Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 708 คดีแปลกประหลาด
คดีพิธีบูชาปีศาจ?” แอนนาสงสัยมาก ตอนถามคำถามนี้ออกไป นอกเหนือจากพวกมือสังหารและพวกจิตวิปริตที่กระหายเลือดตลอดเวลา ก็มีแค่คนบ้าจริงๆ เท่านั้นที่จะบูชาปีศาจแห่งความโกลาหล!
ถ้าพวกเขาต้องการขอพร พวกเขาก็น่าจะบูชาดยุกแห่งปีศาจที่อย่างน้อยก็ ‘ไว้ใจ’ ได้มากกว่า ถึงแม้จะไม่แปลกที่หลายคนคิดบูชาปีศาจ แต่ก็น่าขนลุกทีเดียวที่มีคนถูกสังหารในเหตุการณ์เดียวกันนี้จำนวนมาก
แคทริน่าก็คิดเหมือนกัน สภาเวทมนตร์สั่งการภารกิจนี้ก็เพราะ ‘การบูชาปีศาจ’ ถ้าเหยื่อถูกสังหารระหว่างพิธีกรรมบูชาปีศาจ สภาคงไม่ได้ให้ความสนใจกับคดีนี้ขนาดนี้
ปีศาจที่ทรงพลังสองสามตนถึงขนาดเคยพยายามตั้งศาสนาขึ้นมาเพื่อบูชาพวกมันเอง พวกมันอาจเคยคิดเรื่องนี้ แต่ก็ล้มเลิกความคิดเพราะความกระหายและความปรารถนาให้เกิดการสังหารและการชโลมเลือด การบูชาปีศาจครั้งใหญ่เช่นนั้นจึงเป็นเรื่องแปลกและยากที่จะอธิบาย
กัลฟ์ เจ้าของโรงเตี๊ยม ใช้ผ้าสะอาดเช็ดแก้วตรงหน้าอย่างพิถีพิถัน จนไม่เหลือร่องรอยสกปรก เขายิ้ม “เป็นคดีบูชาปีศาจจริงๆ อย่างน้อย หลังสืบสวน ศาสนจักรก็อธิบายไว้อย่างนี้”
“แต่ศาสนจักรอาจปกปิดความจริง ไม่ให้คนแตกตื่น ศาสนจักรเคยทำไม่ใช่เหรอ?” แอนนายังไม่พอใจกับคำตอบของกัลฟ์ นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วตั้งแต่นางเข้ามาเป็นทหารรับจ้าง นางได้เห็นและผ่านอะไรๆ มามากมาย นางรู้มากเกินกว่าจะยอมรับการสรุปผลสืบสวนของศาสนจักรโดยไม่ตั้งข้อสงสัย
ในฐานะทหารรับจ้างประสบการณ์สิบปี และผู้จัดการโรงเตี๊ยมแปดดี กัลฟ์จะเชื่อผลการสืบสวน ก็ต่อเมื่อสายข่าวของเขายืนยัน
เมื่อเห็นทั้งสองสาวจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เขียวดั่งกับน้ำในทะเลสาบ กัลฟ์เคาะโต๊ะเบาๆ “ข่าวกรองมีราคาในตัวมัน แต่…”
เขาหยุดพูดและมองไปยังทหารรับจ้างที่นั่งกันเต็มโรงเตี๊ยม “แต่ดูเหมือนพวกเจ้า สุภาพสตรีทั้งสอง ช่วยกระตุ้นยอดขายร้านข้ามาก งั้น ข้าจะบอกเจ้าฟรีๆ”
แอนนาหันกลับไปมองและยิ้ม “ลุงต้องขอบคุณพี่แคทริน่า ข้าเป็นลูกค้าประจำอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเห็น ‘ฝูงหมาป่า’ มากขนาดนี้มาก่อน”
“เจ้าชื่อแคทริน่าสินะ เป็นชื่อผู้หญิงโหลๆ ในคัลแคต เจ้าเป็นคนที่นี่รึ?” กัลฟ์ถามพร้อมกับรอยยิ้ม
ก่อนที่แคทริน่าจะทันได้ตอบ แอนนาก็พูดขึ้นแทน “ไม่ นางไม่ใช่คนที่นี่ พี่แคทริน่ามาจากตระกูลขุนนางในเขตอื่น”
“ตระกูลขุนนาง? มิน่าเจ้าถึงดูสง่ากว่าทหารรับจ้างคนอื่น” กัลฟ์ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ “จริงๆ ข้ารู้สึกคุ้นๆ หน้าเจ้า แคทริน่า ข้าว่าข้าเคยเจอเจ้ามาก่อน…”
แคทริน่าดูเศร้าลงทันตา ตระกูลของนางตกทอดมาแล้วสามร้อยปี ตามสายเลือดแล้ว นางคงดูคล้ายกับบรรพบุรุษของนางอยู่บ้าง นางจึงครุ่นคิดอยู่ในหัว “หลังจากสภาควบคุมจักรวรรดิชาชราน เมื่อสามารถสื่อสารและประชุมทางไกลได้ง่ายขึ้น ข้าจะสร้างหอคอยเวทมนตร์ของข้าที่นี่…”
“ลุงกัลฟ์ ลุงก็คุ้นหน้าผู้หญิงสวยๆ ทุกคนนั่นแหละ บอกข่าวลับมาได้แล้ว!” แอนนาพูดออกไปตรงๆ
กัลฟ์วางผ้าลงและกุมขมับ ก่อนที่เขาจะพูดเบาๆ ว่า “มีอีวานคนหนึ่งเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์ เจอที่เกิดเหตุคนแรก เขาเห็นห้องโถงที่เต็มไปด้วยศพกองและเลือดนอง ตอนเขาไปทำความสะอาด มีทั้งขุนนาง อัศวิน ชาวบ้าน ศิลปิน มีแม้แต่… นักเวท..”
เพื่อเป็นเกียรติแด่นักบุญอีวาน ชื่อที่โหลที่สุดในจักรวรรดิชาชรานก็คืออีวาน
“นักเวท?” แอนนาอุทาน นักเวทตัวจริงยากที่จะเข้ามาในจักรวรรดิชาชราน
แคทริน่าหลบตาและตั้งใจฟัง
“ใช่แล้ว ตามที่อีวานบอก นักเวทคนนั้นมีตราอาร์คานาระดับหนึ่งและตราเวทมนตร์ระดับสอง ข้าถามคนอื่นๆ มาว่าเขาหน้าตายังไง เขาเพิ่งมาคัลเคตได้ไม่นาน เขาตามหาไล่ซื้อของที่พวกนักเวทต้องใช้” กัลฟ์อธิบายรูปร่างหน้าตาของนักเวทคนนั้น โดยระบุว่าเขามีไฝสีดำติดกับตาข้างซ้าย
แคทริน่ายืนยันตัวตนของเขาอยู่ในใจ นั่นเป็นนักเวทคนที่ตายจริงๆ
กัลฟ์เล่าต่อ “แต่มันแปลกมากที่คนที่ไม่เหมือนกันเลยเป็นสิบคนมาตายในที่เดียวกัน แต่ที่แปลกยิ่งกว่าก็คือแท่นบูชาตรงกลางห้อง แม้ไม่เหลือร่องรอยอะไร แต่มีกลิ่นไอของการสังหารหมู่ทำลายล้างเหลืออยู่”
“คนพวกนั้นตายยังไง? ฆ่าตัวตายหรือถูกฆ่า?” แคทริน่าตั้งใจถามที่เหมาะสมกับตัวตนในตอนนี้ของนาง คำถามที่ทหารรับจ้างผู้หญิงมากประสบการณ์ช่างสงสัยควรถาม นางบอกได้ว่าแอนนาตั้งใจจะถามคำถามนี้เหมือนกัน
กัลฟ์ตอบด้วยเสียงที่เบาลงยิ่งกว่าเดิม “นี่เป็นเรื่องแปลกเรื่องที่สาม พวกคนนั้นฆ่ากันเองจนตายกันหมด ไม่ใช่การสู้กันตัวต่อตัว แต่ตะลุมบอนกันโกลาหล บางศพมีแผลเหวอะหวะทั่วตัว”
“คนธรรมดากับศิลปินจะฆ่านักเวทได้เหรอ?” แม้แต่แอนนาก็ไม่อยากเชื่อ “ลุงบอกว่ามีอัศวินด้วยใช่ไหม?”
“มีอัศวินคนหนึ่ง เขาก็ตายเหมือนกัน” กัลฟ์ออกอาการกลัวพอต้องอธิบาย “ไม่มีวี่แววว่าอัศวินคนนั้นใช้พลังโลหิต หรือมีพลังเวทหลงเหลือ นั่นหมายความว่า… ว่าพวกนั้นทำพิธี ‘เทศกาลสังหาร’ ในฐานะคนธรรมดา และ… และจากตำแหน่งของศพ ไม่มีใครคิดหนีสักคน”
ข้อมูลนี้มีรายละเอียดลึกกว่าที่แคทริน่าได้จากสภาเวทมนตร์ พอคิดอยู่พักหนึ่ง นางก็ถามขึ้น “พวกเขาเจอกับภาพหลอนหรือเปล่าคะ? ข้ารู้มาว่าแท่นบูชาบางกลุ่มมีอำนาจครอบงำจิต และทำให้สาวกทำเรื่องเหลือเชื่อได้”
“สมแล้วที่เป็นสตรีตระกูลขุนนาง เจ้ารู้จักกลุ่มนอกรีตดี” กัลฟ์หายกลัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นไปได้ คดีนี้ถึงเรียกว่าการบูชาปีศาจยังไงล่ะ อย่างน้อย ปีศาจก็ไม่ปล่อยให้สาวกฆ่ากันเอง แม้ต้องรวบรวมพลังศรัทธาบริสุทธิ์ด้วยการสังหาร ปีศาจก็จะไม่ยอมให้สาวกถูกฆ่า แน่นอน ข้าไม่รู้ว่าศาสนจักรยืนยันด้วยวิธีไหนว่าทุกคนเป็นสาวกปีศาจ บางที พวกเขาอาจเป็น ‘คนธรรมดา’ ก็ได้…”
“ฟังดูแปลกและน่ากลัวว่าเรื่องเล่าของกวีอีกนะเนี่ย…” แอนนายกมือทาบอก “ลุงกัลฟ์ มีอะไรแปลกๆ อีกไหมคะ?”
“แปลกๆ?” กัลฟ์ค่อยๆ ทบทวน “เหยื่อทุกคนดูสงบสุขหลังตาย ราวกับถูกปลดปล่อย แต่ไม่ได้ถูกฆ่า อีวานรู้สึกเย็นสันหลังวาบตอนเข้าไปในห้องโถง ทั้งที่พฤษภาคมแบบนี้อากาศยังอบอุ่น”
ความอยากรู้ของแอนนาตื่นเต็มตัว นางซอกแซกถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่กัลฟ์ก็รู้เท่านั้น เขาช่วยไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจ “มีเรื่องผิดปกติอีกมาก แต่อีวานกลัวเกินกว่าจะสังเกตทั้งหมด หลังจากศาสนจักรเข้าไปสืบสวน คฤหาสน์ก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ล้าง เพราะกลัวว่าไอปีศาจจะมาถึงคัลเคต เราเลยไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติอีกไหม”
“ศาสนจักรล้างคฤหาสน์ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์…” แคทริน่าพูดซ้ำ นั่นเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการสืบสวนของนาง หมายความว่าอาจเหลือเบาะแสในที่เกิดเหตุไม่มาก
นางแกล้งทำเป็นสงสัย แล้วถามออกไป “แล้วหลังจากนั้น อีวานจำอะไรได้อีกไหมคะ? นี่ก็หลายเดือนแล้ว”
“ใช่ๆ เขาจำได้ไหม?” แอนนาพยักหน้า นางผิดหวังกับเรื่องเล่าที่ไม่มีตอนจบ
กัลฟ์พยายามยิ้ม แต่รอยยิ้มก็เพียงเพื่อขับไล่ความประหม่าและความกลัวของเขา “อีวานฝันร้ายทุกวันตั้งแต่เห็นสถานที่เกิดเหตุ ศาสนจักรให้รางวัลเขาก้อนใหญ่ เขามาดื่มที่ร้านข้าทุกวัน เขาจะข่มตาหลับได้เฉพาะตอนเมาจนลืมเรื่องไปเท่านั้น แต่อาทิตย์หนึ่งหลังเกิดเหตุ เขาก็เมาพลัดตกแม่น้ำ แล้วจมน้ำตาย”
“อ้าว…” แอนนาสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ นางไม่กล้าถามอะไรต่อ
แคทริน่ารู้สึกไม่ต่างกัน แต่นางรู้สึกผิดหวังและหัวเสียเสียมากกว่ากลัว แม้ถือว่าภารกิจลุล่วงแล้ว ถ้านางนำเอกสารที่รวบรวมมาถึงตอนนี้ที่เบาะแสหายไปหมดแล้ว นางยังอยากสืบต่อในฐานะนักเวทผู้เก่งกาจที่มีความกระหายใคร่รู้และสืบหาความจริง “ข้าต้องลอบไปที่กองไต่สวนคัลเคตและหาเอกสารการสืบสวนมาดูไหม?”
นางไม่มั่นใจเรื่องนี้เลย เพราะเมืองสำคัญๆ ต้องมีนักบวชแดงคอยดูแลอยู่แน่ๆ
แอนนารู้สึกกลัวคดีพิธีบูชาปีศาจขึ้นมา นางยกซดแก้วไวน์ไปสองสามแก้ว หวังระงับความประหม่า ก่อนกลับไปที่โรงแรมกับแคทริน่า ตอนนั้นเอง ยาคอฟที่ไปรายงานการปลุกพลังโลหิตกับศาลาว่าการก็กลับมาพอดี
เขากำลังบอกข่าวเล่าความกับทหารรับจ้างว่า เขาจะได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น แต่เห็นแอนนากับแคทริน่าเดินหน้าซีดเซียวเข้ามา เขาก็หุบยิ้มและถามด้วยความกังวล “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อไม่เห็นใครแปลกหน้า แอนนาบอกข่าวลับที่ทั้งสองรับรู้มาจากโรงเตี๊ยมให้เขาฟัง
“นักเวทตัวจริง… เขาหน้าตายังไง?” หลังจากตั้งใจฟังนางอธิบาย ยาคอฟก็ถามหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง
แอนนาชี้ไปที่ตาของนาง “เขามีไฝสีดำตรงหางตาซ้าย”
“ไฝสีดำ…” ยาคอฟทวนคำและไม่ได้พูดอะไรต่อ
แคทริน่ามองเขาแล้วขอตัวกลับเข้าห้อง อ้างว่านางเหนื่อยเต็มที
เมื่อยามค่ำคืนมืดสนิทและเงียบงัน เงาๆ หนึ่งก็วูบไหวออกมาจจากห้องของแคทริน่าราวกับสายลมเย็น และมุ่งตรงไปยังเขตขุนนาง
ก่อนการเดินทางครั้งนี้ นางแลกยาวิเศษที่ปลุกพลังโลหิตของนางมาขวดหนึ่ง หลังจากทบทวนดูแล้วว่าการใช้เวทมนตร์ในจักรวรรดิชาชรานคงไม่สะดวกนัก หลังผ่านการแก้ไขของสภาเวทมนตร์มายาวนาน พลังที่ถูกปลุกด้วยยาวิเศษก็มีพลังเทียบเท่ากับพลังที่ตื่นขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตาม ผลของพลังยังจำกัด และผู้รับพลังจะไม่สามารถพัฒนาถึงระดับอัศวินหลวงได้
ท่ามกลางเสียงลมพัดหวีดหวิว แคทริน่าที่ปลุกพลังโลหิต ‘พายุหิมะ’ มาแล้ว พรางตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ศาสนจักรจะล้างคฤหาสน์ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว แต่นางก็ยังอยากมาสืบด้วยตัวเองอยู่ดี นี่ก็เหมือนกับการทดลอง เราจะเชื่อได้ก็ต่อเมื่อได้ยืนยันด้วยตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้ ฟังดูไร้เหตุผลสิ้นดีที่นักเวทจะบูชาปีศาจไม่นานหลังจากมาถึงเมืองคัลเคต
………………………………………………………..