Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 594 ความสนใจ
บทที่ 594 ความสนใจ
เดียปทำตามคำแนะนำของลูเซียน หลังจากเขียนคำว่า ‘แม่เหล็กไฟฟ้า’ ลงบนหน้าปกรายงาน เขาก็ส่งมันไปให้คณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา ว่ากันว่าทุกๆ การค้นพบที่สั่นสะเทือนไปทั้งวงการจะได้รับการตอบสนองของโลกความเป็นจริง เขาจึงนึกสงสัยว่าเมื่อไหร่มันจึงจะเกิดขึ้นกับเขาบ้าง บางทีเขาอาจต้องรอจนกว่าจะมีการทดลองที่สนับสนุนผลลัพธ์ของเขาเสียก่อนก็เป็นได้…
ตามความเข้าใจของเขา การปรับใช้ทวิภาคคลื่น-อนุภาคให้กว้างขวางถือเป็นความก้าวหน้าที่เทียบเคียงกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยในด้านความสำคัญ และมันมีความสำคัญเทียบเท่าการค้นพบตารางธาตุเลยทีเดียว ดังนั้น การตอบสนองของโลกความเป็นจริงควรจะต้องเกิด แต่เขาก็รู้ดีอีกด้วยว่าหากไร้ซึ่งการทดลองที่แน่ชัด แม้แต่ตัวเขาเองก็คงไม่เชื่อ ดังนั้น การตอบสนองของโลกความเป็นจริงจึงยังไม่เกิดขึ้น
“แม่เหล็กไฟฟ้า ส่งให้ท่านมาร์คัสและท่านยานา” เสียงก้องๆ ไร้อารมณ์ของชีวินรสายนเวทเอ่ยขึ้น
รายงานถูกส่งไปยังสองผู้มีอำนาจในสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากรายงานฉบับนี้เขียนขึ้นโดยจอมเวทระดับสูง มันจึงไม่ถูกส่งไปหาลูกศิษย์ของพวกเขาหรือบรรณาธิการ แต่กลับส่งตรงถึงโต๊ะทำงานพวกเขา หลังจากที่ทั้งสองเสร็จสิ้นจากการศึกษาวิจัยของตนเอง ในที่สุดพวกเขาก็มีเวลาว่างหยิบรายงานฉบับนั้นขึ้นมา
มาร์คัสดูอ่อนเยาว์นักสำหรับผู้ที่เป็นนักเวทระดับสูง เขามีผมสีแดงสดและมักจะสวมถุงมือสีดำอยู่เสมอเหมือนกับพวกผู้พิทักษ์ราตรี เขาจะไม่ถอดถุงมือออกแม้แต่ตอนทำการทดลองหรือฝึกใช้เวทมนตร์คาถา
“ข้อสันนิษฐานที่ยึดหลักจากทฤษฎีควอนตัมของแสงและการศึกษา…” มาร์คัสอ่านหัวข้อรายงานแล้วขมวดคิ้วมุ่น ถุงมือกำมะหยี่สีดำของเขาลูบไปบนหน้าปกรายงานแผ่วเบา มาร์คัสค่อนข้างมึนงงและรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยที่จะอ่านเนื้อหา เพราะการค้นพบควอนตัมของแสงคือสิ่งที่ทำให้ความเข้าใจในเรื่องคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของเขากลับไปสับสนยุ่งเหยิงอีกครา
แต่เขาก็ยังเปิดมันและกวาดตาอ่านสองสามบรรทัดแรก หลังจากที่รู้ถึงข้อตั้งที่ข้อสันนิษฐานนี้ใช้อ้างอิง รอยยิ้มถูกใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา “น่าสนใจทีเดียว…”
รายงานฉบับนี้ยาวหลายสิบหน้า แต่เนื้อหาไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับมาร์คัส เขาจึงใช้เวลาไม่นานก็อ่านจบ
“อิเล็กตรอนคือคลื่นงั้นหรือ น่าสนใจดีนี่ เดียปปรับใช้ทวิภาคในรูปแบบที่สดใหม่สุดๆ… น่ายินดีกับเขาจริงๆ” มาร์คัสแย้มยิ้ม ขณะนึกภาพออกเลยว่าผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาคจะหัวเสียเพียงไร แต่ไม่นานเขาก็ถอนหายใจออกมา “แต่มันยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่รอคอยหลักฐานแน่ชัดจากการทดลอง ใครจะรู้ว่าการทดลองเช่นนั้นจะปรากฏขึ้นเมื่อใด…”
หากพูดตามตรง มาร์คัสก็ไม่ค่อยเชื่อเนื้อหาในรายงานของเดียปหรอก แม้ว่ารายงานฉบับนี้จะถูกใจเขาก็ตาม หลังจากพิสูจน์ความถูกต้องกระบวนการอนุมานด้วยตนเอง มาร์คัสก็เริ่มเขียนลงไป
‘เป็นข้อสันนิษฐานที่อาจหาญและน่าทึ่ง มันคือความพยายามในการเข้าหาความจริงของโลกที่ดูเสี่ยงอันตราย ดังนั้นมันจึงเป็นทฤษฎีหักล้างอย่างมาก ข้าขอแสดงความเห็นต่อผลงาน ดังนี้ สำคัญอย่างที่สุด ควรค่าแก่การอภิปรายอย่างกว้างขวาง และประยุกต์ใช้ได้อย่างแพร่หลายในด้านของจุลภาค แต่ว่า เนื่องจากมันยังคงเป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่ยึดถือจากการอนุมาน ข้าจึงขอแนะว่า ในตอนนี้ ให้มอบรางวัลเป็นสิบค่าชื่อเสียงอาร์คานาและสองร้อยคะแนนอาร์คานา แต่สามารถมอบรางวัลเพิ่มเติมได้เมื่อมีการทดลองที่แน่ชัดมาพิสูจน์ยืนยัน’
มาร์คัสไม่ได้ให้ความเห็นว่างานชิ้นนี้เป็นงานที่จะสะเทือนวงการ เพราะมันยึดหลักจากทวิภาคคลื่น-อนุภาคของลูเซียน
เมื่อเขียนเสร็จ มาร์คัสก็สอดปึกกระดาษกลับเข้าในซองและเริ่มอ่านรายงานฉบับอื่น ในสายตาเขา ถึงงานชิ้นนั้นจะน่าสนใจมากเพียงใด และถูกใจเขามากแค่ไหน มันก็ยังไม่คู่ควรกับความสนใจและเวลาส่วนใหญ่ของเขาอยู่ดี บางทีเวลาที่เขาว่างๆ เขาอาจจะลองคิดหาการทดลองที่พอจะเป็นไปได้ดู แต่ตอนนี้เขายังคิดไม่ออกเลยสักอย่าง และยังมีสิ่งสำคัญอีกมากมายรอให้เขาจัดการอยู่
ในขณะเดียวกันนั้น ที่ห้องทำงานของยานา อามีร์ บุรุษผู้มีผมสีน้ำตาลตัดสั้นกำลังหัวร่องอหายจนหลังแอ่น “อิเล็กตรอนคือคลื่นเช่นนั้นหรือ เดียปช่างมีจิตนาการสร้างสรรค์เสียจริง ข้าพนันได้เลยว่าราเวนติคงจะมอบบทเรียนดีๆ ให้กับเขาเป็นแน่!”
แต่เขาต้องยอมรับว่างานชิ้นนี้น่าสนใจมากจริงๆ และเขาก็ดีใจที่จะได้เห็นว่าพวกผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาครู้สึกเช่นไรหลังจากได้อ่านมัน ในอนาคต หากพวกนั้นเอาแต่เอ่ยถึงทฤษฎีควอนตัมของแสงของท่านอีวานส์ พวกเขาก็จะสามารถใช้งานชิ้นนี้ตอบโต้กลับไปได้ แต่แล้วเขาก็ส่ายศีรษะ ข้อสันนิษฐานนี้ยังต้องรอหลักฐานยืนยันจากการทดลอง และการทดลองที่ว่านี้ก็อาจใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะปรากฏ หรือไม่ก็คือ อาจจะไม่มีการทดลองเช่นนั้นเลย หากเป็นอย่างหลัง งานชิ้นนี้ก็คงจะถูกลืมเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์ตลอดกาล
เขาพอจะเคยเห็นข้อสันนิษฐานแสนอาจหาญมาบ้าง โดยเฉพาะหลังจากที่ผลการวิจัยหักล้างทั้งหลายของลูเซียน อีวานส์ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีผู้ใดสามารถนำเสนอหลักฐานชี้ชัดได้ ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงยังคงเป็นข้อสันนิษฐานแสนอาจหาญต่อไป
ยานาต้องยับยั้งใจตนเองไม่ให้ชื่นชมงานชิ้นนี้มากจนเกินไป ท้ายที่สุดเขาก็เขียนไปว่า ‘เป็นจินตนาการแสนอัจฉริยะที่น่าสนใจยิ่ง นับเป็นงานเขียนที่สร้างแรงบันดาลใจที่สุดเท่าที่ข้าได้อ่านมาตลอดปีนี้ เพราะมันได้ทลายข้อจำกัดมากมายจากความเชื่อเก่าๆ แต่ว่า ด้วยไร้ซึ่งหลักฐานยืนยันจากการทดลอง งานเขียนที่แสนล้ำสมัย สำคัญอย่างที่สุด และนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลายชิ้นนี้ ซึ่งควรค่าแก่การอภิปรายอย่างแพร่หลาย จึงยังคงเป็นเพียงจินตนาการ ณ จุดนี้ ข้าขอมอบแปดค่าชื่อเสียงอาร์คานาและห้าร้อยคะแนนอาร์คานาเป็นรางวัล ข้าหวังว่าจอมเวททุกท่านจะร่วมมือกันทำการทดลองนี้’
แม้เขาจะบอกว่าจอมเวททุกคนควรจะลองพัฒนาการทดลองที่ใช้ได้จริง แต่ตัวยานาเองกลับหันไปทำงานอื่นอย่างรวดเร็ว จนกว่ายานาจะทำงานที่ได้รับมอบหมายทั้งหมดซึ่งกองเป็นภูเขาแล้วเสร็จ เขาคงไม่มีทางได้พิสูจน์ข้อสันนิษฐานนี้
ไม่นานผลการพิจารณาก็ส่งคืนกลับมาหาเดียป เขาไม่ประหลาดใจกับรางวัลอันน้อยนิดอย่างเก้าค่าชื่อเสียง หากเป็นตัวเดียปเองที่พิจารณางานเขียนชิ้นนี้ เขาก็อาจจะมอบให้เพียงหนึ่งหรือสองค่าชื่อเสียงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า สมาชิกคณะกรรมการทั้งสองชอบใจกับข้อสันนิษฐานนี้มาก
จากนั้นเดียปก็เริ่มครุ่นคิดถึงวารสารที่เขาควรจะส่งงานชิ้นนี้ไปตีพิมพ์ ‘แม่เหล็กไฟฟ้า หรือแสงสว่าง-ความมืดดี หรือควรเป็นอาร์คานาสามัญกันนะ’ เดียปรู้ดีว่ามันไม่มีทางเลยที่เขาจะได้ตีพิมพ์งานชิ้นนี้กับ ‘อาร์คานา’ และ ‘เวทมนตร์’ เพราะมันยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ส่วน ‘เวทธาตุ’ นั้น บรรณาธิการคงจะฉีกงานของเขาเป็นชิ้นๆ แน่หากเขากล้าส่งมันไป
ในตอนที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ข้ารับใช้ของเขาก็เข้ามา พร้อมกับนำจดหมายเชิญไปตีพิมพ์ผลงานมาให้เขา
มันมาจาก ‘ธรรมชาติ’
เพราะอิทธิพลอันล้ำลึกของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ในช่วงครึ่งปีนี้ ยอดสมัครสมาชิกของวารสารจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บัดนี้ มันได้กลายเป็นวารสารที่ทรงอิทธิพลด้านคณิตศาสตร์ที่สุด โดยอยู่ในอันดับเดียวกันกับ ‘เวทธาตุ’ และ ‘โหราศาสตร์’ ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับงานชิ้นนี้
เดียปตอบรับคำเชิญนั้นทันที และหนึ่งในเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลก็คือ ท่านลูเซียน อีวานส์ คือบรรณาธิการกิตติมศักดิ์ของวารสารหัวนี้ ดูเหมือนว่าวารสารธรรมชาติกำลังพยายามจะแผ่อิทธิพลออกนอกเขตแดนคณิตศาสตร์เพื่อเป็นวารสารที่มีความครอบคลุมเหมือนอย่าง ‘อาร์คานา’ และ ‘เวทมนตร์’
…
มาร์คัสและยานาจงใจปล่อยข่าวออกไป ด้วยเหตุนี้ ภายในสองสัปดาห์ จอมเวทที่มีเส้นสายจึงได้รู้ว่ามีงานเขียนประเภทนี้อยู่และซื้อหามันมา
แลร์รี่รู้สึกขบขันเล็กน้อย ขณะจดจ้องรายงานตรงหน้าเขา หลังจากอ่านจนจบ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ เขานึกสงสัยว่ามันเป็นเพราะเดียปอยากจะขู่ให้คนอื่นกลัวหรืออย่างไร ถึงได้โยนข้อสันนิษฐานแสนอาจหาญแต่ไร้สาระนี้ใส่ผู้คน
แกสตันค่อนข้างสนิทสนมใกล้ชิดกับราเวนติ ด้วยเหตุนี้ แลร์รี่จึงรู้จักเดียปค่อนข้างดี เขาแย้มยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนจะวางงานชิ้นนั้นลง
ภายในแผนกนักเวทประจัญบาน จูริเซียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมเดี่ยวก็กำลังรู้สึกขบขันกับงานเขียนชิ้นนี้ เขายิ้มไม่หยุดจนกล้ามเนื้อบนใบหน้าถึงกับเริ่มเมื่อยขบ จูริเซียนหาได้รู้สึกหัวเสีย และตามจริงแล้ว เขาชอบข้อสันนิษฐานนี้ ทว่า หากมันได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริง มันจะต้องเกิดเหตุการณ์ศีรษะระเบิดขึ้นระลอกใหม่อย่างแน่นอน เหมือนกับตอนที่มันเกิดขึ้นหลังจากข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสงได้รับการยืนยัน แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่มีเวลาอีกสามปีให้เตรียมความพร้อมแล้ว
จูริเซียนเก็บงานนั้นไป เขาจะลองออกแบบการทดลองดูเมื่อเขามีเวลาว่าง
ในสถาบันอะตอม สปรินต์ก็กำลังอ่านงานเขียนของเดียปอยู่เช่นกัน สถานะของเขาพัฒนาขึ้นมากนับแต่ที่ลูเซียน อีวานส์ กลายเป็นสมาชิกท่านหนึ่งของสภาสูงสุด เขาไม่เห็นด้วยกับงานชิ้นนี้ เพราะเขาไม่เชื่อเลยสักนิดว่าข้อสันนิษฐานหักล้างนี้จะเป็นความจริงได้ อย่างไรเสีย บนโลกนี้ก็มีลูเซียน อีวานส์ เพียงคนเดียว และไม่ใช่ทุกคนจะคิดข้อสันนิษฐานที่โค่นล้มความเชื่อเดิมแต่ก็ยังมีเหตุผลได้
ในสายตาบรรดาลูกศิษย์ งานชิ้นนี้เป็นเหมือนเรื่องตลก พวกเขาคือคนกลุ่มแรกที่ได้ล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของอิเล็กตรอน และยังเป็นกลุ่มคนที่ทำการทดลองเกี่ยวกับอิเล็กตรอนมากที่สุด ผลการทดลองทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติความเป็นอนุภาคของอิเล็กตรอนแล้ว ในตอนที่ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสงถูกนำเสนอเป็นครั้งแรก มันดูแทบจะไร้เหตุผลเพราะยังมีทฤษฎีอีเธอร์ แต่ในตอนนี้ มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ไม่มีอะไรสนับสนุนมัน” ไฮดี้เห็นด้วย
แอนนิคพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเองก็รู้สึกว่าข้อสันนิษฐานนี้ไร้สาระจริงๆ เขาจึงพยักหน้าเหมือนอย่างลูกศิษย์คนอื่นๆ แต่ในที่สุดเขาก็กล่าวเสริมว่า
“ข้าว่า… หากเรามีเวลา เราอาจจะอยากลองออกแบบวงแหวนเวทการทดลองโดยยึดจากความยาวคลื่นอิเล็กตรอนอย่างที่งานชิ้นนี้บอกเพื่อดูว่ามันจะมีการเลี้ยวเบนหรือการแทรกสอดอะไรหรือไม่ มีเพียงการทดลองเท่านั้นที่จะอธิบายทุกอย่างได้”
แม้ว่าสปรินต์จะไม่ชอบข้อสันนิษฐานบ้าบอนี้ แต่ในฐานะลูกศิษย์ของลูเซียน เขาจึงยังคงรักษาความรอบคอบเอาไว้ “ใช่ เราจะปฏิเสธมันได้ด้วยการทดลอง แต่ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรที่จะใช้ได้กับความยาวคลื่นที่ว่านั่นเลย”
“ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ถือเสียว่าเป็นการฝึกฝน” ไฮดี้ยิ้มกริ่ม
บรรดาลูกศิษย์ตกลงใจได้แล้ว และพวกเขาก็ไม่คิดจะบอกให้อาจารย์ตนทราบ ในสายตาพวกเขา งานชิ้นนี้ไม่คู่ควรกับความสนใจมากจนเกินไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสนใจจากอาจารย์พวกเขา
ทว่า เมื่อเหล่ามหาจอมเวทอ่านงานเขียนของเดียปจบ พวกเขาต่างตื่นตัวและเป็นกังวลมากกว่าจอมเวททั่วไป อย่างไรข้อสันนิษฐานนี้ก็แตกแขนงมาจากข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสง มันจึงมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกต้อง แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านวิธีทำการวิจัยในปัจจุบัน พวกเขาจึงทำได้เพียงพยายามพัฒนาวงแหวนเวทที่มีอยู่แล้วในช่วงที่พวกเขาว่าง อย่างไรก็ดี พวกเขาต่างยุ่งอยู่กับการศึกษาและงานวิจัยอาร์คานาของตนเอง
…
เดือนกุมภาพันธ์มาเยือนแล้ว และลูเซียนก็ประทับแบบจำลอง ‘เวทเพ่งพยาบาท’ ไว้บนดวงจิตของเขาสำเร็จในที่สุด
ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา มาร์คัสจึงเข้าถึงวารสารฉบับล่าสุดของเดือนนี้ของทุกหัวได้เร็วกว่าผู้อื่น แต่เขาย่อมไม่อ่านวารสารทุกหัว เลือกมาเพียงอาร์คานา เวทมนตร์ แม่เหล็กไฟฟ้า โหราศาสตร์ เวทธาตุ และธรรมชาติ ส่วนที่เหลือนั้น เขาจะอ่านบทย่อก่อนเพื่อตัดสินใจว่าควรจะเจาะลึกลงไปหรือไม่
มาร์คัสหยิบอาร์คานาขึ้นมา และก็ได้เห็นพาดหัวตัวใหญ่บนปกอย่างไม่น่าประหลาดใจ
“ฉบับที่สอง ปี 825 สรรเสริญการถือกำเนิดของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทฤษฎีอันยิ่งใหญ่ที่นำเสนอโดยท่านลูเซียน อีวานส์ ผู้นำพาเราไปสู่ความจริงของแรงโน้มถ่วง”
นี่คือสิ่งที่การค้นพบทางอาร์คานาศาสตร์ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่สมควรได้รับ
เมื่อพลิกเปิด หน้าแรกคือผลการพิจารณาสุดท้ายและความเห็นของดักลาสกับเบิร์กเนอร์
‘นี่นับเป็นทฤษฎีที่จะเปิดหน้าศักราชใหม่ ซึ่งเผยให้เราได้เห็นว่าธรรมชาติแท้จริงของแรงโน้มถ่วงนั้นคือกาล-อวกาศที่มีความโค้ง แม้ว่าการแก้สมการจะมีความซับซ้อนมาก แต่มันก็เชื่อถือได้และแม่นยำเสียจนไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น ผลการคำนวณที่ยึดหลักจากทฤษฎีนั้นลงตัวเหมาะเจาะกับข้อมูลการหมุนควงของดาวประกายพรึกที่จุดโคจรใกล้ดวงอาทิตย์ และการที่เวลาบนดาวเคราะห์เทียมล่วงผ่านเร็วกว่า ดังนั้น เราจึงพูดได้ด้วยความมั่นใจว่าทฤษฎีนี้ได้มอบคำบรรยายที่ใกล้เคียงกับความจริงแท้ของแรงโน้มถ่วงมากที่สุด และจึงเป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญในประศาสตร์เวทมนตร์!’
‘หากสามารถเพิกเฉยต่อการยึดถือความเป็นรูปธรรมของข้าได้ ข้าจะมอบเกียรติสูงสุดให้กับมันเลยทีเดียว ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเต็มไปด้วยความงดงามทางทฤษฎีอย่างหาใดเปรียบ และมันก็จะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางอาร์คานาในรูปแบบใหม่เอี่ยม’
‘ระบบของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปได้นำเรามาสู่ธรรมชาติแท้จริงของอาร์คานาอันเป็นสิ่งพื้นฐานที่สุดแต่ก็ซุกซ่อนตัวฝังลึก ที่ความจริงชวนตะลึงของโลกได้เผยตัวให้เราเห็นเพียงเศษเสี้ยว ข้าขอเสนอให้มอบรางวัลแก่ท่านอีวานส์เป็นค่าชื่อเสียงอาร์คานาสามพันแต้มและแปดหมื่นคะแนนอาร์คานา สำหรับระบบสัมพัทธภาพของท่าน!’
‘มันคือค่ำคืนแห่งปาฏิหาริย์ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้นจะถูกจดจำไปตลอดกาลโดยคนรุ่นหลัง และพวกเขาก็จะจินตนาการภาพและสรรเสริญราตรีนั้นด้วยถ้อยคำที่มีสีสันที่สุดและด้วยความสนใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้’
มาร์คัสสูดหายใจเข้าลึก เขารู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยจากคะแนนและแต้มรางวัล แต่เขาก็มองว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว ระบบสัมพัทธภาพเชิงทฤษฎีนั้นเป็นการค้นพบที่งดงามและเป็นฉบับง่ายที่สุดแล้วในศาสตร์แม่เหล็กไฟฟ้า และมันก็แก้สมการที่ยากที่สุด ซึ่งคอยกวนใจเหล่าจอมเวทมานานหลายรุ่น
มาร์คัสพลิกกระดาษอ่านผ่านๆ บทความทั้งหมดในเล่มเป็นเรื่องของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปหรือเกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ จากนั้นเขาก็วางวารสารลง เพราะเขาจำเป็นต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างเต็มที่เวลาอ่านเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เขาจึงเก็บเรื่องนี้ไว้อ่านในภายหลัง ตัวบททฤษฎีทั้งหมดยังคงยากเกินไปสำหรับเขา
หลังจากอ่านวารสารเวทมนตร์เสร็จ มาร์คัสก็หยิบวารสารธรรมชาติขึ้นมา เขาอยากจะอ่านบทความเกี่ยวกับเรขาคณิตอีวานส์และการวิเคราะห์เทนเซอร์
แต่เมื่อกวาดตาอ่านหน้าสารบัญ มาร์คัสก็เห็นหัวข้อแสนคุ้นตา ‘ข้อสันนิษฐานที่ยึดหลักจากทฤษฎีควอนตัมของแสงและการศึกษา’
เขามุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ด้วยไม่คาดคิดว่าวารสารธรรมชาติจะตีพิมพ์บทความที่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเช่นนี้ เขานึกสงสัยว่าเดียปแอบใช้อุบายใดหรือไม่เพื่อให้งานของเขาได้ตีพิมพ์
เมื่อพลิกไปอีกหน้า มาร์คัสก็ต้องประหลาดใจที่เห็นความคิดเห็นจากบรรณาธิการข้างใต้ชื่อหัวข้อ
‘…บางทีงานชิ้นนี้อาจกำลังเลิกชายผ้าม่านขึ้นตรงมุมหนึ่ง และเผยความจริงส่วนเล็กๆ ให้เราเห็นก็เป็นได้…’
บรรณาธิการร่วมคือลูเซียน อีวานส์
มือทั้งสองข้างของมาร์คัสพลันชาหนึบ วารสารร่วงลงจากมือเขาไปกระแทกกับโต๊ะทำงาน
“…เลิกชายผ้าม่านขึ้นตรงมุมหนึ่งเช่นนั้นหรือ”
มาร์คัสทวนความคิดเห็นนั้นด้วยเสียงแผ่วเบา เขาไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ แม้ชื่อลูเซียน อีวานส์ จะไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะถูกต้องเสมอไป แต่ความเห็นเช่นนั้นจากเขาก็ยังเพียงพอจะทำให้จอมเวทส่วนใหญ่ต้องกลับมามองงานเขียนชิ้นนี้ใหม่และให้ความสนใจกับมันยิ่งขึ้นไปอีก!
………………………………………