Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 353
ในฐานะศูนย์ยุทธศาสตร์ที่ก้าวหน้าที่สุดของศาสนจักร ราชอาณาจักรโฮล์มประกอบไปด้วยวีระอัศวินสี่นาย และอัศวินทองคำเจ็ดถึงแปดนาย ซึ่งมีพลังสูงกว่าอำนาจของศาสนจักรในพื้นที่เช่น ราชรัฐไวโอเล็ต ดังนั้น แม้แต่ตอนที่เปลี่ยนกะแล้ว ก็ยังคงมีพระคาร์ดินัลสามรูปอยู่ในห้องพักผ่อน
พระคาร์ดินัลทั้งสามแหงนหน้าขึ้นพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู พระอนันต์รูปหนึ่งยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา
“มาจากคนของเราในสภาหรือไม่?” พระคาร์ดินัลรูปนั้นมีแก้มตอบและมีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
เมื่อหยิบจดหมายออกมา ผู้พิทักษ์ราตรีก็ตอบด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ “ขอรับ ใต้เท้า” อันดราเดไม่ได้กินอะไรเลยทำเครื่องหมายกางเขนบนหน้าอก “ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”
“สัจจะคงอยู่นิรันดร์!” ผู้พิทักษ์ราตรีตอบด้วยความแข็งขัน และหลังเดินจากไป
“อันดราเด มีเรื่องอะไร? เราต้องรายงานท่านพระคาร์ดินัลหลวงไหม?” พระคาร์ดินัลอีกรูปหนึ่งถามขึ้นด้วยความเป็นกังวล
เพื่อค้นหาข้อมูลในจดหมาย อันดราเดพลิกซองจดหมายและอ่านคำสำคัญจากซองจดหมายอีกด้าน เนื่องด้วยเรื่องเหลือเชื่อมากมายที่เล่นงานพวกเขาในช่วงที่ผ่านมา ศาสนจักรจะสั่งให้สายลับในสภาเวทมนตร์ระบุคำสำคัญที่บ่งบอกถึงข้อมูลหลักบนด้านหลังของซองจดหมายที่มีสารลับอยู่ภายใน โดยเฉพาะข้อมูลที่อาจสั่นคลอนหลักการและทฤษฎีพื้นฐานด้านเทววิทยา เพื่อให้พระคาร์ดินัลหลวงและพระคาร์ดินัลได้เตรียมใจรับภาวะอกสั่นขวัญแขวน ครั้งล่าสุด แม้แต่ผู้นำของกลุ่มนักบวช วารันไทน์ ก็ยังได้รับบาดเจ็บจากการแปรผันของโลกแห่งพุทธิปัญญาที่ไม่คาดคิดอย่างกะทันหัน
“นักบุญอนุภาคใหม่ สั่นคลอน ทฤษฎีอะตอม”
คำสำคัญทั้งสี่คำปรากฏอยู่ในดวงตาอันลุ่มลึกของอันดราเด
คำแรกมีความหมายถึงระดับความสำคัญของข่าวกรองชิ้นนี้ ข้อมูลที่เป็นความลับและสำคัญมากที่สุดจะเรียกว่า ‘อัครทูตสวรรค์’ ตามด้วย ‘ทูตสวรรค์’ และ ‘นักบุญ’ อยู่ในระดับที่สาม ข่าวกรองระดับสามถือว่ามีความสำคัญแล้วต้องส่งให้กับพระคาร์ดินัลหลวงในทันที
อันดราเดหรี่ตาลงเล็กน้อยและตอบราวกับไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ “ข้อมูลระดับสาธุชน น่าจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปของสภาเวทมนตร์”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็รับผิดชอบไป” พระคาร์ดินัลอีกรูปสั่งการโดยไม่เคลือบแคลงสงสัย
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากพระคาร์ดินัลรูปใดสละความเชื่อในพระเจ้า จุดจบของพระคาร์ดินัลรูปนั้นมีหนทางเดียวคือความตายจากแสงศักดิ์สิทธิ์
ภายในห้องพักผ่อนดังกล่าว โต๊ะสามตัวเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง อันดราเดเริ่มอ่านจดหมายโดยไม่แสดงท่าทีวิตกกังวลเหมือนเขากำลังอ่านข้อมูลทั่วไป แล้วเขาก็เริ่มจดข้อมูลลง “เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างลำดับธาตุและทฤษฎีอะตอม จอมเวทอาวุโสหลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยในอะตอม แต่ยังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจน”
หลังจากนั้น ก็มีข่าวกรองถูกส่งเข้ามายังห้องพักผ่อนแห่งนี้อีกหลายชิ้น พระคาร์ดินัลแต่ละรูปจะรับผิดชอบและเขียนสรุปเป็นรายงาน
เมื่อใกล้ถึงเวลาสิบนาฬิกา พระบิชอปผู้รับผิดชอบการเผยแพร่ข้อมูลก็เข้ามาในห้องและรับรายงานไป
ต่อมา เมื่อเวลาสิบนาฬิกา สามสิบนาที รายงานเหล่านั้นก็ถูกส่งไปยังระดับต่างๆ
ภายในห้องพักผ่อนที่เงียบสงบ พระคาร์ดินัลทั้งสามรูป ก็เริ่มแลกเปลี่ยนสิ่งที่ได้อ่านเพื่อรวบรวมข้อมูล เวลาสิบเอ็ดนาฬิกา สามสิบนาที รายงานฉบับสรุปน่าจะอยู่ในมือของฟีลิเบล พระคาร์ดินัลหลวง และวาฮารัลล์ ผู้นำของคณะไต่สวน
“สภาเวทมนตร์เริ่มสงสัยในทฤษฎีอะตอมอย่างนั้นหรือ?” พระคาร์ดินัลรูปหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสี “ข้าสงสัยว่าท่านนักบุญจะต้องมาคอยไล่แก้คำสอนในเทววิทยาอีกหรือไม่?”
อันดราเดหรี่ตายิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
พระคัมภีร์คือหลักการ พระวจนะของพระเจ้า หลักคําสอนของศาสนิกชนซึ่งมีคุณค่าเชิงอภิปรัชญาที่ยิ่งใหญ่และคุมเครืออย่างยิ่ง ขณะที่เทววิทยาเป็นการตีความของพระคัมภีร์ ซึ่งเกี่ยวกับการอภิปรายเชิงลึกในศาสตร์ทั้งหมด
… พระคาร์ดินัลอาบีดาลให้ความเคารพต่อเทววิทยาฉบับปรับปรุงโดยพระสันตะปาปาเสมอมา เนื่องจากเขาตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า หากไม่มีการเผยแพร่ความรู้ของพระสันตะปาปา ลำพังสติปัญญาของเขาคงไม่สามารถพาตัวเองมาไกลได้ถึงตำแหน่งบิชอประดับห้าในวัยเพียงสามสิบห้าปี และเป็นผู้ดูแลพระอารามหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเขต
“นี่เป็นพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ต่อศาสนิกสาธุชนทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ถ่ายทอดพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์ได้นำความจริงมาสู่เรา” อาบีดาลสวดมนต์ภาวนาทุกวัน “ความโลภและความขลาดบังตาเรา นำเราไปสู่ความอกตัญญู แม้ความกตัญญูเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของมนุษย์ ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก…”
เมื่อสวดมนต์ภาวนาจบ อาบีดาลก็ทำสัญลักษณ์กางเขนบนหน้าอกและหลับตาพูดเสียงเบาๆ “สัจจะคงอยู่นิรันดร์”
เมื่อลืมตาขึ้น อาบีดาลก็เห็นบาทหลวงหนุ่มรูปหนึ่งกำลังรอเขาอยู่ด้วยความเคารพ และถือเอกสารข่าวกรองอยู่ในมือ อาบีดาลพยักหน้าส่งสัญญาณให้เขาเข้ามา
“มีอะไรสำคัญไหม?” อาบีดาลถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ไม่เชิงขอรับ” บาทหลวงหนุ่มตอบด้วยความเคารพอย่างสูง
อาบีดาลพยักหน้าเบาๆ และเริ่มอ่านสาร เขาอ่านค่อนข้างเร็วและอ่านจนจบรายงานในเวลาเพียงไม่นาน สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดและบูดบึ้งเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสอนเทววิทยา บาทหลวงฝึกหัดหลายคนแอบเรียกเขาว่า ‘เทวาซาตาน’ อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเองมีความกลัวจับขั้วหัวใจปรากฏบนหน้า ราวกับว่าพระคาร์ดินัลรูปนี้ตกสู่ขุมนรกและได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นปีศาจ!
“ประมาณ… หนึ่งในสองพัน…” เขาพูดพึมพำ น้ำเสียงของเขาฟังดูแหบพร่าราวกับกระดาษทรายที่ขัดกระดาษทรายด้วยกันเอง
“ความศักดิ์สิทธิ์ของอะตอม… รากฐานของเทววิทยา… ถูกทำลายลงแล้วโดยพระผู้เป็นเจ้า…”
บาทหลวงหนุ่มยังไม่ได้ออกไป แต่เฝ้ารอคำสั่งต่อไปจากพระคาร์ดินัล
หลังจากผ่านสักพัก บาทหลวงหนุ่มก็รู้สึกว่าห้องเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ และมีเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังออกมาจากลำคอของอาบีดาล
บาทหลวงหนุ่มรีบหันหน้าขึ้นมอง และเขาก็ได้เห็นภาพที่ชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันลืม
สีหน้าของอาบีดาลแสดงออกถึงความกลัวสุดขั้วหัวใจและความพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด ลําแสงบริสุทธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมาจากร่างของเขาและกลืนกินใบหน้าที่กำลังตกตะลึง
ลำแสงกระจายไปทั่วห้อง บาทหลวงหนุ่มไม่อาจแม้แต่จะส่งเสียงร้อง
ภายใต้แสงสว่างจ้าในยามบ่ายภายนอกหน้าต่าง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยสัมผัสแห่งสีแดงสด
อาบีดาลไม่ใช่คนเดียวที่เผชิญเหตุการณ์ในสังฆมณฑลโฮล์ม บิชอปอีกหลายรูปซึ่งมีศรัทธาอันแน่วแน่ต่างก็ถูกลำแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน เมื่อรายงานถูกแจกจ่ายออกไปหลังได้รับการตรวจสอบจากศาสนจักร ไม่มีใครสักคนที่รู้สึกสงสัยก่อนที่จะเปิดอ่าน
สำหรับบิชอปอีกยี่สิบรูป แม้ว่าพวกเขาโชคดีที่รอดตายมาได้ แต่ก็เริ่มเกิดความสงสัยในหลักการและเทววิทยา ฉะนั้น ถือเป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะสามารถพัฒนาพลังเทพต่อไปมากกว่านี้ได้
…
ณ เวลาเที่ยงวัน คริสตจักรแห่งอาภา
ขณะที่ฟีลิเบลกำลังจะเริ่มสวดมนต์ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของพระคาร์ดินัลเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจากภายนอกประตู
“เกิดอะไรขึ้น?” ฟีลิเบลถามขึ้นเมื่อรู้สึกสังหรณ์ใจ
พระคาร์ดินัลรูปหนึ่งที่ยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสับสน “ใต้เท้าขอรับ… บิชอปหกรูปถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน… ยี่สิบสามรูปบาดเจ็บสาหัส แม้แต่ความเชื่อของพระคาร์ดินัลวิลีก็บอบช้ำ”
“ถูกนำแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน? ความเชื่อบอบช้ำ? พวกเขาเจออะไรเข้า? พวกเขาไม่น่าจะได้อ่านหนังสือพิมพ์” ฟีลิเบลถามด้วยน้ำเสียงเย็น
“ไม่ใช่หนังสือพิมพ์… แต่เป็นข่าวกรอง” พระคาร์ดินัลรูปนั้นยังคงอยู่ในภาวะตกตะลึงและยังเรียบเรียงคำพูดได้ไม่ดีนัก “มีการพบอนุภาคใหม่ ภายในอะตอม…”
“อะไรนะ?!” ฟีลิเบลไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
…
ไม่นาน คณะไต่สวนก็ตรวจพบว่าอันดราเดเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
ภายในห้องไต่สวน อันดราเดนั่งอยู่กับวาฮารัลล์ ตุลาการ ขณะที่ฟีลิเบลและวารันไทน์ยืนอยู่ข้างๆ กระจกกั้น ข้อสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง
“เจ้า… เจ้าแปรพักตร์ไปเข้ากับสภาตั้งแต่เมื่อไร?” วาฮารัลล์โกรธจัด แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสับสน เขาสงสัยว่าทำไมอันดราเดยังคงใช้อาคมเทพให้จับได้
รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าของอันดราเดดูบริสุทธิ์และเยือกเย็น “ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสภาเวทมนตร์ พระสันตะปาปาใช้ทฤษฎีของสภาแก้ไขเทววิทยา นั่นแหละผู้ก่อบาปหนักตัวจริง! เขาล่วงเกิดความศักดิ์สิทธิ์ของพลัง และไม่เคารพต่อพระผู้เป็นเจ้า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สภาปั่นหัวเราเหมือนลูกไก่ในกำมือ! เราควรละทิ้งเทววิทยาแบบนี้เสีย!”
ภายนอกห้องไต่สวน วารันไทน์หรี่ตาลงและผู้จัดฟีลิเบล “พลังของพวกอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงเติบโตขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาซึ่งๆ หน้า เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อพวกเราบางคนก็เริ่มสงสัยถึงความจำเป็นในการปฏิรูปเทววิทยา”
ขณะเดียวกันในห้องดังกล่าว วาฮารัลล์ก็ตะโกนออกมาเสียง “นี่คือเหตุผลที่เจ้าตัดสินใจสังหารบิชอป ภราดรของเจ้า! แล้วเจ้าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เจ้าเรียกว่าความศรัทธาอันแก่กล้า?!”
“ใครก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการทดลองนี้ล้วนเป็นผู้มีบาป พวกมันล้วนอุทิศตนให้กับการดูหมิ่นพระเจ้า! การฆ่าพวกมันเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่ข้าจะได้แสดงความศรัทธาต่อพระเจ้า!” อันดราเดพูดออกมาโดยไร้ความกลัว “เผาเขาเสียเถอะ ใต้เท้า วาฮารัลล์! ข้าจะได้ขึ้นสู่สวรรค์แห่งขุนเขาในกองเพลิง!”
…
ณ สำนักงานใหญ่ของสภาเวทมนตร์
อันแลนต์ ฟอร์แมน เจ้าของสมญานาม ‘เนตรแห่งคำสาป’ ยิ้มกว้างให้ดักลาส “จริงไหมที่เราไม่สามารถบังคับให้บาทหลวงทำสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อพื้นฐานของพวกเขา แล้วสมมุติถ้าเราฝังเมล็ดแห่งความสงสัยให้เติบโตขึ้นเองล่ะ? เราจะหารูโหว่ในสภาพจิตของพวกเขา แล้วใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ข้าเรียกว่าการภาพมายาเชิงปรมัตถ์”
อันแลนต์ลืมตาขึ้น ภายในลูกตาดำของเขา มีเงาและรูปร่างชวนขนลุกอยู่ในนั้น
“ตราบใดที่ใครก็ตามมีความคิด คนผู้นั้นไม่มีวันนี้รอดจากภาพมายา!”