Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 533
บทที่ 533 การเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ด้านตะวันออกของนครเรนทาโตเป็นเขตที่มีชื่อว่า ‘ดินแดนพันทะเลสาบ’ ทะเลสาบขนาดใหญ่และเล็กมีผิวน้ำราบเรียบราวกับกระจกเงา นับเป็นทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจที่มีป่าอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ
เป็นเรื่องปกติที่สถานที่งดงามเช่นนี้อยู่ภายในการถือครองของราชวงศ์และขุนนางใหญ่ๆ เจมส์ ‘ดยุกแห่งแพฟอส’ มีคฤหาสน์ส่วนตัวตั้งอยู่ริมหนึ่งในทะเลสาบที่เงียบสงบ เป็นบรรยากาศที่น่าอภิรมย์และเงียบวสงบโดยแท้
รถม้าสี่ล้อที่มีม้าเกล็ดมังกรตัวหนึ่งนำขบวนค่อยๆ หยุดตรงประตูหน้าคฤหาสน์ แม้ว่าจะมีรูปร่างอ้วนกลม อาร์เธอร์ก็กุลีกุจอเปิดประตูรถม้าตรงหน้าลูเซียนและกระโดดออกไป ก่อนที่เขาจะทำท่าช่วยรับลูเซียนลงจากรถม้า
ลูเซียนส่ายศีรษะพร้อมด้วยรอยยิ้ม เขาก้าวลงไปยืนอยู่ด้านหลังอาร์เธอร์ แล้วก็พึมพำออกมา “ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ? เจ้าจะทำให้องค์ราชินีประทับใจได้ตราบใดที่เจ้าบริหารบริษัทโฮล์มการแร่และการเกษตรและธนาคารสมาพันธ์การแร่แห่งโฮล์มได้ดี”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหุ้นส่วน ‘การลงทุน’ ของเจ้าชายแพทริกจะตกทอดสู่นาตาชา ลูเซียนยังเคยพูดหลอกล้อนางเรื่องนี้เช่นกัน เขาพยายามสุดความสามารถในการประดิษฐ์อุปกรณ์เวทมนตร์และสามารถเก็บออมทรัพย์สินเงินทองมากขึ้น จนในที่สุด เขาก็พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเขาไม่ต้องกังวลกับต้นทุนวัสดุเวทมนตร์ที่ต้องการจนกว่าจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นชั้นตำนาน อย่างไรก็ตาม แค่มรดกของนาตาชาอย่างเดียวก็เกินกว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามี เขาก็รู้สึกอิจฉาอยู่ในที
อาร์เธอร์หันไปเดินตามหลังลูเซียน เขาตอบด้วยอาการหน้าแดงด้วยความอาย “ข้าเคารพเจ้าจากก้นบึงของหัวใจ ลูเซียน อุปกรณ์แร่แปรธาตุและเวทมนตร์ที่เจ้าประดิษฐ์ทำให้ข้าร่ำรวยเกินกว่าจะจินตนาการ และช่วยให้ข้าได้เข้าสังคมกับกลุ่มดยุกเจมส์ ที่ทำเมื่อตะกี้ออกมาจากใจเลยนะ แต่ว่าเจ้าบอกว่าองค์ราชินีพอใจกับการสนับสนุนและการพัฒนา ‘บริษัทโฮล์มการแร่และการเกษตร’ หรือ? แล้วธนาคารสมาพันธ์การแร่แห่งโฮล์มล่ะ? ฝ่ายบาทมีรับสั่งอย่างไรบ้าง?”
“ฝ่าบาททรงมาจากดินแดนต่างประเทศ พระองค์ทรงไม่รู้จักอุตสาหกรรมธนาคารดีนัก ซึ่งมีเฉพาะในประเทศแถบช่องแคบสตอร์มเท่านั้น พระองค์ทรงไม่ได้รับสั่งอะไร เจ้าน่าจะเขียนรายงานเรื่องประวัติศาสตร์และอนาคตของธนาคารถวายพระองค์นะ” ลูเซียนเข้าใจดีว่าเพื่อการสนับสนุนอุปกรณ์เวทมนตร์และชักจูงประชาชนชาวโฮล์ม ชาวบริแอนน์ และประเทศอื่นๆ เขาต้องเริ่มต้นด้วยสามมิติ ได้แก่ การทำให้อุปกรณ์เวทมนตร์ใช้งานง่าย การสนับสนุนทางการเงินที่มีศูนย์กลางในธนาคาร และการปรับเปลี่ยนความคิดของประชาชน
แน่นอน ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่าสภาเวทมนตร์ต้องแข็งแกร่งมากพอ
“ไม่มีปัญหา” อาร์เธอร์ตอบด้วยความปลื้มใจ เขาอ้วนมากจนหน้าของเขาแทบจะพองออกมา และดวงตาของเขาเหลือให้เห็นเพียงเส้นบางๆ เท่านั้น
ณ ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ มีทหารในเครื่องแบบชุดแดงตั้งแถวอยู่สองแถว แจ้งข่าวกันว่านาตาชามาถึงแล้ว
ขณะเดินผ่านแถวทหาร ลูเซียนและอาร์เธอร์ก็เดินมาถึงสวนที่ตกแต่งได้สะดุดตาที่สุดของคฤหาสน์ตามคำแนะนำของอัศวินฝึกหัด
สวนนี้เป็นสวนที่ดยุกเจมส์ภาคภูมิใจมาก และพูดกันกว่าเป็นรองเพียงคฤหาสน์ของราชวงศ์เท่านั้น ดอกไม้ที่น่าอัศจรรย์ทุกชนิดกำลังเบ่งบานในสวนขนาดใหญ่สวนนี้ ส่งกลิ่นพฤษาที่ชวนหลงใหล
ตรงกลางสวน มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับงานเลี้ยงกลางแจ้ง ด้วยทัศนียภาพของทะเลสาบอยู่ด้านหน้า และดอกไม้งามวิจิตรตระการตาอยู่ด้านหลัง
ทันทีที่เขาเดินเขาไปในงานเลี้ยง ลูเซียนก็สังเกตเห็นนาตาชา นางสวมชุดสีดำที่ดูเหมือนชุดล่าสัตว์ ผมยาวสีม่วงของนางถูกมัดไว้ และนางก็ดูสงบขึ้นมาก ดูเหมือนในช่วงการปรับตัวที่ผ่านมา นางจะเปลี่ยนจากเคาน์ติสแห่งไวโอเล็ตเป็นราชินีอย่างสมบูรณ์แบบ
ลูเซียนมองนาตาชาด้วยความชื่นชมและความรัก เขารู้สึกยอดเยี่ยมมาก ความกังวลภายในใจที่ผ่านมาหลายวันดูเหมือนจะเบาบางลงแล้ว เขาพอใจที่ได้มอบแอบมองนางเงียบๆ
ราวกับว่านางสัมผัสได้ถึงสายตาของลูเซียน นาตาชาหันหลังกลับมามองที่ลูเซียน
นัยน์ตาสีเงินของนางดูเป็นประกาย และริมฝีปากของนางก็อมยิ้ม ดูเหมือนนางจะไม่รู้ว่าดยุกเจมส์และขุนนางคนอื่นๆ ก็เชิญลูเซียนมาด้วยเหมือนกัน
แต่ไม่นาน นาตาชาก็ควบคุมสีหน้าและสนทนากับขุนนางที่ยืนอยู่รอบๆ ต่อไป
นางสวมถุงมือผ้าลื่นนุ่มมีดำที่เข้ากับรสนิยมเสื้อผ้าของนาง นางไม่ได้ถอดถุงมือออก ตอนที่ขุนนางจุมพิตมือของนาง
ลูเซียนหันกลับมาใส่เสื้อสูททักซิโด้ทรงยาวกระดุมสองแถวตามที่ชอบ ทั้งสองตั้งใจจะสานความสัมพันธ์ต่อกัน เขาจึงไม่กังวลอีกแล้วว่ารสนิยมการแต่งกายเดิมๆ ของเขาจะทำให้นางเบื่อ
หลังจากผ่านไปสักพัก นาตาชาก็ยิ้มอย่างสุภาพและพูดกับลูเซียนที่เดินตรงเข้ามาหา “ไม่เจอกันนานเลยนะ อัศวินของข้า”
ขุนนางคนอื่นๆ ที่พลังไม่แข็งแรงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะสังเกตเห็นว่าลูเซียนเดินเข้ามาถึงแล้ว การสนทนาของพวกเขาหยุดลงกะทันหัน ไม่เว้นแม้แต่ดยุกเจมส์ ดยุกรัสเซล และอาร์เธอร์ ทุกคนต่างมองทั้งสองนี้ด้วยความใคร่รู้และความคาดหวัง โดยต่างหวังว่าจะได้เห็นเบาะแสความสัมพันธ์ของทั้งสอง
ในตอนนี้ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิท คู่หูนักดนตรี หรือทั้งสองมีสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกันมากกว่านี้?
ลูเซียนถอดหมวกทรงสูงออกและคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อแสดงความเคารพ เขาคว้ามือขวาของนาตาชาและจุมพิตหลังมือที่ภายใต้ถุงมือของนางเหมือนกับอัศวิน “ฝ่าบาท อัศวินผู้นี้ไม่เคยหนีไปไหนพะยะค่ะ”
มือขวาของนางสั่นเทิมเล็กน้อย ราวกับว่านางกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง ในฝ่ายหนึ่ง ลูเซียนก็นึกถึงฉากรักภายใต้แสงจันทร์ที่เขาพรรณนาถึงก่อนหน้านี้ แล้วก็ยิ้มออกมา
หลังจากลูเซียนลุกขึ้นยืน นาตาชาก็ยิ้ม “ข้าเห็นสิ่งประดิษฐ์สร้างสรรค์มากมายในโฮล์ม สิ่งประดิษฐ์พวกนี้ทำให้ราชอาณาจักรแข็งแกร่งและมีความหวัง นั่นเป็นผลงานของเจ้า ลูเซียน”
อาร์เธอร์ผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นความสุภาพและการสทนาตามปกติ ทั้งคู่ดูเหมือนเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ไม่มีแม้รายละเอียดที่จะบอกถึงความสัมพันธ์ฉันชู้สาวแม้แต่น้อย เขาเฝ้าคิดว่าสักวันลูเซียนจะขึ้นเป็นพระสวามีขององค์ราชินี และครองตำแหน่งเจ้าชายเนคโซ แต่ความจริงไม่ได้สวยงามอย่างที่เขาจินตนาการ
ดยุกเจมส์และขุนนางคนอื่นๆ ก็ค่อนข้างผิดหวัง แต่พวกเขาก็รู้สึกโชคดีเช่นกัน พวกเขาต่างเกรงว่าราชินีจะตกหลุมรักกับลูเซียน อีวานส์ เข้าจริงๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดสงครามกลางเมือง หากนางตั้งใจจะเข้าพิธีสมรสกับเขา แม้จะมีเสียงคัดค้านจากศาสนจักร นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของพวกเขาแน่ๆ
พวกเขาหวังว่าองค์ราชินีจะรักษาความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับลูเซียนต่อไปโดยไม่ต้องใช้มนตร์เสน่ห์ และรักษาดุลอำนาจระหว่างศาสนจักรและสภาเวทมนตร์
ไม่ว่าทั้งสองจะเป็นคู่รักลับๆ กันหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขากังวล
ลูเซียนพยายามควบคุมอารมณ์และพูดกับนาตาชาเหมือนกับเพื่อนที่ดีและอัศวินของราชินี และถูกขัดจังหวะด้วยบทสนทนาของนางกับขุนนางคนอื่นๆ เป็นครั้งคราว งานเลี้ยงในคืนนี้ก็ดูเหมือนงานเลี้ยงธรรมดาทั่วไป
หลังจาผ่านไปยี่สิบนาทีและยังไม่พบร่องรอยอะไร ดยุกเจมส์ก็ยิ้มออกมา “เมื่อสักครู่ ฝ่าบาททรงเอ่ยถึงอปุกรณ์สร้างสรรค์ในราชอาณาจักร บังเอิญกระหม่อมมีอุปกรณ์บางชิ้นในคฤหาสน์ กระหม่อมขอกราบทูลเชิญเยี่ยมชมรอบๆ ฝ่าบาทจะได้ฟังข้อมูลจากผู้รังสรรค์ของเขา ท่านลูเซียน อีวานส์ เป็นการส่วนพระองค์ได้หรือไม่พะยะค่ะ?”
“ได้สิ” นาตาชารีบตกลง ทั้งๆ ที่รู้ว่าดยุกเจมส์ยังพูดไม่จบ
แล้วดยุกเจมส์และผู้นำกลุ่มเสรีนิยมอีกสามคน ลูเซียน คามิล และชายหนุ่มตาสีเทาเงินอีกคนก็เดินเข้าไปในอาคารหลักของคฤหาสน์พร้อมกับนาตาชา
“ท่านผู้นี้คือเคานต์เดวิด อัศวินผู้ดุดันราชวงศ์” ดยุกเจมส์แนะนำเขาให้ลูเซียนรู้จัก
ลูเซียนพยักหน้า “ท่านมอร์ริสเคยเอ่ยถึงบิดาของท่านมาก่อน เขาเป็นนักเวทที่น่าชื่นชมมากขอรับ”
เดวิดมีรูปร่างตาหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลฮอฟเฟนเบิร์ก โครงหน้าของเขาคมสัน แต่ดวงตาสีเทาเงินแผ่รังสีความเย็นชาออกมา เขาตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “ท่านอีวานส์ ขอขอบคุณสำหรับคำชื่นชมท่านพ่อของข้า”
เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ขณะนึกถึงบิดาผู้วายชนม์
ไม่นาน พวกเขาก็เขามาถึงอาคารหลักและก้าวเดินขึ้นบันได ในฐานะอัศวินของราชินี ลูเซียนต้องคอยระวังด้านหลัง และคอย ‘ปกป้อง’ นาตาชาพร้อมกับคามิล คนหนึ่งอยู่ด้านขวา และอีกคนอยู่ด้านซ้าย
ตอนนั้นเอง ดยุกเจมส์และคนที่เหลือกำลังจะเดินเลี้ยวตรงหัวมุม ลูเซียนก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างนิ่มๆ อยู่ในมือซ้ายของเขา
“มือนาตาชา?” ลูเซียนหันไปดูด้วยความประหลาดใจ จนสบตาเข้ากับสายตาที่กำลังกระดี๊กระด๊าของนาง
มือขวาของนาตาชาถอดถุงมือผ้าไหมออกแล้ว ความอุ่นจากฝ่ามือของนางช่างแตกต่างจากมารยาททางการที่ผ่านมาเมื่อสักครู่
ลูเซียนเข้าใจหัวใจของนางดี เขาทำได้เพียงกำมือของนางไว้แน่นๆ ลูเซียนรู้สึกพอใจเกินกว่าจะพรรณนาในช่วงเวลาที่ลักลอบสัมผัสกันแบบนี้ ความรู้สึกอบอุ่นนี้ดูเหมือนจะทำให้หัวใจของเขาสงบสุขอีกครั้ง
ขณะทั้งสองจับมือกัน นาตาชาก็มองตรงไปข้างหน้า แต่รอยยิ้มบนหน้าของนางไม่อาจปกปิดได้
หลังจากทั้งสองเดินผ่านมุมออกมา ต่างก็ปล่อยมือออกจากกัน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินตามดยุกเจมส์เข้าไปในห้องๆ หนึ่ง
ภายในห้องลับ บนถาดมีไวน์ แชมเปญ และ ‘สกายบลู’ เครื่องดื่มสุดโปรดของลูเซียนวางอยู่
หลังจากตรวจสอบเครื่องดื่ม พวกเขาต่างก็หยิบแก้วคนละใบและมองไปที่ดยุกเจมส์ เฝ้ารอให้เขากล่าวอะไรออกมา
“อันที่จริง กระหม่อมใคร่ขอถามความเห็นของฝ่าบาทเกี่ยวกับกิจการการเล่นแร่แปรธาตุและการโฆษณาอุปกรณ์เวทมนตร์เท่านั้นพะยะค่ะ หากทูลตรงๆ แล้ว เราลงทุนลงแรงไปมาก” ดยุกเจมส์พูดอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเขารู้สึกว่าเขาเข้าใจแนวคิดของนาตาชา
นาตาชารักษาอากัปกิริยาเคร่งขรึมของราชินี “ทัศนคติของข้าก็เหมือนเดิม อุปกรณ์เวทมนตร์ทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อราชอาณาจักรและประชาชนควรได้รับการสนับสนุน ส่วนอุปกรณ์ที่เลวร้ายและหลอกลวงจะถูกสั่งห้าม”
“ฝ่าบาทไม่ใช่ผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมจริงๆ ด้วยพะยะค่ะ” ดยุกรัสเซลกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “กระหม่อมก็หวังจะลงทุนในอะไรสักอย่าง แต่กระหม่อมไม่รู้ว่าจะทำกำไรได้หรือไม่ ท่านอีวานส์ ท่านมีอะไรเสนอแนะไหม?”
“ลงทุนอะไรขอรับ?” จู่ๆ ลูเซียนก็รู้สึกว่ากำลังอยู่ในการประชุมทางธุรกิจ
รัสเซลจิบแชมเปญและกล่าวว่า “สถานีวิทยุเหมือน ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ หรือ ‘ความจริงของโลก’ ที่มีรายงานข่าวและช่วงเพลงสบายๆ”
เขาสัมผัสได้ถึงคุณค่าของสถานีวิทยุ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำกำไรจากวิทยุได้อย่างไร
นาตาชามองลูเซียนด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาดูเหมือนเคยสนทนาเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวมาก่อน
ลูเซียนยิ้ม “ปัญหาหลักๆ ก็คือวิทยุเวทมนตร์ยังคงมีราคาแพง แม้ว่าจะทำให้ใช้งานง่ายขึ้นแล้ว ก็มีเพียงคนสูงกว่าชนชั้นกลางเท่านั้นที่ซื้อหาได้ ความนิยมของวิทยุย่อมหมายความว่าสถานีวิทยุจะไม่ได้ผลตอบแทนดีนัก”
“ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรบ้าง? ทำให้ง่ายขึ้นอีกหรือ?” เคานต์เฮนสันค่อนข้างสนใจเรื่องนี้เช่นกัน
ลูเซียนมองพวกเขาและพูดอย่างครุ่นคิด “ข้าเสนอว่าสถานีวิทยุควรตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ของตัวเองด้วย ใครก็ตามที่สมัครรับหนังสือพิมพ์เป็นเวลาหนึ่งปีจะได้รับวิทยุเวทมนตร์ แล้ววิทยุก็จะได้รับความนิยมในไม่นาน”
“แต่นั้นเราจะขาดทุนหนักมาก!” ในฐานะรัฐมนตรีคลัง เคานต์เฮนสัน อ่อนไหวต่อเรื่องการขาดทุนมาก วิทยุเวทมนตร์เครื่องหนึ่งมีราคาสูงกว่าการสมัครรับหนังสือพิมพ์รายปี
ลูเซียนมองนาตาชาและอธิบายต่อ “ก็ต้องยอมขาดทุน แต่เป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อส่งเสริมการขาย อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจะมาจากการโฆษณา ข้าจะขอให้บริษัทของข้าจ่ายค่าโฆษณาให้กับสถานีวิทยุอย่างงาม”
“แล้วจะสูญเงินเปล่าหรือเปล่า?”
ลูเซียนยิ้ม “การโฆษณาคือการลงทุนและจะได้ผลตอบแทนภายหลัง เรารอไหว”
แม้เขาจะสูญเงินเปล่าๆ แต่ก็คุ้มค่าหากเขาสามารถควบคุมความคิดเห็นสาธารณะของสถานีวิทยุโฮล์มผ่านโฆษณาได้
ดยุกเจมส์กำลังจะพูดขึ้น แต่สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก แก้วในมือเขาหล่นลงแตกละเอียด “ยาพิษ!”
ทันทีที่ได้ยินคำว่ายาพิษ ลูเซียนรู้สึกได้ถึงยาพิษที่น่ากลัวและชั่วร้ายกำลังระเบิดอยู่ภายในตัวเขา แต่ถูกกำจัดทิ้งด้วยแหวนคอนกัสในทันที อย่างไรก็ตาม ด้านล่างของยาพิษมีคำสาปแปลกๆ ที่ทำให้เขาไม่สามารถตั้งสมาธิกับพลังวิญญาณของเขาได้ ขณะที่เขาเมา!
ไวน์ในห้องลับถูกวางยาพิษทั้งหมดหรือ?
ทำไมเขาสังเกตไม่เห็นเลย?
ด้วยความตื่นตระหนก ลูเซียนมองนาตาชาและรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรง เพราะหน้าของนางคล้ำลงและมือของนางก็สั่นเทิ้ม
ดยุกเจมส์ตะโกนออกมา “ในไวน์มียาพิษ?”
เสียงของเขาดังมากจนแก้วเกือบจะแตก ขณะเขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากพวกขุนนางด้านนอก
เขารู้ดีว่า ตราบใดที่คนร้ายไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังเหนือกว่าชั้นตำนาน คนร้ายน่าจะทำให้เขารู้ตัว หากเข้ามาใกล้เขา ซึ่งเป็นอัศวินทองคำ และคนร้ายวางยาพิษในระยะที่พลังของเขา
แน่นอน หากคนร้ายไม่ได้ร่วมมือกับสายลับ!