘บ่อน้ำตะวัน’ หรือ ‘เตาอมตะ’ หรือ ‘แกนพลังงานอีวานส์’ ดีนะ?’
เสียงที่สุขใจของเลย์เรียปลุกให้ลูเซียนตื่นจากภวังค์ความคิดของเขา “ใช่ค่ะ มันไม่ได้ค่อยๆ หายไป แต่จู่ๆ ก็หายไปหมดเลย อุณหภูมิลดลงถึงระดับหนึ่ง!”
“พวกเจ้าใช้วัสดุอะไร? อุณหภูมิเท่าไร?” ลูเซียนเริ่มตั้งใจถามมากขึ้น แอนนิค ไฮดี้ สปรินต์ เจอโรม และคนอื่นต่างขยับเข้ามาใกล้ ลูกศิษย์สาวทั้งสองคนตื่นเต้นดีใจจนออกหน้าออกตามาตั้งแต่สองสามวันวันก่อน แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้บอกใครถึงเรื่องนี้ ลูกศิษย์คนอื่นๆ จึงเต็มไปด้วยความสงสัย
เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้ แคทรีนาจึงตอบออกมา “อาจารย์คะ เนื่องจากฮีเลียมที่ท่านค้นพบช่วยลดอุณหภูมิลงได้เล็กน้อย เราจึงสนใจทดลองอีกครั้งและทดลองกับวัสดุต่างๆ มากมายในเวลาว่างของเรา เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ตอนเราศึกษาสภาพของปรอทในอุณหภูมิต่ำ เราก็พบว่าสภาพต้านทานไฟฟ้าหายไปในทันทีเมื่ออุณหภูมิลดถึง 4.2 องศา จากอุณหภูมิศูนย์สัมบูรณ์ ต่อมาเราก็ทดลองกับโลหะอื่นๆ อีก เช่น ตะกั่ว แล้วก็ได้ผลเหมือนกัน ยกเว้นแค่อุณหภูมิที่ต่างกัน”
“ค่ะ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าสภาพต้านทานไฟฟ้าสามารถหายไปได้!” เลย์เรียไม่อยากจะเชื่อผลการค้นพบของตัวนางเอง จนกระทั่งตอนนี้
ลูเซียนตั้งแต่ฟังและขอให้ลูกศิษย์สาวทั้งสองทำการทดลองซ้ำอีกครั้ง เขาค่อยๆ ฟื้นคืนสติจากความปลื้มอกปลื้มใจเช่นกัน สภาพตัวนำยิ่งยวดในตอนนี้ยังคงทดลองอยู่กับวัสดุที่อยู่ในอุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ ซึ่งหมายความว่ายังไม่อาจนำไปใช้งานได้จริง แม้จะอาศัยเวทมนตร์ แต่การนำไปใช้ในชีวิตจริงก็ยังยากอยู่ดี
ตัวอย่างเช่น หากลูเซียนต้องการเพิ่มพลังเวทปืนแม่เหล็กไฟฟ้าของเขาด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทรงพลังจากสภาพตัวนำยิ่งยวด เขาไม่เพียงต้องประสานโครงสร้างที่มีลักษณะเหมือนกัน แต่ต้องหลอมละลายส่วนต่างๆ ลงในเวทแส้เทพธิดาหิมะ ซึ่งจะสามารถสร้างอุณหภูมิต่ำได้ ฉะนั้น การสร้างเวทมนตร์นี้ออกมาจึงเป็นเรื่องยากมาก ลูเซียนประเมินว่าต้องใช้พลังระดับตำนานเป็นอย่างต่ำ ด้วยตรรกะเดียวกันนี้ ในการควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน เขาก็ต้องพัฒนาให้ถึงระดับดวงจันทร์สีเงินอัลเทอร์นา
นอกจากนี้ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในห้องสมุดห้วงจิตของเขาก็ยังไม่ปลดผนึกออก ดังนั้น การศึกษาเรื่องสภาพตัวนำยิ่งยวดจึงยังอยู่บนหนทางที่ยาวไกล หลังจากเกิดความสมบูรณ์ในโลกแห่งปัญญาของเขาแล้ว ลูเซียนก็สามารถอ่านเอกสารเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษในห้องสมุดห้วงจิตของเขาได้ รวมถึงเอกสารบางส่วนของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและทฤษฎีควอนตัม แต่เอกสารข้อมูลขั้นสูงที่มีรายละเอียดมากกว่านั้นยังคงปิดผนึกอยู่
ลูเซียนพยักหน้ายอมรับการแสดงผลการทดลองของลูกศิษย์สาวทั้งสอง “พวกเจ้ารู้คุณค่าของการวิจัยชิ้นนี้ไหม? นี่หมายความว่าเจ้าจะได้รับรางวัลเหรียญจันทราสีเงินเชียวนะ พวกนักเวทกลุ่มแม่เหล็กไฟฟ้าจะรักเจ้าอย่างคลั่งไคล้เลยล่ะ”
เจอโรมและคนอื่นๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คาดคิดว่าแคทรีนาและเลย์เรียจะถึงขั้นได้รับรางวัล ‘เหรียญจันทราสีเงิน’
แต่ในทางกลับกัน สปรินต์ ไฮดี้ และแอนนิคต่างรู้สึกหงุดหงิด พวกเขาชื่อว่าเจอโรมคู่ควรกับรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ซึ่งเป็นรางวัลตอบแทนความทุ่มเทและความอุตสาหะของเขา ตอนที่เจอโรมกลายเป็นนักเวท พวกเขายังไม่รู้เลยว่าเวทมนตร์คืออะไร จึงไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องอิจฉา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกำลังจะได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดในสาขาแม่เหล็กไฟฟ้า พวกเขาจึงรู้สึกค่อนข้างสับสน
แคทรีนาและเลย์เรียถึงกับหน้าแดงและตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก ทั้งสองนี้เงียบอยู่นานจนแคทรีนาพูดขึ้น “อาจารย์คะ เรารู้ว่างานวิจัยชิ้นนี้มีคุณค่ามาก แต่เราไม่เคยคิดว่าเราจะได้รับรางวัลเลยค่ะ นี่เป็นบทความของเรา ท่านช่วยตรวจให้หน่อยได้ไหมคะว่ามีอะไรผิดหรือเปล่า? ถ้าไม่ผิดอะไร อาจารย์ช่วยลงนามได้ไหมคะ?”
โครงการวิจัยนี้เป็นงานของสถาบันอะตอม ลูเซียนไม่อาจละเมิดกฎระเบียบ เขาเปิดอ่านบทความผ่านๆ ตรวจสอบข้อมูล และลงนามของเขา ก่อนที่เขาจะยื่นบทความกับให้ลูกศิษย์สาวทั้งสองแล้วบอกว่า “เจ้าสองคนก็ควรลงชื่อด้วย ในฐานะนักเวทระดับสอง พวกเจ้ามีคุณสมบัติที่จะได้รับรางวัลร่วม”
ลูเซียนยิ้มให้แคทรีนาและเลย์เรียซึ่งมือกำลังสั่น “พวกเจ้ารอให้ข้ากลับมาก่อนที่จะตีพิมพ์ไม่ใช่หรือ?”
“แน่นอนค่ะ นี่เป็นโครงการวิจัยของท่าน อาจารย์ต้องเป็นผู้เขียนหลักแรกอยู่แล้ว อีกอย่างนะคะ การได้รับคำชมจากอาจารย์มันน่าตื่นเต้นกว่าที่การได้รับเหรียญจันทราสีเงินเสียอีก” เลย์เรียพูดด้วยความตื้นตันใจ
ลูเซียนหัวเราะขบขันอย่างอารมณ์ดี “ยื่นบทความนี้ให้กับฝ่ายบริหารจัดการนักเวทด้วยล่ะ แต่ว่าเจ้าต้องทุ่มเทกับการวิจัยต่อจากนี้เหมือนเดิม และควรจะทดลองหาวัสดุที่มีสภาพตัวนำยิ่งยวดในอุณหภูมิปกติ เจ้าก็ต้องศึกษาเรื่องอนุภาคด้วย อย่าหลงออกนอกเส้นทางที่เจ้าเลือกแล้ว”
“เข้าใจแล้วค่ะ!” ลูกศิษย์สาวทั้งสองตอบด้วยความภาคภูมิใจและอาการลิงโลดอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้น แคทรีนาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามว่า “อาจารย์คะ ตอนที่เราค้นพบสภาพตัวนำยิ่งยวด มีรูปแบบที่ไม่สมบูรณ์ปรากฏขึ้นในโลกแห่งปัญญาของเรา มันเป็นรูปแบบที่เละเทะยิ่งกว่าผลตอบรับที่ท่านอธิบายไว้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำให้รูปแบบสมบูรณ์ ทำไมเป็นแบบนี้คะ?”
“แน่นอน มันยังไม่สมบูรณ์ เจ้าได้ศึกษาลักษณะของสภาพตัวนำยิ่งยวดและเข้าใจสาเหตุที่มันปรากฏในอุณหภูมิต่ำหรือยังล่ะ?” ลูเซียนตบไหล่ทั้งสองคนพร้อมกับรอยยิ้ม “ถ้าเจ้ายังทำให้สมบูรณ์ไม่ได้ในตอนนี้ เจ้าสามารถพัฒนาเวทมนตร์แม่เหล็กไฟฟ้าอื่นๆ ด้วยหลักการนี้เพื่อเพิ่มพลังและลดความยุ่งยากลงไปก่อน”
เลย์เรียก็รีบถามออกมา “อาจารย์ เราขอถามเรื่องการพัฒนาเวทมนตร์ได้ไหมคะ? เราไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้เลย”
แม้พวกเขาจะเคยเรียนพื้นฐานมาแล้วในสำนักเวทมนตร์ แต่พวกเขาก็เข้าทำงานในสถาบันเวทมนตร์ตั้งแต่เรียนจบและไม่เคยต้องพัฒนาเวทมนตร์ใดๆ เลย ฉะนั้น จึงต้องขอความช่วยเหลือจากอาจารย์อย่างช่วยไม่ได้
“ข้าเป็นอาจารย์ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะถามอะไรข้าก็ได้” ลูเซียนพยักหน้า เขาเองก็สงสัยเรื่องรูปแบบที่ไม่สมบูรณ์ของทั้งสองด้วยเช่นกัน และหวังว่าจะสามารถพัฒนาพลังของเวทปืนแม่เหล็กไฟฟ้าของเขาได้
เมื่อได้รับคำตอบรับยืนยันจากอาจารย์ แคทรีนาและเลย์เรียก็เดินทางไปยังฝ่ายบริหารจัดการนักเวทอย่างร่าเริง ในทางกลับกัน ลูเซียนหันกลับไปมองที่แอนนิค สปรินต์ ไฮดี้ และเชลีย์ เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่สับสนของพวกเขา จึงถามออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม “อิจฉาตาร้อนกันมากหรือเปล่า?”
ราวกับถูกตีเข้ากลางหลัง จู่ๆ สปรินต์ก็ลุกขึ้นยืนตรงและเงยหน้าขึ้น “ไม่เลยขอรับ! ข้าจะต้องได้รับรางวัลสูงสุดจากสาขาต่างๆ เหมือนท่านขอรับ อาจารย์”
“แต่ จริงๆ ข้าก็อิจฉานะ คืนนี้ข้าต้องสั่งสอนพวกนางเสียหน่อย พวกนางเก็บความลับไม่ให้ข้ารู้ตั้งนาน!” ไฮดี้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
นางพยายามปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงด้วยมุกตลก แต่รอยยิ้มของนางก็ดูค่อนข้างกระอักกระอ่วน
แอนนิคเกาศีรษะ “ก็ไม่เชิงขอรับ แต่ว่าข้าก็ค่อนข้างพอใจกับการวิจัยเรื่องอนุภาคของข้า ตามที่ท่านลาซาร์ ท่านเจอโรม และท่านร็อคบอกมา โลกนี้เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ และข้าจะค้นพบอะไรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของข้าเอง ข้าเชื่อว่าข้าต้องประสบสำเร็จอะไรสักอย่างในอนาคต”
ตอนนี้เขาพูดเก่งขึ้น เมื่ออยู่ต่อหน้าลูเซียนและเหล่าศิษย์ร่วมสำนักในสถาบันอะตอมสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น
“ข้าอิจฉาพวกนางนะคะ แต่การศึกษาของข้ายังไม่ลึกซึ้งพอ ก็ไม่แปลกอะไรที่แคทรีนาจะนำหน้าข้าไป” เชลีย์ซึ่งเข้าร่วมสถาบันหลังคนอื่นหนึ่งปีก็ยอมรับเรื่องนี้ได้ดี แต่ดูเหมือนนางจะมีปัญหาอื่นกวนใจเสียมากกว่า
ลูเซียนสังเกตเห็นแต่ไม่ได้ถามอะไร เขาเพียงแต่บอกว่า “ข้าเพิ่งกลับมาจากมิติดินแดนใหม่ ใครช่วยบอกข้าหน่อยว่าการศึกษาอาร์คานาและเวทมนตร์ล่าสุดในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?
เจอโรมตอบ “หลังจากการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่ของเจ้าที่พิมพ์ออกไป นักเวททุกคนในสภาเวทมนตร์ก็บ้าคลั่งไปหมด! เพราะมันดันไปเกี่ยวข้องกับสำนักของผู้รังสรรค์! แต่ไม่ว่าจะกลุ่มไหน ตราบใดที่พวกเขาพอจะเข้าใจเวทมนตร์สายธาตุอยู่บ้าง พวกเขาต่างศึกษา ‘การเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่’ ของเจ้ากับเรื่องอนุภาค ไม่เว้นแม้แต่จอมเวทที่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในแต่ละสาขาด้วย”
“แต่อีกมุมหนึ่ง สงครามระหว่างทฤษฎีอนุภาคและทฤษฎีคลื่นกำลังเข้าสู่สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พวกทฤษฎีอนุภาคก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องควอนตัมของแสงได้ ส่วนพวกทฤษฎีคลื่นก็ไม่สามารถอธิบายการทดลองช่องคู่ที่มีอยู่เดิมได้ ฮ่าๆ นักเวทจากทั้งสองกลุ่มสร้างกำลังสำรวจและหวังจะเอาชนะอีกฝ่าย”
ไฮดี้ส่ายศีรษะเอื้อมระอาผู้สนับสนุนทฤษฎีคลื่นที่ดื้อด้าน อย่างไรก็ตาม จริงอยู่ที่การยืนยันสมมติฐานควอนตัมของแสงไม่สามารถหักล้างทฤษฎีคลื่นได้โดยสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังมีปรากฏการณ์อีกมากมายที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ พวกนักเวทที่มีชีวิตอยู่ด้วยความตื่นตระหนกต่างหยิบยกเอาการทดลองคลาสสิกในอดีตมาเป็นอาวุธของตนอีกครั้ง
ในทางกลับกัน กลุ่มผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาคก็ตอบโต้ได้อย่างน่าพึงพอใจ จนอยู่ในระดับเสมอกับผู้สนับสนุนทฤษฎีคลื่นแล้วในตอนนี้
แอนนิคอธิบายเสริม “ตามข้อมูลจากวารสารในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา จอมเวทหลายคนพยายามอธิบายการทดลองของท่านประธานดักลาสจากมุมมองของทฤษฎีคลื่นขอรับ”
ลูเซียนพยักหน้า เขาวางแผนจะเขียนบทความที่คัดลอกทฤษฎีการแปลงลอเรนต์ซ เพื่ออธิบายการทดลองของท่านประธานดักลาส เพื่อให้อาจารย์ของเขาได้เตรียมตัวเตรียมใจรับฟังทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่เขากำลังจะเสนอต่ออาจารย์หลังจากนี้
“เอาล่ะ ข้าพอจะเข้าใจแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องอิจฉาแคทรีนาและเลย์เรียหรอกนะ พวกนางสมควรได้รับรางวัล เพราะทุ่มเททำการทดลองกับวัสดุต่างๆ ในซึ่งมีอุณหภูมิต่ำมาก พวกเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับโลกไร้พรมแดนของอนุภาคซึ่งมีปริศนารออยู่อีกไม่จบไม่สิ้น พวกเจ้าจะค้นพบอะไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเท่านั้น”
“มีเรื่องอะไรอยากจะถามข้าหรือไม่? ถ้าไม่ ข้าจะไปที่เรนทาโตก่อน”
แอนนิคกับสปรินต์ยกมือ ขณะที่คนอื่นส่ายศีรษะ “อาจารย์ขอรับ ข้ามีคำถามหนึ่ง”
“ไหนว่ามา?” ลูเซียนเลิกคิ้วขึ้น
แอนนิคและสปรินต์มองหน้ากันก่อนถามออกมาเสียงดัง “คำถามของเราเหมือนกัน อาจารย์ขอรับ ในเชิงทฤษฎีแล้ว เครื่องไซโคลตรอนของท่านน่าจะพัฒนาพลังงานของอนุภาคได้ไม่สิ้นสุดตราบใดที่มีพื้นที่ใหญ่มากพอ แต่ทำไมสุดท้ายแล้ว วัฏจักรของอนุภาคเปลี่ยนแปลงและแยกตัวออกจากสนามความเร่งของเครื่องไซโคลตรอน? หรือว่าวัฏจักรสัมพันธ์กับประจุไฟฟ้า มวลและความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กเท่านั้น? ไม่มีปัจจัยอื่นเปลี่ยนแปลง มีแต่อนุภาคที่เร่งความเร็วขึ้น!”
ลูเซียนขมวดคิ้ว เขายังไม่อาจบอกพวกเขาได้ในตอนนี้ว่านี่คือผลของสัมพัทธภาพ ยิ่งวัตถุเคลื่อนที่เร็วเท่าไร มวลก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น…