Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - บทที่ 760 ความโลภคือบาป
บนตรีศูลทองคำ แสงเจิดจ้าจากกุญแจน้ำเงินอ่อนกำลังลงมากจนดูราวกับมีมหาสมุทรอีกแห่งบรรจุอยู่ในนั้น เสียงคลื่นที่ดังแว่วมานั้นให้ความรู้สึกว่ามันจะสาดซัดไปตลอดกาล
ประตูน้ำเงินเบื้องหลังแท่นบูชาเองก็สูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ยากจะจับต้องได้ไปเช่นกัน แสงสว่างเลือนลางหลั่งไหลสั่นสะเทือนไปกับกุญแจน้ำเงิน
ทันใดนั้น พื้นที่เป็นแอ่งที่ประตูน้ำเงินสร้างขึ้นก็ถูกม่านหมอกสีน้ำเงินดั่งภาพมายาเข้าปกคลุม
พลังจิตของลูเซียนที่แผ่ออกเป็นวงกว้างถูกตีกลับมาทันทีที่แตะโดนม่านหมอกสีน้ำเงินนั้น ส่งผลให้การเชื่อมต่อกับบริเวณภายนอกถูกตัดขาด
ใจลูเซียนหล่นวูบ เขาเคร่งเครียดขึ้นมากว่าครั้งไหนๆ ฮาเร็กซ์ควบคุมจังหวะได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ เขาเพิ่งจะกระตุ้นใช้เวท ‘จัดลำดับเวทมนตร์’ ที่ร่ายเก็บไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ยังไม่ทันจะออกไปพ้นเขตแดนของประตูน้ำเงินด้วยเวทบทอื่น ก็ถูกม่านพลังประหลาดกักขังไว้เสียแล้ว หากศัตรูช้าไปแม้เพียงวินาทีเดียว เขาก็คงจะไปอยู่ข้างกายนาตาชาด้วยการใช้เวทเคลื่อนย้ายดังใจแล้วเป็นแน่
แม้ลูเซียนจะเคร่งเครียดเพียงใด แต่เขาก็หาได้รู้สึกสิ้นหวังหรือหดหู่ไม่ อย่างไรเสีย แม้ว่ามันจะยังมีช่องว่างระหว่างพลังของเขากับผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุด การต้านทานศัตรูไว้สักพักก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว ตราบใดที่เขาสามารถทำลายม่านพลังนี้ในขณะตั้งรับ เมื่อผนวกกับการโจมตีของนาตาชาจากทางด้านนอก มันย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะหลบหนีออกไปได้ อย่างไรเสียเขาก็มิได้มาผู้เดียว นอกจากนี้ เขาคงจะสลายม่านพลังนี้ได้ด้วยเพียงการโจมตีของ ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ ไปแล้ว หากว่ามันไม่ใช่ม่านพลังแห่งกาล-อวกาศเช่นนี้!
แต่ในเมื่อฝ่ายศัตรูสามารถใช้พลังจากประตูน้ำเงินได้เล็กน้อย ลูเซียนคิดว่าตนไม่ควรดูถูก ‘ม่านพลัง’ นี้ เขาหยิบลูกแก้วออกมาและร่ายเวทพยากรณ์เพื่อมองหาจุดอ่อนของม่านพลัง ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ร่ายคาถาแสนซับซ้อนออกมา “เวทมนตร์พลิกผัน!”
ในเมื่อตอนนี้เขาต้องรับมือกับม่านพลังนี้ เขาจึงต้องคำนึงถึงการป้องกันตนเองเป็นอันดับแรก
กระจกประหลาดที่เต็มไปด้วยลวดลายพิสดารปรากฏขึ้นตรงหน้าลูเซียน ดูเหมือนกับช่องทางที่เชื่อมต่อกับโลกอีกใบ
ฮาเร็กซ์ไม่ได้โจมตีในทันที เขากลับขมวดคิ้วแล้วมองไปทางไทเออร์สที่อยู่ในวงแหวนเวทแปรสภาพ ร่างของมันถูกความมืดมิดเข้าปะปนและบิดเบี้ยวไปมาไม่หยุด ดูราวกับการผสมรวมอารมณ์ด้านลบที่ทำให้สภาพแวดล้อมปนเปื้อนอย่างไม่หยุดยั้ง
เส้นสายสีดำที่แทบจะมองไม่เห็นแผ่ขยายเข้าไปยังสุญญากาศที่เกิดจากการผสมรวมและเชื่อมต่อกับความรู้สึกด้านลบรอบๆ นั้นทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุว่าผู้ใดคือร่างหลักและผู้ใดคือร่างมายา พวกมันเป็นเหมือน ‘เมฆหมอกแห่งความน่าจะเป็น’ ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งจะระบุข้อมูลได้ก็ต่อเมื่อหลังจากเกิดการพังทลายในท้ายที่สุด ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือสิ่งที่แปรสภาพมาจากแมงกะพรุนทมิฬนั้นมีปฏิกิริยากับสิ่งที่อยู่รอบๆ นั้นและไม่มีสัญญาณของการพังทลาย
แน่นอนว่ามันมิได้มีความรู้สึกพิเศษของการพังทลายเป็นวงกว้างอย่างภายในเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ หรือสัมผัสของความสูงส่งเหนือธรรมชาติที่ติดมากับมัน แสดงให้เห็นว่ามันยังคงมีช่องว่างอันใหญ่หลวงจากระดับมนุษย์ครึ่งเทพ
“การแปรสภาพเสร็จสิ้นเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ” ฮาเร็กซ์ประหลาดใจเล็กน้อย ทว่า เขาหาได้มีประสบการณ์อันใด และทำได้เพียงหาข้อสรุปด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมของตนเอง
“หากข้าไม่ควบคุมไทเออร์ส มันคงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่หลังจากที่มันคุ้นเคยกับสถานภาพนั้นแล้ว…” ฮาเร็กซ์ตัดสินใจหันกลับไปสนใจวงแหวนเวทแปรสภาพ มิใช่เพราะเขากลัวว่าไทเออร์สที่ถูกแปรสภาพเป็นปีศาจแห่งบรรพกาล เขากลับกังวลว่ามันอาจจะหลบหนีไปหรือฆ่าตัวตายขณะยู่ในสถานะอันแปลกประหลาดนั้น หากเป็นเช่นนั้น แผนการแปรสภาพอันไร้ที่ติของเขาคงกลับกลายเป็นสูญเปล่า
เขาจดจ้องลูเซียนที่เพิ่งจะใช้เวทมนตร์พลิกผันด้วยดวงตาเย็นเยียบสีแดงเข้ม ก่อนที่เขาจะโบกตรีศูลทองคำในมือ ม่านหมอกสีน้ำเงินพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ปิดกั้นเขาจากลูเซียนโดยสมบูรณ์
“นี่คือโอกาสของเจ้า หากเจ้าสามารถฝ่าผ่านม่านพลังกักขังน้ำเงินและหลบหนีไปได้ก่อนที่ข้าจะทำสำเร็จ นั่นหมายความว่าวันนี้คือวันโชคดีของเจ้า และเจ้าจะไม่ถูกข้าสังหาร แต่หากเจ้ายังอยู่ที่นี่หลังจากที่การแปรสภาพของข้าเสร็จสมบูรณ์ ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน” แม้ประโยคที่ฮาเร็กซ์กล่าวจะยืดยาว แต่เพราะกระแสเสียงแปลกๆ ที่แฝงอยู่ในน้ำเสียง ลูเซียนจึงเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อในทันที
ลูเซียนไม่ได้รู้สึกหัวเสียหรือได้รับอิทธิพลจากถ้อยคำยั่วโมโหของฮาเร็กซ์เลยสักนิด ความสนใจของเขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การทำลายม่านพลังที่กางกั้นระหว่างพวกเขาและหยุดยั้งการแปรสภาพเสียทีเดียว และเขาก็ร่ายเวทออกมาเช่นกัน
“เวทพังทลายขั้นสุดยอด!”
ตราบใดที่เขาออกนอกเขตแดนของประตูน้ำเงินได้ แม้ว่าฮาเร็กซ์จะแปลงสถานภาพสำเร็จ เขาก็ยังถอยร่นไปพร้อมกับนาตาชาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าการแปรสภาพของฮาเร็กซ์จะสำเร็จ แต่มันยังอีกยาวไกลนักก่อนที่เขาจะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ มากสุด เขาก็คงแข็งแกร่งเทียบเท่าท่านประธานเพียงเท่านั้น มันหาใช่สถานการณ์วิกฤติถึงแก่ชีวิต แล้วเหตุใดเขาจึงต้องหยุดยั้งคนผู้นี้และเสียเวลาอันมีค่าของเขาไปกับสถานที่เช่นนี้ด้วยเล่า
แกร๊กๆๆ
ม่านหมอกสีน้ำเงินเกิดเสียงระเบิดปะทุขึ้นด้วยฤทธิ์ของ ‘เวทพังทลายขั้นสุดยอด’ ส่งผลให้เกิดระลอกคลื่นสั่นสะเทือนรุนแรง ทว่า ประตูน้ำเงินกลับตั้งตระหง่านนิ่งสงบดังเดิม ผลสุดท้าย ม่านพลังจึงไม่พังทลายลงแม้ว่ามันจะอ่อนกำลังลงแล้วก็ตาม
“คงต้องใช้ ‘เวทพังทลายขั้นสุดยอด’ อีกอย่างน้อยห้าครั้งกว่าจะทำลายมันได้ เวลาอาจเพียงพอสำหรับฮาเร็กซ์ในการแปรสภาพแมงกะพรุนทมิฬให้สำเร็จ…” ลูเซียนสรุปหลังจากได้รับการตอบสนองจากการโจมตี เขาจึงพร้อมที่จะระดมโจมตีด้วยเวทพังทลายขั้นสุดยอดที่เสริมด้วยเวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอน!
แม้ว่าวิธีนี้จะเป็นการใช้พลังจิตจนเหนื่อยล้าเกินไป ศักยภาพของเขาในยามนี้ก็เพียงพอให้เขาทำแบบนั้นได้นับสิบครั้ง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอื่นๆ จนเกินไปในเมื่อตอนนี้เขากำลังรีบ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ฮาเร็กซ์ก็ร้องคำรามลั่น พร้อมกับที่น้ำทะเลรอบๆ บริเวณไหลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว
นั่นทำให้การร่ายเวทของลูเซียนเชื่องช้าลง และเขาก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอันเหนือความคาดหมายบนแท่นบูชา
ฮาเร็กซ์ยืนอยู่ในวงแหวนเวทอีกวงมาตลอด เพื่อกระทำการแปรสภาพผ่านเจ้า ‘แมงกะพรุนทมิฬ’ ไทเออร์ส ด้วยวิธีการนี้ เขาจะสามารถบรรลุเป้าหมายพร้อมทั้งสะกดข่มความรู้สึกด้านลบภายในหุ่นเชิดโดยไม่ส่งผลต่อตัวเขาเอง ทว่า ในชั่วขณะนั้นเอง อักษรรูนและเส้นสายมากมายที่เชื่อมโยงวงแหวนเวททั้งสองกลับถูกความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง และความโลภเข้าปกคลุม
ทางด้านมวลสารจากการหลอมรวมที่บิดเบี้ยวไม่หยุดยั้ง ได้ฝ่าผ่านการเหนี่ยวรั้งของวงแหวนเวทมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่มิทราบ แล้วกระโจนเข้าใส่ร่างของฮาเร็กซ์!
ความพลิกผันที่เกิดขึ้นนี้อยู่เหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ฮาเร็กซ์ที่ตกตะลึงและเกิดโทสะ แต่ลูเซียนที่ค่อนข้างคุ้นเคยกับวงแหวนเวทแปรสภาพก็ยังรู้สึกว่ามันผิดแปลกไป แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักสัญลักษณ์และลวดลายพิเศษประจำเผ่าพันธุ์แห่งท้องทะเล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะมองออกว่ามวลสารปีศาจแห่งบรรพกาลย่อมหลบหนีออกจากวงแหวนเวทมาได้อย่างง่ายดาย
‘ผิดพลาดที่ใดกัน’
แม้ว่าจะประหลาดใจ แต่ฮาเร็กซ์ก็หาได้ตื่นตระหนกไม่ ตรีศูลทองคำในมือทั้งสองข้างของเขาเปล่งแสงออกมาอีกครั้ง แล้วกระแสน้ำก็ไหลทะลักออกไป เพื่อสกัดกั้นมวลสารปีศาจแห่งบรรพกาลที่ใกล้จะถึงตัวเขาแล้ว
“ฮ่าๆ ฮาเร็กซ์ ไม่ได้ผลหรอก ปฏิกิริยาของเจ้านับว่าไม่แย่ แต่ก็ช้าไปสักหน่อย เพราะเจ้าคิดผิดแต่แรกแล้ว ข้ามักบอกกับทุกคนเสมอว่าความโลภจักลดทอนสติปัญญาของผู้มีพลังชั้นสูง
ซุ่มเสียงแฝงความเยาะหยันแสนคุ้นหูทำให้ลูเซียนถึงกับอึ้งงัน แต่มิมีผู้ใดเชื่อข้าเลย เหอะๆ มีคนโง่เพิ่มขึ้นทุกวันจริงๆ” มวลสารปีศาจแห่งบรรพกาลที่มีสีดำและบิดเบี้ยวไปมาส่งเสียงอย่างเยาะหยัน
“เจ้าแห่งนรก?”
“มัลติมุส!” ฮาเร็กซ์เองก็คุ้นเคยกับเสียงนี้ดี เขาคำรามด้วยความตะลึงและเดือดดาล อาการนิ่งสงบก่อนหน้านี้เริ่มเผยให้เห็นถึงความตระหนกแล้ว
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุดผู้ปกครองมหาสมุทร แต่เขาย่อมตื่นตระหนกและหวาดกลัวเมื่อได้รู้ว่าตนเองติดกับดักของมนุษย์ครึ่งที่มีตัวตนอยู่มานานไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปี!
ที่มัลติมุสเผยตัวตนโดยไม่ปิดบังนั้นก็เพื่ออาการตื่นตระหนกชั่ววูบนี้เอง เขาฉวยโอกาสจากความบกพร่องในสมองฮาเร็กซ์ขณะที่เงาสีดำบิดเบี้ยวค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่ร่างของเขา ยังผลให้การหลอมรวมขั้นต้นเสร็จสิ้น!
“ฮ่าๆๆ นับแต่ที่ยุคสมัยแห่งเทวะตำนานจบสิ้นลง ข้าก็คอยมองหน้าเปลือกที่ข้าจะใช้เพื่อมาเยือนยังโลกหลักนี้ได้อย่างมั่นคงมาโดยตลอด น่าเสียดายที่ไม่มีสิ่งใดนอกจากสิ่งที่มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุดเท่านั้นที่สามารถทานทนพลังของข้าได้ แม้แต่ร่างของมังกรก็ยังทนรับไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าจึงไม่มีโอกาสเสียที ต้องขอบคุณที่ไวเค็นลอบปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการแปรสภาพเป็นปีศาจแห่งบรรพกาล และต้องขอบคุณคนที่ถูกความโลภบังตาอย่างพวกเจ้าที่พยายามอย่างไม่ท้อถอย ข้าแทบไม่มีทางมองไม่เห็นโอกาสนี้ ผู้ใดเล่าจะเข้าใจปีศาจแห่งบรรพกาลดีเท่าข้า” มัลติมุสเยาะเย้ยฮาเร็กซ์ต่อไปด้วยถ้อยคำและเสียงหัวเราะ ด้วยหวังจะจบการครอบงำร่างกายให้เร็วที่สุด
“ไม่!” ฮาเร็กซ์ข่มอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ของตนและใช้พลังของกุญแจน้ำเงินบนตรีศูลทองคำโดยไม่ลังเล มันเปล่งแสงเจิดจ้าเหนือจินตนาการ
ประตูน้ำเงินสั่นสะเทือนเล็กน้อยขณะที่ม่านหมอกสีน้ำเงินพุ่งมารวมตัวกันหนาแน่นบนกุญแจน้ำเงิน จากนั้น สีน้ำเงินอันไร้ที่สิ้นสุดก็ไหลบ่าออกมาจากกุญแจน้ำเงิน ดูราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากดูอันตรายท่วมท้น
กระแสน้ำควบทะยานเหมือนม้าที่มีแสงเจิดจ้าเกาะตัวกันหนาแน่นดุจน้ำมัน มันปัดกวาดมวลสารปีศาจแห่งบรรพกาลที่หลอมรวมเข้ากับร่างของฮาเร็กซ์แล้วส่วนหนึ่ง กระชากสีดำสนิทชวนขนลุกออกไปทีละชั้นๆ
ชั่วขณะเสี่ยงเป็นเสียงตาย ฮาเร็กซ์ไม่คิดจะควบคุมพลังของตน ปล่อยให้น้ำทะเลหลั่งไหลเข้ามาจนท่วมท้น ซึ่งนั่นส่งผลให้ลูเซียนที่เพิ่งจะหลุดพ้นจากม่านพลังกักขังน้ำเงินมาได้ ขยับตัวไม่ได้อีกครั้งเพราะแสงสว่างเจิดจ้า
‘เจ้าโง่เอ้ย ทำไมต้องหยุดกันด้วย’ ลูเซียนสบถด้วยความโมโห ‘ยามเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งนรก มิใช่ว่าทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกหลักที่ยังมีสติดีอยู่ควรจะอยู่ฝ่ายเดียวกันหรอกหรือ ฉันกำลังจะหยุดมันจากการเข้าสิงร่างแกนะ!’
แต่ลูเซียนก็รู้ดีว่าฮาเร็กซ์คงไม่มีเวลาจะมาแบ่งแยกมิตรและศัตรูในช่วงเวลาเช่นนี้และคงทำเพียงเพื่อขจัดภัยทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ มันไม่นับว่าแปลกอะไรที่นักเวทจะร่วมมือกับปีศาจ!
“เวทพังทลายขั้นสุดยอด!”
เวทพังทลายขั้นสุดยอดที่เสริมด้วยเวทหัตถ์แห่งความไม่แน่นอนที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ถูกปล่อยออกไป ทำให้น้ำทะเลรอบตัวลูเซียนหายลับไปในทันใด ทว่า ด้วยอิทธิพลของประตูน้ำเงิน ที่เบื้องหน้านั้นจึงยังเหลืออยู่เล็กน้อย
ลูเซียนกำลังจะใช้เวทการทำลายล้างยิ่งใหญ่ที่ร่ายกำกับไว้บนเสื้อคลุมมหาจอมเวท เป็นตอนที่ประกายแสงจากดาบสีเงินสะท้อนวูบบนนัยน์ตาเขาพอดี เศษเสี้ยวม่านพลังสีน้ำเงินเล็กๆ นั้นพลันร่วงหล่นแตกสลาย
นาตาชามาถึงได้ทันเวลาหลังจากที่ม่านพลังกักขังหายไป!
…………………………………………