Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 520
บทที่ 520 ช่วงเวลาแห่งปัญญา
ภายในห้องนอนมิมีหน้าต่างสักบาน เตียงนอนยับย่นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานและกลิ่นแปลกประหลาดที่ชวนให้หน้าแดงเล็กน้อย
ลูเซียนกอดนาตาชานั่งพิงหัวเตียงขณะตกอยู่ในภวังค์
หลังจากเสพสมจากความรู้สึกแสนมหัศจรรย์ยามร่างกายและดวงวิญญาณของทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกัน เขาก็พลันเติบโตขึ้นมากและดูเหมือนจะกลายเป็นบุรุษสมบุรุษในทางกายหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ภาระหนักอึ้งได้เพิ่มขึ้นบนสองบ่าของเขา นับจากวันนี้ไป เขาหาใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว เขามีคู่ครอง และคงจะอีกหลายชีวิตที่แสนน่ารักในอนาคตที่จะเกิดจากผู้ที่เขาจะเดินไปด้วยกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ดังนั้น ลูเซียนจึงเริ่มทบทวนเป้าหมายในชีวิตและปรับเปลี่ยนแผนการ พยายามจะหาวิถีทางที่จะใช้ชีวิตอยู่กับนาตาชาได้อย่างเปิดเผย
‘จากเอกสารที่มีในห้องสมุด เป็นความจริงที่ว่า “ช่วงเวลาแห่งปัญญา” ของผู้ชายจะเกิดขึ้นหลังจากทำเองอย่างว่า’ ลูเซียนล้อเลียนตนเองหลังจากคิดถึงเรื่องนั้น เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องหนักๆ เช่นนั้นมาก่อนเลย
เมื่อสายตาเขาตวัดไปทางพรมบนพื้นห้องนอนและปากประตู ลูเซียนก็เห็นเสื้อผ้ายับย่นที่ถูกโยนทิ้งไปในทุกทิศทาง ชุดราตรีสีดำถูกฉีกกระชากไม่เหลือชิ้นดีภายใต้ความร่วมมือของทั้งสอง เสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นก่อเป็นภาพน่าอับอายพร้อมทั้งร่องรอยน่าสงสัยมากมายรอบๆ นั้น
ขณะมองภาพนั้น และสัมผัสถึงผิวนุ่มลื่นยืดหยุ่นใต้ฝ่ามือขวา กับกลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่กรุ่นคลุ้งคละเคล้ากับกลิ่นแปลกประหลาด ลูเซียนก็พลันรู้สึกร้อนวูบวาบ และความต้องการของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นมาอีกครา มือขวาของเขากดทาบแนบแน่นขึ้นเล็กน้อย
หง่าง! เหง่ง! หง่าง!
ระฆังจากคริสตจักรอาภาดังก้องสะท้อนขึ้นในจังหวะนั้น ป่าวประกาศว่าขณะนี้เป็นที่ 26 แล้ว
ท่ามกลางสายลมหอมกรุ่น ปากลูเซียนถูกทาบทับด้วยริมฝีปากชมพูระเรื่ออีกครั้ง ลิ้นอันกล้าหาญและหวานล้ำแทรกผ่านฟันเข้ามาอย่างแผ่วเบาแล้วเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเขา
จุมพิตครานี้หาได้เร่าร้อนรุนแรงแต่กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น พวกเขาสัมผัสและลิ้มรสของกันและกัน ไม่ปล่อยให้มุมใดเหลือรอด
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ริมฝีปากของทั้งสองก็ผละออกจากกันในที่สุด นาตาชาเอ่ยพร้อมแย้มยิ้มสดใสและดวงตาชวนฝัน “สุขสันต์วันเกิด อัศวินของข้า”
ลูเซียนกอดนางอีกครั้งพร้อมกับมอบจุมพิตแสนหวานให้ จากนั้นเขาจึงตอบยิ้มๆ “เจ้าไม่ได้หลับอยู่หรือ”
นาตาชาขยับตัวยุกยิกแล้วเอนตัวนั่งพิงข้างๆ ลูเซียน ก่อนที่นางจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “เปล่า ข้ากำลังคิดถึงเส้นทางชีวิต ข้าวางแผนว่าจะหาทางแก้ไขความสับสนเกี่ยวกับความศรัทธาของข้า และข้าก็คิดว่าข้าควรจะเปลี่ยนแปลงโฮล์มเพื่อที่เราจะอยู่ด้วยกันได้อย่างเปิดเผย
“มันจะต้องเป็นเส้นทางแสนยาวไกลและยากลำบาก แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้”
ลูเซียนอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ นี่นาตาชาเองก็เข้าสู่สภาวะ ‘ช่วงเวลาแห่งปัญญา’ เช่นกันงั้นหรือ องค์ราชินีช่างเป็นดังคาดจริงๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ลูเซียนก็หันมามองนาตาชา และก็พบว่าผ้าคลุมเตียงกำมะหยี่สีขาวบางเบาได้หลุดร่นลงไปยามที่นางเคลื่อนไหวเมื่อครู่ก่อน เผยให้เห็นเนินเนื้ออันงดงามข้างใต้นั้น ยอดถันสีแดงเรื่อทำให้ลูเซียนหน้าแดงและหอบหายใจหนักอีกครา เขาหันหน้าหนีโดยสัญชาตญาณเพื่อหลบเลี่ยงภาพอันแสนเย้ายวนใจนั้น
“เจ้าไม่ชอบมันหรือ” นาตาชาจะเพิกเฉยต่อความผิดปกติของลูเซียนไปได้อย่างไร นางหัวเราะขบขันกับความหัวเก่าของเขา จากนั้น ดวงตาของนางก็มองผ่านร่างลูเซียนไปที่เศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพรม “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เห็นจะเป็นเช่นนี้เลย เจ้าน่ะป่าเถื่อนอย่างกับสัตว์อสูร ทั้งยังฉีกกระชากชุดราตรีของข้าเป็นชิ้นๆ”
ลูเซียนสะกดข่มความต้องการ แล้วโต้แย้งกลับไปโดยไม่รู้ตัว “มันถูกเจ้าฉีกกระชากต่างหาก”
“เป็นเช่นนั้นหรือ” นาตาชาโน้มใบหน้าเข้าหาลูเซียนแล้วเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าจำได้แล้วล่ะ เมื่อครู่ก่อน ใครบางคนถอดชุดราตรีไม่ได้และเพราะความโมโหเลยลืมใช้เวทมนตร์ ดังนั้น ด้วยความรักที่ข้ามีต่อเจ้า ข้าจึงฉีกกระชากชุดราตรีด้วยตัวเอง ลูเซียน เจ้าชอบคำอธิบายนี้มากกว่าแบบที่ว่าเจ้าป่าเถื่อนเหมือนสัตว์อสูรอย่างนั้นหรือ”
ลูเซียนไม่มีอะไรจะแก้ตัว เขาจึงทำได้เพียงตอบกลับไปด้วยท่าทางอับเฉา “ข้าชอบแบบแรกมากกว่า”
นาตาชายิ้มกริ่มแล้วเอ่ยชม “แต่ว่า เจ้าทำได้ดีมากจริงๆ แรกๆ เจ้าอาจจะยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่ครั้งที่สองกลับช่ำชองมากทีเดียว ทั้งยังพลิกข้าให้เป็นฝ่ายอยู่ข้างใต้เจ้าในตอนที่ข้าไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย มันรู้สึกดีมากทีเดียวที่ได้เพลิดเพลินไปโดยไม่ต้องทำอะไร
“อีกอย่าง ด้วยความช่วยเหลือทั้งหมดจากเวทมนตร์และสภาพร่างกายเจ้าในฐานะมหาอัศวิน เจ้าทำให้ข้าสุขสมสุดขีดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ข้าไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้โดยไม่ได้ต่อสู้มาก่อนเลย
“ถึงแม้ว่าข้าจะเหนื่อยล้าเสียจนกระดิกนิ้วยังไม่ไหว แต่ข้าคงรู้สึกสุขสมมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะในยามที่เราหลอมรวมกัน มันเหมือนกับดวงวิญญาณของเราสองได้ถักทอพันรัดเข้าด้วยกัน มันจะต้องเป็นเพราะความรักแน่ๆ”
นางพูดถึงสมรรถภาพของเขาโดยไร้ซึ่งความกระอักกระอ่วนใดๆ
ลูเซียนลอบปาดเหงื่อ บรรยากาศยามเขาอยู่กับนาตาชาชักจะแปลกเกินไปแล้ว พวกเขาคงจะเป็นคู่รักที่แปลกประหลาดมากแน่ๆ
“ข้าก็เช่นกัน ข้ามีความสุขมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จริงสิ มันจะต้องเป็นเพราะสัญชาตญาณในฐานะบุรุษผู้หนึ่งแน่ๆ ที่เจ้ารู้สึกว่าข้าช่ำชอง” แน่นอนว่าลูเซียนไม่มีทางบอกว่าเขารอบรู้เพียงใดและตอนนี้เขาปวดหลังมากแค่ไหน “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเคยประสบพบเจอมาก่อน ใช่หรือไม่”
ลูเซียนรู้ตัวว่ามันแย่มากในทันทีที่เขาพูดออกไป เพราะมันคงจะย้ำเตือนนาตาชาถึงซิลเวีย
นาตาชาไม่ได้ขุ่นข้องใจอันใด “การควบคุมกล้ามเนื้อของเหล่าอัศวินนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่คนทั่วไปก็ทำให้พวกเขามีความสุขได้เช่นกัน เมื่อใดที่พวกเขามีรัก ความเพลิดเพลินสุขสมย่อมยอดเยี่ยมสมกัน แต่ถึงกระนั้น ข้ารู้สึกว่าข้าชอบมันแต่ไม่ได้เพลิดเพลินสุขสมสักเท่าไหร่ ในทางกลับกัน เมื่อครู่นี้ข้าแทบจะเป็นลม เฮะๆๆ เวทมนตร์บทท้ายๆ ของเจ้ายอดเยี่ยมไปเลย ไว้เราค่อยลองใช้เวทแปลกๆ บทอื่นทีหลังนะ”
ราชินีนาตาชาเป็นสตรีช่างสงสัยแต่เปี่ยมด้วยเหตุผล ทว่า นางไม่คิดว่าตนเองจำเป็นจะต้องยับยั้งช่างใจในยามสำรวจแง่มุมเหล่านั้นกับคู่รักของนาง
“ได้สิ…” ลูเซียนแทบจะหาคำพูดใดมาตอบไม่ได้ เขาเร่งร้อนเกินไปในสองครั้งสุดท้ายจนลืมเลือนกลเม็ดเด็ดพลายใน ‘ตำราชมพู’ เขาเพียงเสริมพลังให้ตนเองด้วยเวทมนตร์จำพวกพละกำลังและการคืนพลัง
ในขณะนั้น ลูเซียนก็คิดในใจกับตัวเอง ‘การแปลงกายเป็นอัศวินอาภาอยู่ได้สั้นเกินไป มันใช้ได้แค่ในช่วงสำคัญ ไม่อย่างนั้นการใช้เวทบทนี้จะทำลายบรรยากาศหมด ข้าจำเป็นต้องพัฒนาเทคนิคการแปลงกายแบบใหม่เพื่อทำให้ข้ามีพละกำลังและความคล่องแคล่วของอัศวินอาภา แต่ไม่เอาความสามารถเหนือธรรมชาติ แบบนั้นน่าจะเพียงพอต่อการยืดระยะเวลาแสดงผลออกไปสักครึ่งชั่วโมง’
มันไม่ได้ใช้เพื่อการต่อสู้ ดังนั้นความสามารถเหนือธรรมชาติย่อมไม่สำคัญ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลูเซียนก็พลันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่ก่อน แม้ว่าพลังเวทและพลังเหนือธรรมชาติของพวกเขาจะยังไม่ถูกใช้ เพียงพละกำลังของทั้งสองก็ทำให้เก้าอี้กับโต๊ะพังเสียแล้ว อาหารที่เขาเตรียมมา นาตาชาก็ได้ลิ้มรสชาติในแบบที่แปลกสุดๆ หากว่าพวกเขาไม่เข้ามาในห้องนอนในช่วงท้ายสุด ลูเซียนคิดว่าเตียงนอนก็คงจะพังไปแล้วเช่นกัน “ข้าคงต้องสร้างเครื่องเรือนเวทมนตร์เสียแล้ว…”
นาตาชาหมุนกายแล้วเอนตัวพิงแผงอกของลูเซียน ให้ผิวเนื้อเปลือยเปล่าของทั้งสองสัมผัสกันแนบแน่น นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “เราเร่งร้อนกันเกินไปหรือไม่ แต่ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ หลังจากที่ข้ารู้ว่าข้าตกหลุมรักเจ้ามานานแล้ว ความรู้สึกนับหลายปีภายในใจก็ระเบิดออกมาราวกับกระแสน้ำ”
ลูเซียนนั้นไร้ซึ่งประสบการณ์เกินไป ซึ่งทำให้นาตาชาที่เข้าสู่สภาวะ ‘ช่วงเวลาแห่งปัญญา’ แล้ว รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ไม่เลย ข้าเฝ้ารอมานานแล้ว” ความจริงแล้วลูเซียนรู้สึกว่าทั้งสองไปเร็วเกินไป แต่เขาพอใจกับการได้อยู่กับสตรีที่รัก ในภายหลังจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
นาตาชาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากจุมพิตลึกล้ำยาวนานจบลง นางก็กล่าวด้วยความเสียดาย “ล่วงเลยยามรุ่งสางไปแล้ว แม้ว่าข้าจะอยากอยู่กับเจ้าต่อ แต่ข้าก็ต้องกลับไปที่พระราชวังเนคโซแล้วล่ะ มิเช่นนั้นข้าอาจทำให้ทางศาสนจักรสงสัยว่าข้านอนค้างในหอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม แต่เรายังหนุ่มแน่นและยังมีเส้นทางชีวิตอีกยาวไกล ข้าเชื่อว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันในสักวันหนึ่ง”
“ข้าเข้าใจ ข้อจำกัดในตอนนี้ก็คือความสุขในอนาคต” ลูเซียนกอดนางแล้วหยิบกระเป๋ามิติของนางมา เตรียมพร้อมจะสวมเสื้อผ้าให้นาง
แต่จู่ๆ นาตาชาก็ขยิบตาให้ “จริงหรือ แต่พี่ใหญ่ไอวานของเจ้าดูเหมือนจะต้องการอีกอย่างนะ ข้าอยากจะทำอีกสักรอบ ได้หรือไม่”
ลูเซียนเงยหน้ามองเพดานอย่างหมดหนทาง “แต่เจ้าต้องกลับไปแล้ว”
“ก็นะ ยังพอมีเวลาอยู่ น่าจะพอทันนะ” ดวงตาของนาตาชาพลันสั่นไหวราวกับสายน้ำ จากนั้น ลูเซียนก็รู้สึกได้ว่าเรียวขายาวๆ ของนางพาดผ่านขาเขา และความนุ่มลื่นก็ส่งผ่านไปถึงหัวใจเขาในรูปแบบของความรู้สึกชาแปลบ “ลูเซียน เจ้าบอกว่ามันเป็นเพราะความตกตะลึงมิใช่หรือ แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าชอบถุงน่องผ้าไหมจริงๆ กันนะ ทั้งชุดราตรีและชุดชั้นในข้าต่างถูกเจ้าฉีกกระชากไปหมด แต่ถุงน่องผ้าไหมนี้กลับไม่ถูกแตะต้องเลย”
ลูเซียนหน้าแดงแต่ไม่ตอบอะไร ร่างกายเขาร้อนผ่าวเพราะการยั่วเย้า ในขณะที่เรียวขายาวเลื่อนไล้ขึ้นมายังจุดสำคัญ
ลูเซียนอดใจไม่ไหวอีกต่อไป จึงจับขานาตาชา และกำลังจะพลิกกายกดนางลงกับเตียง
นาตาชาทาบมือบนอกลูเซียน ดวงตาสีเงินของนางเปล่งประกายวิบวับและเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความปรารถนา “รอบนี้ข้าจะอยู่ด้านบน”
ภายในห้องมีเพียงเสียงหอบกระเส่าและเสียงเอียดอาด แต่ทันใดนั้น เตียงนอนก็พังครืน แต่ทั้งสองกลับมิหยุดชะงักเลยสักนิด
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ลูเซียนก็นอนแผ่อยู่บนเตียงด้วยความสุขสมและอ่อนล้า ในขณะที่นาตาชายืนอยู่ข้างเตียง จัดชุดราตรีสีดำของนางด้วยท่าทางมีความสุข
“ข้ากลับก่อนนะ” นาตาชาโน้มตัวลงมาจูบลูเซียน ก่อนที่นางจะเอ่ยเสียงจริงจัง “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะเชิญราชาแห่งฝันร้ายมาอยู่ที่อัลโต้สักพักได้หรือไม่ เผื่อจะเกิดปัญหาใดขึ้น”
“ขอให้มั่นใจ ข้าจะจัดการให้เอง ท่านแกรนด์ดยุกย่อมไม่ตกอยู่ในอันตราย” ลูเซียนคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
นาตาชาออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนลูเซียนนั้น หลังจากพักผ่อนสักครู่และฟื้นคืนพละกำลังกลับมาได้ส่วนหนึ่ง ก็ลุกขึ้นจากเตียงพังๆ แล้วสวมเสื้อคลุมเวทมนตร์ของตน เขาเดินมายังห้องนั่งเล่น และเฝ้ามองนาตาชาขึ้นรถม้าและจากไปทางหน้าต่าง
“ชีวิตข้าได้เข้าสู่ช่วงใหม่นับแต่วันนี้ไป” ลูเซียนเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกแสนซับซ้อน
หลังจากที่นาตาชามาถึงพระราชวังเนคโซ ลูเซียนก็ติดต่อมาพูดคุยกับนางนานนับชั่วโมงผ่านทางเวทสื่อสารแม่เหล็กไฟฟ้า หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างนั้น ในที่สุดเขาก็นั่งลงบนพรมและเริ่มวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับแปด พยายามจะพัฒนาระดับเวทมนตร์ของเขา
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ยามเช้าก็มาเยือนแล้ว ลูเซียนดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกไปด้วยท่าทางเหนื่อยล้า หยิบ ‘โฮล์มรายสัปดาห์’ ที่เขาสมัครเป็นสมาชิก
‘…ท่านนักบุญซาร์ดเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของนักบวชและผู้พิทักษ์ราตรีในสังฆมณฑลโฮล์ม ท่านจึงตัดสินใจฝึกฝนเจ้าหน้าที่ในอารามหลวงโฮล์มและสื่อสารเรื่องนี้กับสังฆมณฑลทั้งสี่ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของช่องแคบสตอร์ม…’
“ซาร์ดคิดจะทำอะไรกันแน่” ลูเซียนเกาคางเมื่อเห็นพาดหัวข่าวนั้น